การแต่งงานของเหล่าลู่ผ่านพ้นไปด้วยความชื่นมื่น คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันขอตัวไปพักผ่อนที่เรือนหลังป่าไผ่สองวัน จงเหยียนจึงขอพระราชทานพระอนุญาตจากองค์ชายให้ตนได้อยู่ดูแลจวนสกุลชิงรอเหล่าลู่กับเจิงอิ่งกลับมาเสียก่อนจึงจะเดินทางเข้าเมืองหลวง หมิงเฉิงอวี่ไม่อาจรั้งรออยู่ต่อได้เพราะได้รับสาส์นด่วนจากท่านอ๋องเก้าว่ามีคนพบเห็นร่องรอยของอู่ฉางชิงจึงได้ทิ้งองครักษ์ไว้กับจงเหยียนอีกสองคนแล้วเสด็จกลับ องค์ชายทรงเห็นแก่ที่จงเหยียนได้ทำสัญญาหมั้นหมายกับเสี่ยวลิ่งแล้วจึงได้ทรงอนุญาต
...คนรักกันก็ย่อมอยากจะอยู่ด้วยกันให้นานขึ้นเป็นธรรมดา!
ชิงหลานกับมารดาออกมายืนส่งเสด็จที่หน้าประตูอำเภอเฉิน องค์ชายสิบห้าได้แต่หันไปมองใบหน้าของสาวน้อยที่แก้มเป็นชมพูเปล่งปลั่ง ห่างกันไปไม่นานดูเหมือนจะเข้าสู่วัยสาวเช่นเดียวกับดรุณีน้อยผู้อื่นแล้ว จากเด็กหญิงผอมแห้งซูบเซียวเริ่มมีเนื้อมีหนังกระทั่งยามนี้ดูมีชีวิตชีวานัก หมิงเฉิงอวี่หันไปยิ้มน้อยๆ ให้นาง
“ข้าต้องกลับแล้ว ทางนี้เจ้าก็ดูแลมารดาให้ดีก็แล้วกัน”
“เพคะ”
สาเหตุที่ต้องรีบเสด็จกลับเมื่อวานองค์ชายก็ได้บอกกล่าวให้นางได้รู้เป็นการส่วนพระองค์แล้ว หากปล่อยให้ผู้อื่นรู้มากองค์ชายเกรงว่าข่าวจะรั่วไหล ครั้งก่อนที่มีคนเข้ามาในเขตอำเภอเฉินช่วยเหลือนักโทษคนสำคัญทั้งสองหนีไปได้ หัวหน้ามือปราบหลิวกับใต้เท้าจั๋วผู้เป็นนายอำเภอก็คาดกันว่าเจ้าหน้าที่ของตนอาจจะเป็นสายให้คนร้ายแต่ก็ยังไม่อาจจับมือผู้ใดดมได้
“ใต้เท้าจั๋ว ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเป็นธุระให้ข้าทุกอย่าง”
“กระหม่อมยินดีที่ได้รับใช้องค์ชายพะยะค่ะ ส่วนภารกิจที่พระองค์ฝากไว้พวกเราจะทำอย่างสุดความสามารถพะยะค่ะ” ใต้เท้าจั๋วรีบยืนยันว่าตนเองจะเร่งมือควานหาตัวหนอนบ่อนไส้ที่คอยส่งข่าวให้คนของเฉาอวิ๋นจือให้พบโดยเร็ว
“ข้าจะส่งข่าวมาทางเจิงอิ่งก็แล้วกัน” องค์ชายทรงลดเสียงเมื่อกล่าวประโยคสำคัญนี้ พิราบสื่อสารที่เจิงอิ่งเลี้ยงไว้ทั้งแข็งแรงและบินไว ส่งข่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“พะยะค่ะ”
องครักษ์กังผู้พี่กับผู้น้องทำหน้าที่คุ้มกันขบวนเสด็จ องค์ชายทรงควบม้าประจำพระองค์มุ่งหน้าเข้าเมืองหลวงอย่างเร่งร้อน ปล่อยให้รถม้าเดินทางกลับพร้อมจงเหยียนในภายหลัง
วันต่อมาชิงหลานก็ได้รับสาส์นจากอาจารย์จ้าว หัวหน้าจิตรกรหลวงผู้เป็นเจ้าของสำนักพู่กันทอง นางรีบแจ้งให้มารดาได้รับรู้ว่าบัดนี้นางพร้อมที่จะเดินทางเข้าเมืองหลวงแล้ว จังฮูหยินจึงช่วยจัดแจงข้าวของให้บุตรสาวและเสี่ยวลิ่ง จงเหยียนได้ยินก็ดีใจยิ่งครั้งนี้เขาจะได้นำเสี่ยวลิ่งไปแนะนำให้ครอบครัวได้รู้จักเสียที
“ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้เจ้าจะได้เดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกับข้า” จงเหยียน กุมมือนางพลางยิ้มหวานส่งให้
“ข้าก็ดีใจเช่นกัน...ไม่รู้ว่าครอบครัวท่านจะรังเกียจข้าหรือไม่?”
