องค์ชายสิบห้าที่หน้าเหวอ เผยมู่ซีเงยหน้าขึ้นสบสายพระเนตรของคนร่างสูงที่ยืนมองอยู่นางก็รีบเอ่ยกลบเกลื่อน
“วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายหลังจากวาดฝาผนังเสร็จหม่อมฉันจะวาดภาพองค์ชายให้ก็แล้วนะกันเพคะ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกับพู่กันกล่องนี้”
“อืม...ดี!”
หมิงเฉิงอวี่เห็นว่าดึกพอสมควรแล้วจึงได้เดินออกมาลาเจ้าของจวนกลับเรือนรับรอง ก่อนจะเสด็จขึ้นรถม้าทรงหันรับสั่งกับจังฮูหยินว่าพรุ่งนี้จะส่งช่างมาซ่อมทางเดินในเรือนให้ จังฮูหยินอึกอักเกรงพระทัย ทว่าองค์ชายกลับกล่าวตัดบทว่าเป็นค่าตอบแทนที่ทำอาหารอร่อยถวายพระองค์
ท้ายรถม้าลับตาไปแล้ว จังฮูหยินจึงหันมาบุตรี “หลานเอ๋อร์ เจ้าเห็นหรือไม่? องค์ชายทรงมีเมตตาเพียงใด ทรงจะส่งคนงานมาช่วยเราซ่อมเรือนเสียด้วย แค่เพียงทำพระกระยาหารถวายมื้อสองมื้อเท่านั้นเอง”
“เรายังรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์ชายนะเจ้าค่ะ จะไว้ใจได้อย่างไร?”
“จริงของเจ้า...บางคนรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ”
“ท่านแม่ จากนี้ไปพวกเรายิ่งต้องระวังตัวมากขึ้นนะเจ้าคะ เที่ยงนี้ข้าเพิ่งได้ยินองครักษ์ขององค์ชายคุยกันว่าท่านพ่อได้เป็นเจ้ากรมกลาโหมแล้วนะเจ้าคะ”
“ท่านแม่ ยามนี้ท่านพ่อได้เป็นเจ้ากรมกลาโหมแล้วนะเจ้าคะ”
“หือ! เจ้าว่าอะไรนะ?”
ชิงหลานจึงเล่าเรื่องที่นางได้ยินองครักษ์ขององค์ชายสิบห้าคุยกันเมื่อตอนเที่ยงวันให้มารดาฟัง จังฮูหยินผงะ ไม่เจอกันหลายปีสามีของนางก้าวหน้าไปถึงขั้นนี้แล้วหรือ?
“ท่านแม่ ยิ่งท่านพ่อตำแหน่งสูงขึ้น พวกเราก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นนะเจ้าคะ”
จังฮูหยินสีหน้าเป็นกังวล “จวนใหญ่คงไม่คิดจะหาเรื่องพวกเราหรอกนะ”
“ไม่แน่หรอกเจ้าค่ะ ถังฮูหยินอาจจะเกรงคนรู้ก็ได้ว่ายังมีเราสองแม่ลูกอยู่ ไม่แน่ว่านางอาจจะคิดกำจัดพวกเราก็ได้เจ้าค่ะ”
คืนนั้นจังฮูหยินเมื่อเข้าห้องนอนแล้วรู้สึกกังวลใจยิ่ง นางพลิกตัวไปมา แต่ก่อนคุณหนูถังที่เข้าจวนสกุลชิงมาในฐานะฮูหยินเอกได้รับการเอาอกเอาใจจากฮูหยินผู้เฒ่าชิงเพียงใด จังเยว่ซาบซึ้งแก่ใจดี ที่สามีต้องพานางออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกก็เพราะความร้ายกาจของคนผู้นั้น ซ้ำยังตามรังควานลอบวางยาให้นางแท้งบุตรชายคนโตของสกุลชิง สุดท้ายพอนางมีบุตรีก็ยังคงใส่ไคล้เพื่อให้นางต้องออกจากเมืองหลวง ยังดีที่สามียื่นคำขาดขอให้นางได้มาอยู่จวนเก่าแห่งนี้ ยามนั้นสามียังเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ในกรมกลาโหม บัดนี้หน้าที่การงานมาถึงจุดสูงสุดเกรงว่าถังฮูหยินอาจจะไม่ต้องการให้พวกนางได้ปรากฏตัวในฐานะคนสกุลชิงอีก
เหล่าลู่ได้ยินเสียงกุกกักด้านหลังเรือนจึงรีบลุกขึ้นคว้ากระบี่ใต้หมอนออกมาสะพายเอาไว้แล้วคว้ามีดสั้นเหน็บเข้าที่เข็มขัด เขาแอบได้ยินสิ่งที่คุณหนูบอกกล่าวกับฮูหยิน ความจริงการปองร้ายมีมาหลายครั้งอย่างที่ชิงหลานคาดการณ์ทว่าเรื่องพวกนั้นเสี่ยวลิ่งกับจังฮูหยินไม่เคยได้รับรู้ต่างหาก!
เหล่าลู่หยุดฟังเสียงฝีเท้าของคนที่อยู่ภายนอก เมื่อจับได้ว่าน่าจะมีไม่เกินสามคนก็ค่อยๆ แง้มประตูออกมาลอบมองดู ชายชุดดำที่เดินตามกันมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนพักด้านหน้า พ่อบ้านสกุลชิงจึงชักมีดสั้นออกมาแล้วกระโจนไปปิดปากบุรุษที่อยู่ท้ายสุดก่อนจะปาดคอหอยเสียงดังอึก! เดียว เขาลากศพบุรุษนั้นวางราบลงหลังพุ่มไม้ก่อนจะย่องตามอีกสองคนไป
“แยกกันไปห้องละคน อย่าลืมล่ะ! ฆ่าให้ตาย ดูให้แน่ใจด้วย”
“ขอรับ!” คนที่สองรับคำแข็งขัน
มือสังหารที่นำหน้าเอะใจที่คนหลังสุดไม่ขานรับจึงหันกลับมาหมายจะดุด่า ทว่ากลับไม่เห็น “เจ้าเฉียวไปไหนแล้ว? ข้าสั่งให้เดินตามกันมาติดๆ มิใช่หรือ?”
คนร้ายคนที่สองส่ายหน้าแทนคำตอบ เจ้าคนนำหน้าดวงตาตื่นตระหนกเมื่อเห็นเงาดำใหญ่ตระหง่านขึ้นด้านหลังเจ้าคนที่สอง มือของคนที่โผล่ขึ้นมานั้นปิดปากลูกน้องของมันไว้ก่อนจะแทงมีดสั้นเข้าตรงหัวใจต่อหน้าต่อตา
“ข้าไม่คิดเลยว่าที่แท้คนที่ส่งข้าไปเป็นลูกศิษย์ของเขาจะอาศัยอยู่ในเรือนของข้ามาหลายสิบปีแล้ว ตกลงว่าท่านเป็นผู้ใดกันแน่? เหล่าลู่หรือว่าจอมยุทธ์ลู่แห่งป่าไผ่ค่ายกล”
“เจ้าอย่าได้เอะอะ! ตามข้ามาก่อน” บุรุษร่างใหญ่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธหากแต่สั่งด้วยน้ำเสียงคุ้นเคยให้นางเดินตามเข้าไปในห้อง “ข้าไม่อยากให้ฮูหยินรู้ว่ามีคนปองร้าย”
คุณหนูชิงนั่งลงบนเก้าอี้กลมกลางห้อง ส่วนเหล่าลู่ก็หันไปจุดเทียน
“ท่านจัดการคนพวกนั้นไปกี่หนแล้ว?”
“ครั้งนี้เป็นครั้งที่ห้า ที่เจ้าคาดไว้นั้นมันเกิดมาตั้งนานแล้ว นักฆ่าพวกนี้คิดจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสามคนมาตั้งแต่เดือนแรกที่เหยียบจวนนี้ แต่ข้าก็เก็บพวกเขาเสียก่อน”
ชิงหลานสะท้านเฮือก! จังฮูหยิน ชิงหลาน กับเสี่ยวลิ่งช่างโชคดีนักที่มีอาจารย์ลู่คอยปกป้อง “ข้าได้ยินว่าท่านอยู่เป็นบ่าวนี้มาตั้งแต่เด็ก เหตุใดท่านจึงกลายเป็น จอมยุทธ์ลู่ไปได้?”
ลู่ฮั่นรินน้ำชาขึ้นมาจิบจอกหนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ตนได้พบกับจอมยุทธ์ลู่ผู้โด่งดังในยุทธภพโดยบังเอิญ
“ในช่วงที่ข้าอายุใกล้จะยี่สิบปีมักจะไปนั่งตกปลาอยู่ริมแม่น้ำ ครั้งนั้นเห็นแพลอยมาติดตลิ่งจึงเข้าไปดู กลับพบคนผู้หนึ่งนอนบาดเจ็บอยู่จึงได้ลากคนผู้นั้นไปรักษาที่กระท่อมร้าง อาศัยมาขอแบ่งยาจากที่จวนไปดูแลรักษาจนคนผู้นั้นอาการดีขึ้นจึงได้รู้ว่านั่นคือจอมยุทธ์ลู่ ในเมื่อพวกเราแซ่เดียวกันโดยบังเอิญ เขาจึงเห็นว่าเป็นฟ้าลิขิต จึงให้ข้ากราบเขาเป็นอาจารย์และสอนวิทยายุทธ์ให้ จากสอนข้าได้ไม่นาน อาจารย์ก็หายตัวไปพักหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมกับการว่าจ้างคนงานให้ไปสร้างเรือนในป่า เพื่อมิให้มีคนเข้าไปพบเห็นอาจารย์จึงได้สร้างค่ายกลขึ้นมาเพื่อพรางมิให้คนไปถึงเรือนนั้นได้ อาจารย์ลู่อาศัยอยู่ในเรือนนั้นและหายออกไปเป็นระยะๆ กระทั่งข้าสำเร็จวิชาตามที่เขาต้องการจึงได้มอบเรือนให้ข้าและบอกว่าจะออกไปท่องยุทธภพ”
ชิงหลานได้ฟังแล้วรู้สึกอัศจรรย์ใจ “นี่ๆ ข้าก็กลายเป็นศิษย์หลานของจอมยุทธ์ลู่ผู้ลือลั่นน่ะสิ! ข้าเคยอ่านเจอเรื่องของอาจารย์ปู่ในตำราตั้งหลายเล่ม”
************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)