“งั้นฉันไม่ไปดีกว่า”เซียวชุ่นไม่ค่อยชอบไปงานแบบนี้
“คู่หมั้นของพี่ม่านชิงเชิญคุณด้วย ครั้งนี้คุณควรยับยั้งให้ได้มากที่สุด ถ้าเขาพูดอะไรที่ทำให้คุณอดไม่ได้ ขอให้คุณอดทนอดกลั้นเอาไว้ อย่าพูดอะไรไปเรื่อยเหมือนครั้งที่แล้วอีก”
หลิวหยุนเซียงเตือนสติเขาอีกครั้ง: "อย่าทำลายความสุขของคนอื่น"
“รู้แล้วครับแม่”
เซียวชุ่นพูดอย่างไม่มีทางเลือก และหล่อนไม่รู้ว่าเซวเฉิงเด็กคนนั้นจะมั่นใจจริงๆหรือเปล่า อย่าทำให้ตัวเองไม่สบายใจอีกเลย
เนื่องจากนี่เป็นงานหมั้นตามธรรมเนียมของเจียงไห่ ผู้หญิงจึงต้องเป็นคนจัดงานหมั้นและผู้ชายต้องนำสินสอดทองหมั้นมาขอแต่งงาน เพราะว่าอีกฝ่ายคือตระกูลเซวเป็นตระกลูใหญ่ในเจียงไห่ และตระกูลหลิวจะให้น้อยหน้าไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้จองโต๊ะสิบกว่าโต๊ะที่โรงแรมหมิงเยว่วานระดับห้าดาวเพื่อรองรับแขก
ในวันงานแต่ง
เมื่อเหยาเสินที่มาถึงหมิงเยว่วานแขกหลายคนก็มาถึงแล้ว และได้นั่งตามที่จัดไว้ ครอบครัวเหยาเสินก็จะนั่งฝั่งฝ่ายหญิง
ครั้งก่อนหลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงจัดที่หอตี้หวาง สถานะเซียวชุ่นในใจของตระกูลหลิวก็ลดต่ำลง
“ลูกเขยของตระกูลเหยาหน้าด้านจริงๆ ยังมีหน้ากล้ามาร่วมงานหมั้นอีกเหรอ?”
“ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนเขาเดิมพันกับเซวเฉิงไม่ใช่หรอ? แล้วใครเป็นคนชนะ?”
“ต้องให้พูดอีกหรอ ตอนนั้นเขาบอกว่านายน้อยจะอยู่ได้ไม่ถึงเดือน แต่ตอนนี้นายน้อยตระกูลเซวยังอยู่ดีมีสุข ใครแพ้ใครชนะก็ชัดเจนอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นไม่ใช่ว่าเขายอมก้มหัวให้คนในบ้านแล้วหรอ?”
“ช่างเถอะ วันนี้หมู่บ้านหยุนซานจัดงานมงคล พวกเราอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่เลย”
เสียงของพวกเขาไม่ดัง แต่เหยาเสินที่นั่งโต๊ะถัดไปยังพอได้ยินพวกเขาพูดอย่างคลุมเครือ
สีหน้าของหลิวหยุนเซียงยังคงไม่ดีนัก เหยาเสินรู้อยู่แล้วว่าเซียวชุ่นไม่เพียงแต่ไม่แพ้ แต่ยังทำเงินได้มากมาย ฟังคำพูดของพวกเขาแล้วก็รู้สึกตลก
หล่อนเหลือบมองไปที่หน้าของเซียวชุ่นอย่างนิ่งเงียบ
เดือนนี้เหมือนชั่วนิรันดร์ชายคนนี้ที่เขาเกลียดชังจากก้นบึ้งของหัวใจ ดูเหมือนในเวลานี้เขาจะเป็นที่พึ่ง สามารถทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยได้ตลอด
เหยาเสินสติหลุด จนถึงหลิวม่านชิงเดินมาหาหล่อนจึงได้สติกลับมา
“พี่พาบอดี้การ์ดมาที่นี่อีกแล้วเหรอ?” หลิวหม่านชิงมองเซียวชุนอย่างขี้เล่นและยิ้มแย้ม
“ใช่ ไม่คิดว่าจะหมั้นเร็วแบบนี้ ยินดีด้วยนะ” เหยาเสินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เร็วที่ไหนกัน ฉันจำได้ว่าตอนนั้นพี่ยังแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ ได้ยินมาว่างานแต่งงานก็จัดอย่างเร่งรีบนิ งานหมั้นคงไม่ต้องพูดถึง” หลิวหม่านชิงพูดอย่างเยาะเย้ย
งานแต่งงานครั้งนั้นเป็นความเจ็บปวดในหัวใจของเหยาเสิน ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบงานแต่งงานที่สวยงาม แม้ว่าผู้ชายที่หล่อนแต่งงานจะไม่ใช่คนรักของหล่อน แต่การแต่งงานก็เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์
สีหน้าของเหยาเสินเปลี่ยนไปเล็กน้อย และหล่อนแสร้งทำเป็นสงบแล้วพูดว่า “งานแต่งงานเป็นเพียงพิธีการ สิ่งสำคัญคือชีวิตคู่หลังแต่งงาน”
“ดูเหมือนว่าพี่จะใช้ชีวิตหลังแต่งงานได้ไม่เลวเลยนะ เลี้ยงสามีจนกลายเป็นสุนัขบ้า”
หลิวม่านชิงเก็บความแค้นในครั้งก่อนไว้ในใจ และพูดจาหยาบคาย
ในขณะที่หล่อนพูดประโยคนี้ เซวเฉิงก็บังเอิญเดินมายืนข้างหล่อนพอดี แล้วพูดด้วยท่าทีไม่พอใจว่า: “ม่านชิง ทำไมคุณถึงพูดกับพี่สะใภ้ลูกพี่ลูกน้องของฉันอย่างงี้ล่ะ? เดี๋ยวก็จะกลายเป็นญาติกันแล้ว พูดจาอะไรน่าเกลียดแบบนี้?"
