“คุณชายเหว้ย รีบปล่อยคนซะ”
โค่วเจิ้งชิงรู้วิธีการของเซียวชุ่น จึบรีบพูดจาเกลี้ยกล่อม
สมาคมบู๊รวมทั้งศิษย์สิบกว่าคนของซือคงเฉินล้วนเสียชีวิตในมือของเขา ถ้าหากเขาต้องการชีวิตของเหว้ยเทียนฮั๋วจริงๆผู้บริหารชั้นสูงของสมาคมบู๊ก็จะพยายามปกป้องเขาเอาไว้ อย่างไรก็ตามแบบนี้เป็นต้นมาแล้วสมาคมบู๊แห่งมณฑลก็เป็นคนแรกที่สร้างความโกรธแค้นกับตระกูลเหว้ย
เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องสร้างความเกลียดชังใหญ่ขนาดนี้เลย
“ปล่อยแล้ว? นายคิดว่าตระกูลเหว้ยของฉันจะซื่อบื้อเหมือนโค่วเจิ้งชิงนายหรือ? ขาของลูกชายนายนั้นถูกเขาตีจนหัก นายไม่กล้าแม้แต่จะผายลมสักที ตระกูลเหว้ยของพวกเราจะไม่ใจเสาะเหมือนนายเช่นนั้น!” เหว้ยเทียนฮั๋วพูดอย่างจองหองอย่างที่สุด
ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกมา ทั้งสถานที่ก็โกลาหลขึ้น
“เขาก็เป็นคนที่ตีขาของโค่วโม่ชูจนหัก เขามีที่มาที่ไปยังไงกันแน่นะ?”
“ไม่ได้ยินที่คุณชายเหว้ยพูดหรอกเหรอ ตีจนขาหักไม่ว่า โค่วเจิ้งชิงก็ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ดูไปแล้วที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเลย”
หน้าโค่วเจิ้งชิงซีดเซียวเขียวปรี๋ขึ้นในทันที ขบเขี้ยวฟันกรามจ้องมองไปที่เหว้ยเทียนฮั๋ว นี่เป็นการเหยียดหยามเขาอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เขาโมโหมากกว่าการตบหน้าเขาทีหนึ่งเสียอีก
เหอกวงจี๋และเหว้ยเหวินตงมองโค่วเจิ้งชิงด้วยความประหลาดใจ แล้วก็มองไปที่เซียวชุ่น
เหว้ยเหวินตงในเวลานี้รู้สึกว่าในใจเต้นตึกๆตักๆขึ้นมา โค่วเจิ้งชิง จินหลิงกรุ๊ป คนอื่นอาจจะไม่รู้ เขาเหว้ยเหวินตงในฐานะคนของทางการยังคงรู้จักสมาคมบู๊อยู่บ้าง
โค่วเจิ้งชิงเป็นประธานกรรมการของจินหลิงกรุ๊ป และเป็นหนึ่งในสามของผู้อาวุโสแห่งสมาคมบู๊แห่งมณฑล
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พูดถึงแค่การที่จะเป็นสามผู้อาวุโสเงื่อนไขที่จำเป็นก็คือนักบู๊ในขั้นสร้างรากฐาน สำหรับคนทั่วไปแล้วพูดถึงความน่ากลัวที่มีอยู่เพียงใด เหว้ยเหวินตงไม่มีทางไม่รู้
แต่ขาของลูกชายโค่วเจิ้งชิงนั้นถูกตีหักไปเลยโดยชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ในเวลานี้เขาเผชิญหน้ากับศัตรูคนนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดจาขึงขังสักคำ แม้กระทั่งยังมีความคิดที่จะช่วยวัยรุ่นคนนี้ด้วย
เมื่อคิดแบบนี้ สถานะของวัยรุ่นคนนี้อาจจะสูงส่งกว่าโค่วเจิ้งชิง
หรือว่าเหว้ยเทียนฮั๋วได้ทำให้คนที่ไม่สมควรขุ่นเคืองจริงๆหรือ?
แต่ว่าวัยรุ่นคนนี้ดูไปแล้วก็แค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้นเอง อ่อนวัยแบบนี้ช่างยากที่จะทำให้คนเชื่อได้จริงๆ
เหว้ยเหวินตงแอบสงสัยอยู่ในใจ
เมื่อคิดถึงอย่างนี้ เขาจึงต้องสำรองพื้นที่ไว้ชั่วคราวเพื่อหันหลังกลับ และมองเหว้ยเทียนฮั๋วอย่างโกรธจัดและกล่าวว่า “บังอาจ! พูดจากับอาโค่วอย่างไรกันนะ!”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เซียวชุ่นแล้วพูดว่า "ประธานเซียวสินะ? คุณใจเย็นๆลงก่อน ผมจะให้ไอ่หนุ่มนี่ปล่อยคนทันที"
“เหว้ยเทียนฮั๋ว ปล่อยคนเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เหว้ยเหวินตงกล่าว
“คุณอา?” เหว้ยเทียนฮั๋วไม่พอใจ จ้องมองเหว้ยเหวินตงด้วยความประหลาดใจเต็มแววตาและเอ่ยขึ้น
“ที่นี่ไม่มีอาหลาน หากแกยังคงหมกมุ่นไม่หยุด แกต้องพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยตัวเอง!” เหว้ยเหวินตงใบหน้าบึ้งตึง และพูดด้วยอย่างใบหน้าไร้ปราณี
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลานชายของเขาคนนี้ปกติมักจะอาศัยความสัมพันธ์ของตระกูลโอหังอวดดีและกำเริบเสิบสาน แต่ว่าในเวลานี้แม้แต่ความหนักเบาจุดนี้ก็ยังแยกแยะไม่ออก ซึ่งทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
“กรีนแอปเปิ้ล อพาร์ตเมนต์ 502” เหว้ยเทียนฮั๋วกัดฟันพูด
เซียวชุ่นวางแผ่นซีดีในมือลง แล้วโทรหาต้วนเจีย บอกให้เขาไปรับคน
มันง่ายที่จะฆ่าเหว้ยเทียนฮั๋วไปซะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ในใจของเขาสุดท้ายแล้วมีข้อผูกมัดอยู่ บางครั้งก็ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของเกมไม่ได้
“ทุกคนนั่งลงเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน พวกเราต่อกันเถอะ เรื่องราวในวันนี้ห้ามแพร่ออกไป เข้าใจไหม?”
