เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

ในระหว่างที่กำลังกังวลอยู่แบบนั้นจู่ๆ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็เผยยิ้มใจดีอย่างหาได้ยาก

“ไม่ค่ะ คาวาเลียร์ทางฝ่ายเจ้าภาพเป็นคนเลือกให้ โดยคำนึงถึงตระกูล อายุ ความเหมาะสมในหลายๆ เรื่อง ให้กับคุณหนูทุกท่านเองค่ะ”

“เฮ้อ โล่งอกไปที…”

“ตกใจหมด นึกว่าต้องไปถามเองเสียแล้วค่ะ…”

ทุกคนต่างลูบอก ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

แต่ เดี๋ยวนะ

‘เลือก’ คาวาเลียร์ไว้แล้วอย่างนั้นเหรอ

ผิดไปจากที่คิดเสียที่ไหน หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าพูดไปทางประตูที่ถูกปิดไว้

“เชิญเข้ามาได้ค่ะ”

ประตูถูกเปิดออกกว้าง ในขณะที่ชายหนุ่มแปดคนทยอยเดินเข้ามา

ใบหน้าของทุกคนยังดูเด็ก อยู่ในช่วงวัยที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และคนที่ยืนอยู่หน้าสุดก็คือ เฟเรส

เฟเรสส่งยิ้มให้ทันทีที่สบตากับเธอ เขายืนรวมอยู่กับคาวาเลียร์คนอื่นด้านหลังหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า

“อะไรกัน…”

หมอนี่มาที่นี่ได้ไงเนี่ย

คนที่ตกใจไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น

เหล่าคุณหนูท่านอื่นๆ ที่ยืนอย่างสง่ารักษามารยาทเป็นอย่างดี ต่างก็ส่งเสียงฮือฮากันไม่หยุด

“ท่านนั้น หรือว่าเจ้าชายลำดับที่สอง?”

“ตายแล้ว!”

คนอื่นๆ ที่อยู่ฝ่ายจักรพรรดินีเช่นเดียวกับเมฟ คาโพเลีย ต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน

“กะ กรี๊ด… ทำไงดีล่ะ!”

มีกระทั่งเด็กสาวที่หน้าแดงก่ำขึ้นมาด้วย

ปฏิกิริยารุนแรงกว่าที่คิดนะเนี่ย

เธอถามทิลเลียน่าที่ยืนเหม่อมองเฟเรสอยู่ข้างๆ

“นี่ คุณหนูทิลเลียน่าเจ้าชายลำดับที่สองเป็นที่นิยมในหมู่คุณหนูมากเลยเหรอคะ”

เธอลองถามออกไปเผื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“แน่นอนสิคะ… ว้าว เพิ่งได้เห็นตัวจริงเป็นครั้งแรก สมแล้วที่เป็นที่นิยมนะคะเนี่ย…”

ทิลเลียน่าพูดในขณะเดียวกันก็ยังคงไม่อาจละสายตาไปจากเฟเรสได้

“ตอนที่เดินทางมายังเมืองหลวงเพื่อร่วมงานเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องแรกที่ข้าได้ยินก็คือเรื่องเกี่ยวกับเจ้าชายลำดับที่สองละมั้งคะ”

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“อืม ก็แบบ งดงามราวกับภาพวาด”

ใช่แล้ว

“หล่อเหลา ให้บรรยากาศดูลึกลับแปลกๆ”

นั่นก็ถูก

“มีนิสัยเย็นชา แต่กลับดูมีเสน่ห์…”

เหมือนสรุปข่าวลือทั้งหลายแหล่ให้รวมเป็นประเด็นเดียว แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดี

รูปร่างหน้าตาของเฟเรสเริ่มงดงามขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่ไม่ว่าใครได้เห็นต่างก็ต้องตกหลุมรักเขาทั้งนั้น

ใบหน้าเนียนไร้จุดด่างดำ ถึงแม้จะไม่ค่อยเปลี่ยนสีหน้าเสียเท่าไหร่ แต่มันกลับดู ‘มีเสน่ห์’

หุ่นเองก็พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากจากการฝึกฟันดาบเป็นประจำ ทำให้ตอนนี้เขาดูล่ำขึ้นจนเด็กรุ่นเดียวกันเทียบไม่ติด

และความรู้สึกต่างๆ ที่ถูกผลักไสให้ห่างออกไป ก็เริ่มกลับเข้าสู่ที่เดิมของมัน

“…ดังนั้นการที่พาร์ตเนอร์เคารพนับถือ เกื้อกูลกันและกัน และรักษาความสัมพันธ์อันดีงามเอาไว้นั้น เรียกได้ว่าเป็นกระดุมเม็ดแรกของงานเลี้ยงเปิดตัวค่ะ”

อืม เป็นคำชี้แนะที่ดีทีเดียว

จะว่าไป คาวาเลียร์คนอื่นๆ ก็มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลากันทั้งนั้น

อย่างที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ากล่าวไว้ พวกเขาเป็นเด็กผู้ชายที่พอใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านมารยาทหรือด้านรูปร่างหน้าตา ทางฝ่ายเจ้าภาพคงจะใส่ใจคัดสรรมาให้จริงๆ

โดยเฉพาะเด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ท้ายแถวคนนั้น ไม่รู้ทำไมใบหน้านั่นถึงได้ทำให้เธอเผลอนึกถึงเครนีย์ขึ้นมา

คงเป็นเพราะผมหยักศกสีน้ำตาล หรือผิวขาวเนียนที่ดูคล้ายเด็กคนนั้นหรือเปล่านะ

หรือเพราะนัยน์ตากลมโตที่หางตาตกลงเล็กน้อย กับใบหน้าที่ยิ้มเขินอายด้วยความใสซื่อนั่นกัน

ตอนที่เครนีย์โตขึ้น เขามีหน้าตาคล้ายกับเด็กผู้ชายคนนั้น…

“มองใครขนาดนั้นน่ะ เทีย”

“อ๊าก ตกใจหมด! ”

เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำเอาเธอตกใจจนต้องหันไปมอง ก็พบว่าเฟเรสเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกายเธอแล้ว

“สวัสดี เทีย”

เด็กหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยทักทาย

แล้วจับมือข้างซ้ายของเธอยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้ไหลลื่นราวกับสายน้ำ

“อ๊ะ”

ไม่มีจังหวะให้ได้ดึงมือออกหรือห้ามปราม

เฟเรสจุมพิตลงบนหลังมือของเธออย่างสุภาพในขณะที่พูดขึ้น

“ได้เป็นคาวาเลียร์ของท่าน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]