“หากว่าเจ้าไม่สะดวกจะไปอยู่ในเรือนข้า ข้าก็จะแยกเรือนมาอยู่กับเจ้าเอง” องครักษ์หนุ่มผู้ดื้อรั้นกล่าวด้วยความมั่นใจ
เสี่ยวลิ่งหัวเราะออกมาเบาๆ “การแยกเรือนไม่ใช่เรื่องเล็ก คนในเรือนท่านจะยอมหรือ?”
“เรื่องแต่งกับเจ้าข้ายังทำได้สำเร็จ แค่เรื่องแยกบ้านจะเป็นกระไรนักหนา? ในบ้านของข้าก็มีพี่ชายทั้งสองคนและครอบครัวอยู่กับท่านพ่อท่านแม่แล้ว ขาดข้าไปสักคนจะเป็นไรไป?”
จงเหยียนที่กำลังจะโมโหเพราะมีคนคิดจะมาแย่งเสี่ยวลิ่งกับตนเองก็พลอยอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้ คนทั้งอำเภอเฉินต่างก็ใช้คำปรามาสบุรุษที่ตาไม่ถึงสตรีมีค่าว่า ‘บุรุษธรรมดาไม่อาจเอื้อมสาวใช้สกุลชิง’
ชิงหลานสั่งให้เสี่ยวลิ่งนั่งรถม้าที่องค์ชายทิ้งเอาไว้ให้ ส่วนนางจะขี่เจ้าสายลมที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้วเข้าเมืองหลวง เมื่อเหล่าลู่กับเจิงอิ่งกลับมาจากการพลอดรัก เอ๊ย! พักผ่อนที่เรือนป่าไผ่กันตามลำพังถึงสองคืน สายตาของจงเหยียนก็มองตามคนทั้งคู่ด้วยความอิจฉา เขาเห็นว่าใบหน้าของสองสามีภรรยาเปี่ยมด้วยความสุข พ่อบ้านลู่ที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นคนมีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่บนใบหน้าแทบตลอดเวลา
“เหล่าลู่ ข้ารู้ว่าท่านเพิ่งแต่งงาน ช่วยเก็บเอาใบหน้าคล้ายจะเยาะเย้ยข้าไว้หน่อยได้หรือไม่?”
“อย่างไรหรือ? ข้าจะเยาะเย้ยเจ้าทำไมกัน? ในเมื่อเจ้าเพิ่งจะหมั้น...ลงมือช้าก็ต้องอดทนต่อไปเช่นนี้ล่ะ?” เหล่าลู่เชิดหน้าน้อยๆ ความจริงเขาคิดอยากจะเอาคืนที่องครักษ์หนุ่มทั้งสามแอบมารุมทดสอบฝีมือเขาในครั้งก่อน
หลังจากทั้ง ‘บีบ’ และ ‘เค้น’ ภรรยาอยู่สองวัน เจิงอิ่งจึงยอมสารภาพว่าชายชุดดำที่เขาเอาคันเบ็ดต่อสู้ในวันนั้นคือกังเฉิน จงเหยียนและกังซือเฉิน เพื่อเป็นการลงโทษเจิงอิ่งที่ร่วมมือกับคนพวกนั้นมาทำร้ายตน เหล่าลู่จึงทรมานเจิงอิ่งจนนางต้องร้องขอชีวิตด้วยเสียงรัญจวนใจอยู่ตลอดคืน
จงเหยียนสะอึก! อาจารย์ลู่ผู้ร้ายกาจทำการรวบรัดเจิงอิ่งในห้องอาบน้ำจนได้แต่งงานตัดหน้าเขาเสียได้
“ท่านมันใช้วิธีแบบโจรเด็ดบุบผานี่! จึงได้แต่งงานเร็วเช่นนี้”
*********************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)