เหว้ยเหวินตงกล่าวทักทายผู้เข้าร่วมประชุมเหล่านั้น
ทุกคนอดที่จะถามไม่ได้ว่า วัยรุ่นที่ไม่อยู่ในสายตาคนนั้นเป็นใครกันแน่?
ตีขาลูกชายของโค่วเจิ้งชิงจนหัก และตอนนี้ก็ทุบตีเหว้ยเทียนฮั๋วในที่สาธารณะจนไม่เหลือเค้า ในฐานะที่เป็นอาของเหว้ยเหวินตงกลับแสดงท่าทีสงบนิ่ง คนๆนี้จะมีความสามารถมากเพียงใดกันนะ
“สองร้อยล้าน” เซียวชุ่นขัดจังหวะด้วยเสียงที่เย็นชา
สีหน้าเหว้ยเหวินตงหมองลง “คุณนี่มันกรรโชกกันนี่ ผมสามารถฟ้องคุณได้นะ”
“ผมเคยบอกแล้วว่า กฎหมายเป็นเรื่องของกฎหมาย ผมเป็นเรื่องของผม” เซียวชุ่นกล่าว
“ห้าร้อยล้าน เหว้ยเทียนฮั๋วไม่ต้องโขกหัวคำนับขอโทษ ผมเกรงว่าผู้ช่วยของผมเห็นเขาเข้าจะรู้สึกขยะแขยง”
“คุณ! รังแกกันมากเกินไปแล้ว!” ในที่สุดเหว้ยเหวินตงก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่และกล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เจ้าสมาคมเหว้ยอย่าโกรธเลย ห้าล้านสำหรับตระกูลเหว้ยของพวกคุณก็แค่อาหารย่อยเท่านั้นเอง ให้ไปก็พอแล้ว จำเป็นด้วยเหรอ” เหอกวงจี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ย
เซียวชุ่นไม่ได้ฆ่าคนอย่างเปิดเผย ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตราบใดที่เขาไม่ได้ฆ่าเหว้ยเทียนฮั๋วต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เรื่องนี้ก็จัดการได้โดยง่าย เท่าที่เขาดู ตระกูลเหว้ยใช้เงินจัดการเรื่องเลวร้ายก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้เกรงว่าจะไม่จบลง
“ประธานเหอ ขอให้คุณอยู่ต่อเพื่อเป็นสักขีพยาน ไม่ใช่ว่าให้คุณเข้าข้าง แม่หนูคนนั้นก็ไม่ยังไงนี่ ห้าร้อยล้าน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าตลกหรอกเหรอ” เหว้ยเหวินตงพูดด้วยหน้าตาบึ้งตึง
“ในเมื่อเจ้าสมาคมเหว้ยพูดแบบนี้ พวกเราเล่อชางมีเดียก็จะไม่เข้าดินเนอร์การกุศลในวันพรุ่งนี้แล้ว เพื่อเลี่ยงไม่ให้ผมไปถึงแล้วทำให้คุณอึดอัดใจ” เหอกวงจี้จิบน้ำชาคำหนึ่งแล้วกล่าว
"ธุรกิจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้สมาคมบู๊ก็คงจะไม่เข้าร่วม" โค่วเจิ้งชิงกล่าวด้วยหน้าตาเย็นชา
ในเมื่อในเวลานี้เซียวชุ่นรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นประธานกรรมการของจินหลิงกรุ๊ปแล้ว เขาก็ไม่เลือกข้างยืนไม่ได้
“ตอนนี้พวกคุณข่มขู่ผมอยู่หรือ? ข่มขู่ตระกูลเหว้ยของพวกเรา?” เหว้ยเหวินตงกล่าวอย่างขึงขัง
ต้องรู้ว่าเล่อซางมีเดียกับจินหลิงกรุ๊ปเป็นกำลังหลักของดินเนอร์การกุศลในครั้งนี้ ซึ่งคาดหวังให้พวกเขาเป็นผู้นำหน่ะ
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าธุรกิจทั้งหมดภายใต้สมาคมบู๊แห่งมณฑลหยิบๆย่อยๆก็มีสิบกว่าแห่ง หากว่าพวกเขาไม่เข้าร่วม เสน่ห์ในตัวของดินเนอร์การกุศลและการใช้งานให้เกิดประโยชน์ก็จะลดลงไปอย่างมาก ซึ่งก็หมายความว่าการเตรียมการในครั้งนี้เรื่องของโฆษณาเป็นเวลาหลายเดือนล้มเหลวลง ส่วนเขาผู้ที่รับผิดชอบก็ยากที่จะปัดความผิดพลาดได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...