เฮนรี่ที่ลุกลี้ลุกลนที่จะสาปแช่ง ไม่ได้แสดงท่าทีหุนหันใด ๆ เขากำลังรอดูว่าการแสดงหรือบทแบบไหนจะออกมาจากปากของแจสเปอร์
แจสเปอร์บอกเล่าความคิดเห็นของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง สิ่งนี้ทำให้ไลลานีหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“ฉันขออนุญาตสอบถามเรื่องส่วนตัวเล็กน้อยนะคะ โดยปกติแล้ว เมื่อคุณผูกมิตรกับใคร คุณมีเกณฑ์ในการเลือกเป็นพิเศษไหมคะ? คุณไม่ได้สนใจถึงตัวตนและสถานะเลยใช่ไหม หรือคนที่จะเข้าไปคลุกคลีกับคุณได้ต้องร่ำรวยและมีฐานะประมาณหนึ่งใช่ไหมคะ?”
“ผมไม่มีเกณฑ์หรอกครับ สิ่งที่สำคัญคือผมสามารถเข้ากับพวกเขาได้ ผมไม่เคยมองถึงความร่ำรวยหรือฐานะเลยเมื่อผมจะผูกมิตรกับใคร เพราะผมรู้ว่าโดยปกติแล้ว คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมไม่ได้รวยเท่าผมนะ!”
เฮนรี่เห็นสัญญาณและเก็บมันไปคิด เขากำลังรู้สึกเจ็บใจขณะที่เขาเห็นท่าทีที่สงบของแจสเปอร์ ทันใดนั้นเอง เขาเริ่มรู้สึกอิจฉาแจสเปอร์เล็กน้อย ‘เมื่อไหร่ฉันจะเป็นได้เหมือนอย่างแจสเปอร์ ที่โพล่งคำพูดที่แสนเย่อหยิ่งออกไปอย่างไร้ความกังวล?’
“มิสเตอร์เลน คุณช่างคาดหวังสูงในการลงทุนของคุณจังนะคะ ฉันได้ยินมาว่าผลตอบแทนจากลงทุนของคุณครั้งที่แล้วเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะ ว่าคุณรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไง?”
“เอิ่ม ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับเรื่องนี้ครับ ที่จริงแล้ว เมื่อคุณหาสมบัติอย่างมหาศาลได้ เงินจะกลายเป็นแค่ตัวเลขสำหรับคุณไป”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เฮนรี่ที่อยู่ข้าง ๆ เขาและไลลานีรู้สึกถึงความร้อนรุ่มในตัวของพวกเขา...
ไลลานีบังคับตัวเองให้ข่มความรู้สึกในตัวเองไว้ ท่าทีของเธอยังคงสงบขณะที่ดำเนินการสัมภาษณ์ต่อไป
“งั้น ฉันขอถามว่า คุณมีเป้าหมายไหม มิสเตอร์เลน? หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ คุณเคยคิดไหมว่าวันหนึ่ง คุณจะสามารถได้รับสมญานามของการเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ?
“ไม่ครับ ถ้าคุณยืนกรานถามถึงเป้าหมายของผม ผมคิดว่าอย่างน้อยผมควรจะเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมั้งครับ?
ไลลานีพูดไม่ออก
ในครั้งนี้ ทั้งเลลานีและเฮนรี่มีท่าทีเปลี่ยนเป็นมืดมัวอีกครั้ง แม้แต่ไลลานีที่ได้รับการฝึกฝนที่เข้มงวดมากแล้ว ก็ไม่สามารถคงความสงบในการสัมภาษณ์ได้
แม้แต่เฮนรี่ยังยากซื้อยาแก้โรคหัวใจมาเลย!
‘มะ...มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งกล้าพูดเรื่องแบบนี้ได้เต็มปากเต็มคำขนาดนี้เลยเหรอ?’
‘ในแววตาของเขา การเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไม่ได้เป็นทุกอย่างที่เขาภูมิใจได้หรอกเหรอ?’
ต่อมา ไลลานีทำตามตารางงานอย่างปกติและถามแจสเปอร์อีกไม่กี่คำถามก่อนจะจบการสัมภาษณ์ลง
หลังจากที่ปิดกล้องและการสัมภาษณ์จบลง ไลลานีถอนหายใจออกด้วยความโล่งใจ มันราวกับเธอทำงานใหญ่ได้สำเร็จ
“มิสเตอร์เลน คุณเป็นเศรษฐีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากอย่างไม่ต้องสงสัยคนหนึ่งที่ฉันเคยสัมภาษณ์มาเลย ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น แต่เรียกว่าคนเดียวเลยก็ได้ค่ะ”
คนทำงานรอบข้างเธอสามารถยืนยันเรานี้ได้
การสัมภาษณ์ได้เสร็จสมบูรณ์หลังจากการถูกตอบโต้กลับอย่างต่อเนื่อง
นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมไมเคิลถึงเอาแต่คิดถึงเรื่องเงิน 1.5 พันล้านที่แจสเปอร์กำลังจะจ่ายเพื่อซื้อแกลดเนส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มูฟวี่
แม้ว่าพวกเขาได้ตกลงเซ็นสัญญาข้อตกลงในวันนั้น แจสเปอร์ไม่ได้แจ้งกับไมเคิลล่วงหน้าว่าเขาจะมาวันไหน เขาวางแผนที่จะมาดูการดำเนินงานของแกลดเนส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มูฟวี่ก่อนว่ามันยังดำเนินกิจการไปด้วยดีหรือไม่
นั่นจึงกระทบต่อการตัดสินใจของเขาว่าควรจะเปลี่ยนพนักงานในตำแหน่งผู้จัดการระดับสูงหลังจากที่ซื้อแกลดเนส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มูฟวี่อย่างเป็นทางการดีหรือไม่
เมื่อผู้ออกกฎเปลี่ยนไป ลูกน้องจึงถูกเปลี่ยนด้วยเช่นกัน คนเหล่านั้นที่ไม่มีประโยชน์กับแจสเปอร์คงต้องลาออกไปอย่างเห็นได้ชัด
“หลีกทางหน่อย หลีกทางหน่อย!”
ทันทีที่แจสเปอร์เข้าสู่ทางเข้าของตึก เขาได้ยินเสียงร้อนรนกำลังดังมาจากด้านหลัง หลายจากนั้นเอง มีมือหนึ่งยื่นออกมา พยายามผลักแจสเปอร์ออกไป
แจสเปอร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าวและหลบมือนั่น
“อะไรกันวะ ไม่ได้ยินที่ฉันบอกให้แกถอยออกไปเหรอ?”
เจ้าของมือนั่นเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างพอปานกลางและพุงป่อง ก่อนหน้านั้น เขาหยุดถอนหายใจและรู้สึกว่าเขาเสียศักดิ์ศรีไปขณะที่มองแจสเปอร์ด้วยสายตาอำมหิต
“แกต้องเป็นแฟนคลับของสการ์เลตแน่เลย ใช่ไหม? แกรู้รึยังว่าเธอจะมาที่แกลดเนส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มูฟวี่เช้านี้? เพราะงั้น แกต้องมารอที่นี้แต่เช้าไม่ใช่เหรอ? เร็วเข้าสิ ไสหัวไปซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ ไปให้สุด
ต่อหน่อยคร๊าฟ...
รออัพอยู่นะคะ เดือนเศษแล้ว จะมีต่อไหมคะ...