ชิงหลานไปนั่งเฝ้าข้างเตียงของท่านย่า สาวใช้ยกถาดใส่ชามข้าวต้มมาใกล้ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงสั่งนางให้วางไว้บนโต๊ะ
“หลานเอ๋อร์เจ้าเป็นคนป้อนข้าก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ” นางรับคำ น้ำตาซึมออกมาจนต้องรีบกระพริบตาถี่ๆ สาวน้อยหยิบชามข้าวต้มขึ้นมาคนเป็นวงกลมหลายๆ รอบพลางเป่าลมเบาๆ หวังให้หายร้อน นางบรรจงตักอย่างระมัดระวังมิให้ข้าวต้มย้อยหกเลอะเทอะ
ฮูหยินห่วงเยวียนลุกขึ้นนั่งพิงหมอนใหญ่ที่หัวเตียงค่อยๆ กินข้าวต้มที่ชิงหลานป้อนไปเรื่อยๆ อนุหมิวเดินตัวปลิวนำหน้าบุตรชายเผยเฝิ่นลู่เข้ามา
“ท่านแม่! ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“ข้าหรือ? ก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็น ยายแก่อย่างข้าพอล้มป่วยแล้วก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่พร้อมจะถอนรากถอนโคนทุกเมื่อ”
อนุหมิวยกเก้าอี้กลมเข้ามานั่งชิดเตียง ใกล้กับชิงหลานที่นั่งป้อนข้าวต้มอยู่
“ท่านอย่ากล่าวเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ หากไม่มีท่านข้ากับอนุฉิวคงได้รับความยากลำบาก ท่านแม่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกข้านะเจ้าคะ” สีหน้าทั้งเหน็ดเหนื่อยและกังวลของอนุหมิวทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าช่วงที่ตนกำลังเสียใจเพราะการตายของหลานสาวสุดที่รักและมาล้มป่วยเพราะถูกวางยานั้น อนุภรรยาของบุตรชายได้รับความลำบากอย่างยิ่ง หากอนุหมิวที่มีฐานะครอบครัวช่วยค้ำชูยังเป็นเช่นนี้แล้วอนุฉิวที่ต้องหาเงินส่งกลับบ้านจะเป็นเช่นใด?
ไม่นานนักฉิวเจียงซือก็จูงมือบุตรชายคนเดียวของนางเดินเข้ามา
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้ากับเสี่ยวถงมาเยี่ยมเจ้าค่ะ”
“คารวะท่านย่า วันนี้หลานตั้งใจจะมานอนเฝ้าท่านด้วยนะขอรับ!” น้ำเสียงหนักแน่นของเผยสือถงทำเอาฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู หลานชายน้อย ผู้นี้จิตใจอ่อนโยนและโอบอ้อมอารีเหมือนกับอนุฉิว เพราะเป็นเช่นนี้จึงทำให้เผยมู่ซีรักน้องชายคนเล็กยิ่งนัก
ชิงหลานยิ้มและคอยมองเผยสือถงอยู่ไม่วางตา ชาติก่อนนางกับเสี่ยวถง รักใคร่สนิทสนมกันมาก นางมักจะพาเด็กชายตัวน้อยคอยติดตามท่านย่าออกไปเที่ยวข้างนอกอยู่เสมอ นางรู้สึกว่าตนเองจากที่นี่ไปไม่นานแต่เสี่ยวถงกลับดูโตขึ้นมาก
“คืนนี้มีหลานเอ๋อร์มาคอยดูแล้วย่าแล้วคนหนึ่ง หากเพิ่มเจ้าอีกคนก็ดีน่ะสิ”
“ท่านแม่ ให้ข้ามานอนเฝ้าด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ?” อนุฉิวเห็นว่าหน้าห้องฮูหยิน ผู้เฒ่าไม่มีไคฉีสาวใช้ผู้ที่คอยเจ้ากี้เจ้าการมารอขัดขวางอย่างเคยก็รีบขันอาสา
“อืม...ได้เช่นนั้นก็ดี! ยิ่งมีคนเฝ้ามากข้าก็ยิ่งอุ่นใจ” ฮูหยินผู้เฒ่าไออยู่เป็นระยะระหว่างที่คนทั้งหมดนั่งพูดคุยอยู่ด้วย
เมื่อหญิงชราไอจนตัวโยน อนุภรรยาทั้งสองก็หันไปสบตากันอย่างหนักใจ เห็นทีเรื่องที่สาวใช้ของพวกนางได้ยินมาอาจจะกลายเป็นความจริง ราตรีนี้พวกนางคงต้องลุ้นว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเป็นอันใดไปหรือไม่?
