เหลิงหยุนฉีหายอยากอาหารทันที......
การจากไปของคุณตา เป็นความเจ็บปวดในใจเธอเสมอ ตราบใดที่เซียวหรานยังไม่ได้ชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ เธอก็ไม่อาจปล่อยวางได้
สีหน้าของเธอเยือกเย็นลง เหล่าผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังพูดคุยกันก็ไม่รู้ว่าไปขัดใจคุณหนูคนนี้เข้าตอนไหน
พวกเขาเองก็ไม่ได้คุยเรื่องที่ร้ายแรงอะไรนี่?
ทำไมจู่ ๆถึงผิดแปลกไปได้?
บรรยากาศเป็นกันเองบนโต๊ะอาหาร พลันมุ่งไปยังทางตันในพริบตา
ยังดีที่ทันใดนั้นก็เที่ยวตรงพอดี พนักงานส่วนใหญ่ในบริษัทก็เริ่มทยอยเข้ามาในโรงอาหาร
เสียงคนเซ็งแซ่ ทุเลาบรรยากาศที่น่าประหลาดของโต๊ะเหลิงหยุนฉีในทันที
เหลิงหยุนฉียกจานอาหารขึ้น ก่อนจะพยักหน้ากับทุกคนด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ฉันกินอิ่มแล้ว พวกคุณค่อยๆทานกันนะคะ”
พูดเสร็จ ก็ยกจานอาหารไปที่โซนเก็บจาน
“โอ้โห! ได้ยินมานานแล้วว่าประธานคนใหม่ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งของเราเป็นสาวสวย คิดไม่ถึงเลย ว่าตัวจริงจะสวยขนาดนี้”
“ ไม่รู้ทำไมถึงอยากหัวเราะ รู้สึกว่าท่ามกลางพวกผู้ถือหุ้นที่หัวล้านพุงป่อง จู่ ๆปรากฏเจ้านายที่ชวนเบิกบานใจแบบนี้ ถึงแม้จะถูกขูดรีด แต่ฉันก็รู้สึกชื่นใจอยู่ดี”
“สีหน้าผู้ถือหุ้นคนอื่นๆเป็นอะไรกันน่ะ? ทำไมถึงรู้สึกว่าพวกเขาดูกลัวๆกันเล็กน้อย?”
“แม่เจ้า!!!นางฟ้าที่ฉันเคยติ่งมาก่อนนี่!!!เธอเคยขึ้นเทรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งมาก่อน!!คิดไม่ถึงเลย ว่าจะเป็นบอส??? ช็อกสุดๆ!!”
ทันใดนั้น ทั้งโรงอาหารก็เหมือนถูกระเบิด เสียงพนักงานชายหญิงดังขึ้นอย่างอื้ออึงจากรอบทิศ
หลังจากที่เหลิงหยุนฉีเหยียบส้นสูงจากไป ทั้งโรงอาหารจะแทบจะถูกพลิกด้วยเสียงพูดคุยหารือกันอย่างตื่นเต้นของทุกคน
ส่วนผู้ถือหุ้นคนอื่นๆที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับ:......
ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองดูไม่มีตัวตนสุดๆ?
แล้วเมื่อกี้ที่พูดว่าถึงแม้จะถูกขูดรีดก็ยังรู้สึกชื่นใจนั่น จะถูกคนอื่นหลอกใช้ทั้งที ยังต้องดูหน้าตาอีกหรือไง?
พวกผู้ถือหุ้นลอบบ่นในใจกันอย่างหมดคำพูด
เมื่อก่อนบริษัทพวกเขามีบรรยากาศติ่งดาราแบบนี้เหรอ??
ไม่ใช่!
พวกเขาขึ้นชื่อว่าเข้มงวด รอบคอบ มีความเป็นมืออาชีพ และขยันตั้งใจต่างหาก !
ถ้าจะให้พูด ตั้งแต่ที่เหลิงหยุนฉีปรากฏตัวในงานประชุมผู้ถือหุ้น จนถึงกินข้าวเสร็จและจากไป รวมๆแล้วปรากฏโฉมหน้าในบริษัทแค่สองชั่วโมง ทว่า มุมมองของหลายๆคนกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ณ เวลานี้!
ขณะเดียวกัน เหลิงหยุนฉีกลับมาที่ห้องทำงาน ผู้ช่วยเหมยรออยู่ตรงหน้าประตูแล้ว “ท่านจางกับคุณหญิงเหลิงบอกว่าให้คุณหนูทำตัวตามสบาย พวกเขาขอกลับบ้านไปก่อน ไม่รบกวนคุณหนูทำงานแล้ว”
อันที่จริงผู้ช่วยเหมยรู้สึกตกตะลึงมาก
อาหารปรากฏโฉมหน้ามื้อนี้ ตามหลักแล้ว ควรจะกินถึงประมาณบ่ายหนึ่งโมงจะดีที่สุด
“เรื่องนี้คุณจำไว้ในหัวก็พอ” เหลิงหยุนฉีเผยสีหน้าราบเรียบ เอามือบังโทรศัพท์ที่เธอกำลังจะพิมพ์
เข้าใจแล้ว
ความหมายคือ---ต้องไม่ทิ้งร่องรอยไว้!
“รับทราบค่ะ” ผู้ช่วยเหมยตอบรับทันที “ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ? ต้องการให้ฉันสืบไปถึงจุดไหน?”
เหลิงหยุนฉียิ้ม คนที่พูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้ ไม่ใช่คนโง่ คุณแม่หาผู้ช่วยมาให้เธอได้ไม่เลวเลยทีเดียว
“ไปสืบบริษัทเซี่ยหยวน ดูว่าเบื้องหลังมีใครบ้างที่ข้องเกี่ยว และต้องการรับช่วงต่อ แล้วไปสืบมาด้วยว่า เซียวซื่อมีปฏิกิริยายังไงกับบริษัทนี้”
ไม่ว่าจะเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีใครกันแน่ที่อยู่บนเวที เธอก็จะต้องรู้หมดในครั้งเดียวให้ได้
แม้ผู้ช่วยเหมยจะไม่เข้าใจ เหลิงหยุนฉีเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ทำไมเรื่องแรกที่เธอสั่งถึงเป็นบริษัทเซี่ยหยวนที่ไม่เกี่ยวอะไรกับบริษัทตัวเอง แต่ผู้ช่วยเหมยก็ยังคงตอบรับด้วยท่าทีจริงจัง
“รับทราบค่ะ ฉันจะพยายามสืบให้เร็วที่สุด และให้คำตอบคุณ”
ผู้ช่วยเหมยพูดเสร็จ ก็หันตัวไปหาเส้นสายของเมืองหลวง
เหลิงหยุนฉีนั่งลงที่โต๊ะทำงานประธานบริษัท สายตามองไปยังฝูงคนที่อยู่ใต้ตึกอย่างเงียบสงบ
ดูเหมือนว่า เธอต้องรีบลงมือเสียแล้ว!
จะให้หยาดเลือดและหยาดเหงื่อของคุณปู่ตกอยู่ในมือคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก