“พวกเจ้าสามคนรออยู่ที่นี่ ข้ากับหลานเอ๋อร์จะเข้าไปตามพวกเขาสองคนเอง” อาจารย์ลู่หันมาสั่งบุรุษที่ยืนหน้าสลอนแล้วกระโจนขึ้นม้าไป ชิงหลานก็รีบขี่เจ้าสายลมตามไปติดๆ
“เหตุใดอาจารย์เจ้าจึงให้ศิษย์พี่อย่างเจ้าอยู่เฝ้าเรือนแต่กลับให้นางตามไปช่วย?” คุณชายจินทำหน้าฉงน ร่างของชิงหลานก็เล็กปานนั้นกระทั่งนางสะพายกระบี่ก็ดูเทอะอะ แต่อาจารย์ลู่กลับเลือกให้นางไปช่วยคนทั้งสองแทนจั๋วเหรินหาวที่แข็งแรงบึกบึน
อาจารย์ลู่ควบม้านำหน้าไปจนถึงรอยต่อระหว่างป่าทึบกับป่าไผ่ เขาลงจากหลังม้าแล้วถอดหน้ากากที่สวมออก ชิงหลานนำมาไปผูกยังตนใกล้ๆ
“หลานเอ๋อร์จากตรงนี้ไปไม่ใช่เส้นทางปกติ ข้าจำต้องถอดหน้ากากเพื่อให้สะดวกต่อการระวังค่ายกลจึงไม่อาจให้ผู้อื่นมาด้วยได้ เจ้าคอยระวังหลังช่วยข้า ค่ายกลส่วนนี้มักจะมีกับดักสัตว์ปรากฏแต่ไม่ต้องตกใจ ต่อให้มันทำท่าเหมือนกระโจนแต่แท้จริงพวกมันเป็นแค่ภาพลวงตา”
“อาจารย์แล้วหากเป็นหมาป่าอย่างที่คุณชายจินบอกเล่า? ข้าจะต้องสู้กับพวกมันหรือไม่?”
“พวกมันไม่มีอยู่จริง! แค่ทำให้คนพลัดหลงตกใจกลัวเท่านั้น ค่ายกลนี้ไม่มีอาวุธ ที่ข้าให้เจ้าเดินระวังหลังคือช่วยข้ามองหาสัตว์ที่จะปรากฏ ข้าจะได้ทำการปิดกลไกนั้นเสีย”
“อ้อ! เจ้าค่ะ!”
ชิงหลานพยักหน้ารับ นางเดินตามหลังอาจารย์ไปเงียบๆ เสียงนกร้องระงมเมื่อลู่ฮั่นเดินออกจากเส้นทางปกติที่มีรอยเท้าม้าปรากฎเข้าไปในป่าไผ่ ดงไผ่ที่มองทางใดก็เหมือนกันไปเสียหมดทุกต้น หากนางมิได้เรียนรู้ค่ายกลแห่งนี้ก็คงจะหาทางออกไม่เจอเช่นกัน ชิงหลานมองหาสิ่งของที่วางสามจุดตามตำแหน่ง แต่ก็ไม่ลืมจะระวังมิให้ตนเองพลัดหลงกับอาจารย์ลู่
“นั่น! หมาป่าออกมาแล้วเจ้าค่ะ!” นางที่คอยมองหลังตลอดเวลาเห็นดวงตาสีแดงฉานหลายคู่อยู่ในดงไผ่ข้างหน้า
“เจ้ารออยู่ที่นี่อย่าเคลื่อนไหวแม้สักครึ่งก้าว!” สั่งเสร็จร่างของอาจารย์ลู่ก็ลอยละลิ่วขึ้นไปบนยอดไผ่มองหาจุดทั้งสามที่ซ่อนอยู่ปลายยอดไผ่ กระจกหกเหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกผูกซ่อนไว้ปลายไผ่ถูกปลดใส่อกเสื้อก่อนจะกระโจนไปปลายไม้อีกสองกอแล้วเก็บเอาไว้อีก ครั้นกระโจนลงมาถึงพื้น ชิงหลานก็เห็นว่ารูปร่างที่ดูคล้ายหมาป่าพวกนั้นหายไป
“พวกมันหายไปแล้วเจ้าค่ะ!”
“ข้าเก็บกระจกสร้างร่างพวกมันแล้ว ยังมีด้านหน้าอีก...ไม่รู้ว่าองครักษ์ทั้งสองคนนั้นเดินไปถึงที่ใดแล้ว เจ้าขึ้นไปดูข้างบนกับข้า” อาจารย์ลู่เหนี่ยวแขนของลูกศิษย์ตัวน้อยก็จะกระโจนพานางขึ้นบนยอดไผ่ เท้าของเขาแตะไปกิ่งอ่อนของพวกมันคล้ายจะไม่โดนแต่ร่างของคนทั้งสองกลับทะยานไปข้างหน้านับสิบจั้ง
“เก็บกระจกออกมาก่อน” ชิงหลานรีบหันไปถอดกระจกที่ถูกผูกไว้ ก่อนที่อาจารย์นางจะพาทะยานไปเก็บออกอีกสองอัน
“อาจารย์พวกเขาอยู่นั่น!”
ร่างของบุรุษในชุดองครักษ์กำลังนั่งพักอยู่บริเวณลานที่ไม่กว้างมากนัก กังเฉินกับจงเหยียนแปลกใจอย่างยิ่ง พวกเขากระโจนหมายจะฆ่าหมาป่าทั้งห้าตัว ทว่าเมื่อวิ่งไกลออกมาหมาป่าพวกนั้นกลับหายไป ซ้ำหันกลับมาองค์ชายกับคุณชายจินก็ยังหายไปอีก หมาป่าพวกนั้นทำทีเหมือนจะคุกคามจนพวกเขาถอยตกลงไปในหลุมขวากที่มีลำไผ่แหลมเสียบตั้งรอผู้เคราะห์ร้าย หากตกลงไปไม่ระมัดระวังย่อมถูกไม้ไผ่เรียวปลายแหลมเสียบร่างจนแดดิ้นเป็นแน่! เคราะห์ดีที่กำลังภายในกลางแข็งคนทั้งสองจึงได้กระโจนขึ้นมาได้โดยมีรอยถลอกเพียงเล็กน้อย
“ที่นี่ไม่มีอาวุธสังหารแต่กลับมีหลุมขวาก ค่ายกลไม่ว่าแห่งใดก็ล้วนมีอันตรายทั้งสิ้น” กังเฉินมองพื้นรอบๆ ตัวพวกเขาด้วยความระแวดระวัง
“เจ้ากล่าวเช่นนี้....พวกเราติดอยู่ในค่ายกลเสียแล้วหรือ?”
เมื่อสำรวจแล้วว่าต่างหากต่างมิได้บาดเจ็บมากนัก องครักษ์ทั้งสองตกลงกันจะเดินหาทางออก ทว่าเดินอย่างไรก็คล้ายวนกลับมาที่เดิม ซ้ำยังเจอนกฝูงเดิมที่บินสวนมาและหมาป่าห้าตัวที่ยืนซุ่มซ่อนอยู่ตามดงไผ่แต่กลับไม่ออกมา จงเหยียนมองดูสัตว์ทั้งสองชนิดแล้วก็หันไปหาสหาย
“นี่คงเป็นภาพลวงตาอย่างที่คุณชายจินได้กล่าวไว้ พวกมันมาแค่หลอกเราให้หลงกลัวให้หลงคิดว่าตามพวกมันไปอาจจะปลอดภัย แท้จริงพวกมันล้วนทำให้เราหลงวนเวียนอยู่ที่นี่”
ต่อให้รู้แล้วก็ไม่อาจจะกลับไปหาคนทั้งสองได้ กังเฉินกับจงเหยียนที่เดินจนเหนื่อยอ่อนจึงนั่งพัก พลันร่างใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่งก็ทะยานลงมาจากปลายไม้
“พวกเจ้าออกมาได้อย่างปลอดภัย ดียิ่งนัก!”
จินวั่งซู่ลอบสังเกตกริยาท่าทางของอาจารย์ลู่ด้วยความสนใจ เพราะเห็นว่าจินวั่งซู่เป็นผู้เก่งกาจที่สามารถผ่านค่ายกลของจอมยุทธ์ลู่ผู้เป็นอาจารย์เข้ามาได้ ลู่ฮั่นจึงได้เชิญองค์ชายสิบห้าและคุณชายจินนั่งสนทนาและยอมเล่าเรื่องที่จอมยุทธ์ลู่ตัวจริงได้มาสร้างเรือนแห่งนี้พร้อมค่ายกลเอาไว้
“ที่แท้ท่านก็เป็นศิษย์จอมยุทธ์ลู่จริงๆ”
“ท่านอาจารย์ต้องการเดินทางออกตามหาศิษย์ที่เคยได้รับมอบกระบี่ทิวาราตรี คนผู้นั้นหายสาบสูญไปในยุทธภพ ทว่ากลับมีข่าวเรื่องที่กระบี่ราตรีปรากฏในเมืองหลวงจึงได้ทิ้งเรือนนี้และมอบให้ข้าดูแล”
กังเฉินและจงเหยียนได้เห็นวิชาตัวเบาของอาจารย์ลู่แล้วล้วนยอมรับว่า ร้ายกาจนัก ยอดไผ่ที่สูงชะลูดคนผู้นี้ยังขึ้นไปยืนได้อย่างสง่าซ้ำยังหิ้วเอาคนผู้หนึ่งไว้ได้ กำลังภายในย่อมจะสูงส่งยิ่ง
จินวั่งซู่ตบพัดงูดำอย่างใช้ความคิด “ข้าเคยอ่านเจอเช่นกัน กระบี่ทิวาราตรีของจอมยุทธ์ลู่ถูกสร้างมาเพื่อใช้กับวิชากระบี่ที่ท่านลู่คิดขึ้นโดยเฉพาะ กระบี่ทั้งสองมีด้ามคนละสี ตีขึ้นอย่างโลหะที่แข็งแกร่งยิ่ง คราวนั้นจอมยุทธ์ลู่ค้นพบโลหะนี้บนเทือกเขาซงซานแคว้นจิน จริงสิ! องค์หญิงจินเฟิ่งเองก็เป็นศิษย์ของจอมยุทธ์ลู่เหมือนอย่างท่าน นางก็ได้หน้าไม้ไปครอบครอง”
ลู่ฮั่นพยักหน้ารับ “เรื่องนี้อาจารย์เคยเล่าให้ข้าฟังแล้ว!”
องค์ชายสิบห้ารู้สึกคุ้นกริยาท่าทางของอาจารย์ลู่ผู้นี้ยิ่งนัก แม้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา ครอบมวยผมสีทอง และยังสวมหน้ากากสีดำเห็นเพียงลูกตา ปลายจมูกและปาก แต่พระองค์ก็รู้สึกเหมือนตนเองต้องเคยพบคนผู้นี้มาก่อน!
“อาจารย์ลู่! ท่านเคยไปเมืองหลวงบ่อยหรือไม่?”
*************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)