อนุหมิวได้ยินแม่สามีชมเชยอนุฉิวก็รู้สึกน้อยหน้า “ท่านแม่เจ้าคะ แม้ว่าข้ากับเสี่ยวลู่มิได้มานอนเฝ้าแต่ข้าเพิ่งได้ผ้าห่มทอพิเศษมาจากแคว้นเหลียน บางเบาแต่อุ่นยิ่ง ข้านำมามอบให้ท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ”
เผยเฝิ่นลู่เดินออกไปเรียกสาวใช้ให้ถือผ้าห่มเข้ามาในห้อง ฮูหยินผู้เฒ่ามองเห็นแล้วก็ผงกศีรษะยิ้มน้อยๆ
“ท่าทางจะน่าใช้อย่างที่เจ้าว่า ไหนเอามาให้ข้าจับดูสักหน่อย”
อนุหมิวรีบรับผ้าห่มจากสาวใช้ไปส่งให้แม่สามี ฮูหยินห่วงเยวียนสัมผัสเนื้อผ้านุ่มละมุนแล้วรู้สึกพอใจ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงหันไปเรียกสาวใช้ประจำตัวให้มารับผ้าห่มไปเก็บไว้ในตู้
“เดี๋ยวส่งให้สาวใช้ซักพรุ่งนี้แล้วข้าจะลองใช้ดู” พูดจบฮูหยินผู้เฒ่าก็ไอเสียงดังอีกหลายครั้ง ชิงหลานทำหน้าที่รินน้ำชาส่งให้
“ฮูหยินเจ้าคะ ดื่มน้ำชาสักหน่อยจะได้หายระคายคอ”
“แย่แล้วน่ะสิ! ท่านแม่ไอเป็นเลือดแล้ว!” ฉิวเจียงซือประคองต้นแขนทั้งสองข้างของแม่สามี “พ่อบ้านเหวินรีบส่งคนไปถามท่านหมอจวงและไปปลุกนายท่านออกมาเถิด”
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนร้องบอกคนให้เตรียมรถม้าออกไปรับท่านหมอจวงทำเอาบ่าวและสาวใช้ที่ได้ยินแตกตื่นลุกขึ้นมาชะเง้อมองเรือนท่าน ผู้เฒ่ากันทุกคน ข่าวซุบซิบเกี่ยวกับอาการป่วยของฮูหยินห่วงเยวียนล้วนสร้างความตระหนกอย่างถ้วนทั่ว
ใต้เท้าเผยวิ่งหน้าตื่นออกมาจากเรือน เขาผู้เป็นลูกชายเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่รู้ว่าคืนนี้เป็นคืนชี้ชะตาของมารดาตน เมื่อก้าวมาถึงข้างเตียงได้เห็นผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่วนอีกผืนในมือของฮูหยินผู้เฒ่าก็มีเลือดกระเซ็นเปื้อนพอสมควร ใบหน้าของขุนนางประมุขจวนเผยก็หมองลงหลายส่วน
“ท่านแม่ขอรับ! เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านอาการหนักอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ร่างของหญิงชราค่อยๆ เอียงจะล้มลง เผยหมิงเฮ่ารีบเข้าไปประคอง
“ท่านแม่! อดทนไว้นะขอรับ ข้าให้คนไปตามหมอแล้ว!”
ชิงหลานยืนอยู่ไม่ไกลนางมองอากัปกิริยาของบิดาของเผยมู่ซีด้วยความเวทนา ลูกสาวเสียชีวิตไปอย่างมีเงื่อนงำ บิดาผู้นี้ก็ยังมิเคยใส่ใจ มารดาล้มป่วยชวนให้สงสัย...บุตรชายผู้นี้ก็มินำพาจะแก้ไขอย่างจริงจัง!
เผยมู่ซีถามตัวเองซ้ำๆ ว่านางมีความรู้สึกผูกพันอันใดกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาบ้างหรือไม่?....นางตอบตัวเองได้เพียง...หากคำว่าไม่รักใคร่ผูกพันเรียกว่าอกตัญญู...นางก็จำต้องรับข้อหานี้!
ถังฮูหยินกับเผยหนิงเอ๋อร์ยืนเคียงข้างกันมองดูใต้เท้าเผยประคองมารดา ห่างไปอีกเผยลู่หลิ่งน้องชายของเผยหนิงเอ๋อร์ยืนมองดูท่านพ่อกับท่านย่าของตนด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาก็เป็นเช่นเดียวกับเผยหนิงเอ๋อร์คือถูกมารดากรอกหูมาตั้งแต่เล็กว่าท่านย่าลำเอียงรักเพียงเผยมู่ซีเท่านั้น!
ยิ่งเห็นท่านย่าร้องไห้ฟูมฟายจนล้มฟุบไปในยามที่เผยมู่ซีเสียชีวิต สองพี่น้องก็ยิ่งคิดว่าสิ่งที่ท่านแม่บอกพวกตนมาตลอดนั้นถูกต้อง การที่ท่านย่าล้มป่วยพวกเขาทั้งสองจึงมิได้ใส่ใจ...ปล่อยให้ถังฮูหยินจัดการตามสมควรก็แล้วกัน!
****************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)