เวลานี้หลิวหยุนเซียงและครอบครัวก็มาถึงพอดี
หลิวหยุนเซียงเอ่ยทักทาย : “พี่รอง พี่สะใภ้”
เหยาเสินเองก็เรียกตามขึ้นด้วยเช่นกัน : “ลุงรอง ป้า!”
“โอ้ หยุนเซียงกลับมาแล้ว เหยาเสินเองก็มาแล้วด้วย” หลิวหยุนเซิ่งตอบรับในทันที “สนใจมองแต่รถของเมี่ยวเจิน พวกเธอมาฉันไม่เห็นเลย”
หลิวเมี่ยวเจินที่หลิวหยุนเซิ่งพูดถึงนั้นก็คือลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวพวกเขานั่นเอง
“รถคันนี้เหยาเสินขับมาหลายปีแล้วใช่ไหม? ฉันคิดว่าเปลี่ยนไปตั้งนานแล้วเสียอีก ยังเป็นคันนี้อยู่อีก?”ฉินชวงเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่จริงใจนัก
“รถคันนี้ฉันขับจนชินแล้ว มีความผูกพันแล้วค่ะ ทำใจเปลี่ยนไม่ได้แล้ว”เหยาเสินเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ
“มีเงินใครไม่อยากจะขับรถดีๆกันล่ะ ได้ยินมาว่าเธอรับช่วงจากบริษัทล้มละลายที่ปิดตัวลงแล้วคงจะไม่ได้ทำเอาทรัพย์สินที่สะสมกันในบ้านของพวกเธอขาดทุนจนหมดแล้วหรอกใช่ไหม?” ในรอยยิ้มของฉินชวงซ่อนมีดเอาไว้พลางเอ่ยขึ้นอย่างยั่วเย้า
“ลูกสาวของฉันไม่ได้เอาเงินในบ้านไปซักแดนเดียว” หลิวหยุนเซียงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
นิสัยใจคอของหลิวหยุนเซียงนั้น เดิมทีแล้วก็ไม่ได้ลงรอยกันกับภรรยาของพี่ชายอยู่แล้ว กลับมาช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาก็ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะไม่น้อยเลย ดังนั้นเมื่อเจอหน้ากันแล้วก็มีการปะทะกันอยู่บ้าง
“พูดกันให้น้อยๆหน่อยเถอะ” หลิวหยุนเซิ่งพูดไกล่เกลี่ย
“เหยาเสิน พาแม่เข้าไปข้างในเถอะ คุณตาของเธอกำลังรอพวกเธออยู่ข้างใน”
หลังจากที่ตระกูลเหยาทั้งสี่คนเดินไปได้ไม่ไกล ก็มีเสียงของฉินชวงลอยมาข้างๆหู : “หลิวหยุนเซียงก็ไม่กลัวจะขายหน้าเลยนะ ยังจะพาคนไร้ประโยชน์นี่มาให้ขายหน้าด้วยกันอีก......”
หลิวหยุนเซียงที่กำลังจะหันกลับไปต่อว่าต่อขาน ก็ถูกเหยาเสินกับเซียวชุ่นดึงเอาไว้
“แม่ ช่างเถอะ วันนี้ในบ้านมีคนมากขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องไปทะเลาะกับเธอเลย” เหยาเสินเกลี้ยกล่อม
“เธอบอกใครเป็นคนไร้ประโยชน์กัน? ลูกเขยของพวกเราเป็นพวกไร้ประโยชน์เสียที่ไหน?”หลิวหยุนเซียงดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนเธอเองก็เคยพูดถึงเซียวชุ่นแบบนี้เช่นกัน เวลานี้ลนลานเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขาแล้ว
เหยาเสินกับเซียวชุ่นมองสบตากันแล้วยิ้ม ล้วนแต่มีใบหน้าที่จนปัญญากันทั้งสิ้น
คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลหลิวไม่ใหญ่ จัดให้เป็นระเบียบก็ยังนับว่ามีความสง่างาม เวลานี้เป็นช่วงเวลากลางวันพอดี แสงแดดกำลังดี
ในบ้านนั้นนั่งได้ไม่มากขนาดนั้น วางเก้าอี้เอาไว้ตรงลานบ้าน เวลานี้แขกบางคนก็กำลังนั่งพูดคุยกันเรื่องครอบครัว ล้วนแต่เป็นลูกหลานเครือญาติของตระกูลหลิวทั้งสิ้น หน้าประตูโถงกลางมีเด็กๆกำลังจุดประทัดกันอยู่ เป็นฉากที่มีความปรองดองและมีความสุขมากเช่นกัน
นายท่านหลิวไม่อยู่ในลานบ้าน หลังจากที่ตระกูลเหยาทั้งสี่คนเข้ามาแล้วทักทายกับพวกญาติๆพักหนึ่งแล้ว ก็ไปที่โถงกลางเพื่อไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบนายท่านหลิว
หลิวหมิงต๋ามีครอบครัวของหลิวหยุนเซิ่งพี่สาวคนโตของหลิวหยุนเซียงนั่งเป็นเพื่อนอยู่ในโถงกลาง มองดูลานบ้านที่เต็มไปด้วยลูกๆหลานๆแล้ว รอยย่นบนใบหน้าก็อดที่จะยืดเส้นยืดสายไปด้วยไม่ได้
บนผนังกำแพงด้านหลังเขานั้นมีรูปเทพเจ้าเก่าแก่แขวนเอาไว้ บนโต๊ะไม้ที่อยู่ด้านล่างมีกระถางธูปตั้งอยู่ ในกระถางธูปนั้นมีธูปจุดเอาไว้ น่าจะไหว้เสร็จก่อนหน้านี้ไม่นาน
ทุกๆปีที่เซียวชุ่นมาเห็นว่าคนของตระกูลหลิวแทบจะไม่เชื่อศรัทธาเทพเจ้าองค์อื่นเลย มีเพียงแค่ไหว้บูชาองค์นี้เท่านั้น
เรียกกันว่าลัทธิเทียนเซิ่งอะไรนั่น และผู้หญิงที่ลอยอยู่ในรูปนั้นก็คือผู้หญิงสูงศักดิ์ของลัทธิเทียนเซิ่งนั่นเอง
“หยุนเซียงกลับมาแล้ว” หลังจากที่ตระกูลเหยาทั้งสี่คนเข้ามาแล้ว หลิวหมิงต๋าก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“พ่อ ช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”หลิวหยุนเซียงเอ่ยถาม
“ดีมากเลย”หลังจากที่หลิวหมิงต๋าพูดจบแล้วก็มองไปยังเหยาเสินด้วยความเอ็นดู : “หนูเสินก็มาด้วย”
เวลานี้ด้านนอกมีเสียงดังขึ้นมาแล้ว ไม่นานก็เห็นเหวินหยุนซานสองสามีภรรยา และยังมีหลิวม่านชิงจูงเซวเฉิงเข้ามาในลานบ้าน หลังจากที่ทักทายสั้นๆกับญาติที่อยู่ตรงลานบ้านแล้ว ก็เดินมายังห้องโถงนี้เช่นกัน
“คุณปู่เจ้าของวันเกิด สวัสดีวันตรุษจีนนะคะ!”หลิวม่านชิงยิ้ม เดินเข้ามาทางด้านหน้า แล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างหวานๆ
“คุณปู่สวัสดีครับ”เซวเฉิงเองก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างมีมารยาทเป็นการทักทาย เขาเข้ามาข้างในก็เห็นเซียวชุ่นแล้ว พยักหน้าลงนับว่าเป็นการทักทาย
“สวัสดี งานแต่งงานของพวกเธอกำหนดแล้ว วางแผนเอาไว้ว่าจะแต่งเมื่อไหร่?” หลิวหมิงต๋ามองทั้งสองคนพลางเอ่ยถาม
“1 พฤษภาคมปีหน้าค่ะ หนูกับเซวเฉิงปรึกษากันดีแล้ว” หลิวม่านชิงเอ่ยขึ้น
“ดี ถ้าอย่างนั้นต่อไปหลานสาวของฉันก็มอบให้เธอแล้วนะ จะต้องดีกับเธอให้มากๆล่ะ” หลิวหมิงต๋ามองไปยังเซวเฉิงพลางเอ่ยขึ้นมา
“วางใจได้ครับคุณปู่ ผมจะดีกับม่านชิงอย่างแน่นอนครับ”เซวเฉิงตอบกลับ
หลังจากที่ครอบครัวของเหวินหยุนซานมาถึงแล้ว ในบ้านก็แออัดอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ภรรยาของเหวินหยุนซานนั่งลงแล้ว ที่นั่งก็ไม่พอแล้ว หลิวม่านเซียงกับเซวเฉิงก็ทำได้เพียงแค่ยืนอยู่เท่านั้น
“เซียวชุ่น แกไม่รู้จักสังเกตขนาดนั้นเลย ไม่รู้จักถอยออกมาให้คุณชายเซวกับม่านเซียงนั่งเลยรึไง? แกมีฐานะอะไรในใจไม่รู้เลยใช่ไหม? นั่งสบายไม่สนใจอยู่แบบนั้น ไม่รู้เรื่องเลย!”พี่ใหญ่หลิวหยุนเซิ่งตำหนิขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเซวเฉิงจะไม่ชัดเจนในสถานะอื่นๆของเซียวชุ่น
แต่จะว่าอย่างไรก็เป็นบุคคลที่มีบุญคุณช่วยชีวิตของตัวเอง อีกทั้งพ่อของเขาเองก็ให้ความเคารพเซียวชุ่นเป็นอย่างมากอีกด้วย บางครั้งยังคอยเตือนเขาว่าถ้าหากมีโอกาสให้ใกล้ชิดกับเซียวชุ่นเข้าไว้
เวลานี้ได้ยินหลิวหยุนเซิ่งพูดแบบนี้แล้ว ก็รีบโบกมือขึ้นมาทันที : “ไม่ต้องครับไม่ต้อง ผมยืนก็ได้ครับ ให้พี่เซียวนั่งเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...