เขามองไปที่เซียวชุ่นทันที: “พี่เซี่ยวผมขอโทษครับ หม่านชิงเพิ่งดื่มเมาไปหน่อย หล่อนดื่มไม่ค่อยเก่ง อย่าถือสาหล่อนเลยนะครับ”
เซียวชุ่นยิ้มเบา ๆ แล้วพยักหน้า
หลิวม่านชิงมองไปที่เซวเฉิงด้วยความประหลาดใจและนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
เหยาเสิน:“……”
หลังจากขั้นตอนงานหมั้นสิ้นสุดลงก็เริ่มเฉลิมฉลอง
แต่เดิมเซวซื่อไห่ดูถูกตระกูลหลิว แต่เซวเฉิงยืนยันที่จะแต่งงานกับหลิวม่านชิง
ลูกชายของเขาเพิ่งผ่านช่วงเวลาความเป็นความตาย ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้าน แต่งานหมั้นนี้ไว้หน้าตระกูลหลิวไปไม่น้อยทั้งภายในและภายนอก
ในการเชิญดื่มเหล้าตามธรรมเนียมของท้องถิ่น พ่อแม่ของชายคนนั้นต้องไปที่บ้านตระกูลหลิวเพื่อเชิญดื่มเหล้า
แต่จนกระทั่งสิ้นสุดงานเลี้ยงแล้ว ก็ยังไม่เห็นพ่อแม่ของตระกูลเซว เซวซื่อไห่กังวลเพียงเรื่องความบันเทิงบนโต๊ะแขกของเขาเองก็ไม่มีวี่แววว่าจะมา
แม้ว่าหลายคนในตระกูลหลิวจะโกรธ แต่กลับพูดอะไรไม่ได้
ที่จริงแล้ว ความแข็งแกร่งของตระกูลเซว ในเจียงไห่เทียบเท่ากับพวกเขา แตกต่างกันมากราวฟ้ากับดิน นอกจากนี้ แขกที่โต๊ะของเซวซื่อไห่ล้วนไม่ธรรมดา คงจะเป็นเป็นเพื่อนในธุรกิจของเซวซื่อไห่ แต่ละคนมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท
แต่ยังมีคนบ่นอยู่ เช่นเดียวกับโต๊ะของเซียวชุ่นที่มีผู้สูงอายุไม่กี่คนที่ค่อนข้างหยาบคาย
“ตระกูลเซวไม่มีมารยาทมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูถูกตระกูลหลิวของเรา”
“เซวซื่อไห่เป็นใคร เป็นท่านประธานของ จินไห่กรุ๊ป เป็นเถ้าแก่ใหญ่ จะมีเวลาดูแลคนธรรมดาอย่างเราๆได้ออย่างไร ฉันเดาว่ามันสายเกินไปที่จะซ่อน เพราะกลัวว่าเราจะสร้างความเดือดร้อนคนอื่นในอนาคต”
มีคนพูดอย่างเคืองๆ
จะเป็นเฒ่าแก่ใหญ่มาจากไหน วันนี้ลูกชายมีงานมงคลยังไงก็ไม่สมควรพูดดูถูกขนาดนี้
ลุงหมิงฮุย คุณไม่มองเลยว่าคนที่อยู่ข้างเขาเป็นคนยังไง เรื่องอื่นฉันไม่รู้ คนอ้วนๆที่อยู่ข้างๆเขา ฉันเหมือนเคยเห็นในโทรทัศน์ น่าจะมาจากในเมืองนี่แหละ เป็นข้าราชการ ชื่ออะไรฉันก็จำไม่ได้แล้ว
รอมาประมาณสามนาทีแล้ว ในที่สุดก็ได้ยินคนพูดเบาๆว่า“ มาแล้ว มาแล้ว เซวซื่อไห่มาแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...