เพราะโจวหยุนโทรมาหา ตอนที่เหลิงหยุนฉีกลับบ้าน ในใจก็รู้สึกสงบขึ้นมาก
เธอถือเค้กที่ซื้อจากร้านดัง กลับไปที่คฤหาสต์
เธอไม่อาจไม่ยอมรับได้ ว่า “ของขวัญ” ที่คุณยายซื้อให้นั้นมองการณ์ไกล แม้ตอนที่เธอออกจากบริษัทเพิ่งจะประมาณห้าโมง ทว่าคฤหาสต์อยู่ห่างจากบริษัทไกลมากๆ ผนวกกับจราจรที่แสนจะติดขัดในเมืองใหญ่ จนตอนนี้ ก็เห็นพระจันทร์บนขอบฟ้าแล้ว
“คุณยาย แม่ ดูสิคะว่าหนูเอาอะไรมาฝาก?” เหลิงหยุนฉีเอาเค้กวางอยู่ตรงหน้าพวกเธอสองคน ใบหน้าเผยยิ้มผ่อนคลาย
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ก็ไม่อาจปฏิเสธขนมหวานได้ โดยเฉพาะเครปเค้กที่ดูน่ารักประณีตแบบนี้ แม้กระทั่งนายหญิงและจางหมินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ทั้งคู่มองเธอด้วยสีหน้าเซอร์ไพรส์ “ทำไมถึงเป็นเด็กดีขนาดนี้? เลิกงานยังซื้อของมาฝากอีก ทำงานวันแรก รู้สึกไม่โอเคตรงไหนไหม? ถ้าไม่ชิน ก็ไม่ต้องกดดันตัวเองเกินไป ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป”
พูดเสร็จ ทั้งคู่ก็เปิดกล่องเค้ก
ช็อกโกแลตนำเข้าจากอิตาลี ผสมกับวิปปิ้งครีมอย่างลงตัว เครปอ่อนนุ่มทับซ้อนกันสิบแปดชั้น รสชาติกลมกล่อม มีรสขมอ่อนๆ ประดับปลายลิ้น ทำให้คนไม่อาจหยุดกินได้
“ยังดีค่ะ เรื่องในบริษัท หนูกำลังทำความคุ้นเคย ตอนเลิกงาน เห็นหน้าร้านนี้มีคนต่อแถวกันเยอะมาก ก็เลยไปแวะซื้อมาน่ะค่ะ” เหลิงหยุนฉียื่นทิชชูเปียกให้ทั้งคู่ด้วยใบหน้าแต้มยิ้ม
ขณะที่พูด ท่านจางก็ลงบันไดมาพอดี
แต่น่าเสียดายที่เขามีโรคเบาหวาน แทบจะทั้งบ้านห้ามเขากินของหวาน ดังนั้นก็จึงทำได้แค่มอง
น่าจะเพราะอยากเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง นายท่านหันหัวมามองเหลิงหยุนฉี:
“เพิ่งรับช่วงต่อบริษัท ก็ทำเรื่องเอิกเกริกขนาดนี้ ไม่กลัวลูกน้องจะประท้วงกันหรือไง?” ตอนประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อกลางวัน กลยุทธ์สามข้อที่เหลิงหยุนฉีประกาศ นายท่านเองก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน
ทว่า ต่อหน้าคนนอก เขาย่อมไม่ยอมให้หลานสาวเสียหน้า
ส่วนตอนนี้ก็มองเธออย่างรู้สึกสนใจ
“ถ้ากลัวปัญหา ก็คงไม่รับช่วงต่อดูแลบริษัทหรอกค่ะ” เหลิงหยุนฉียิ้มทีหนึ่ง “ในเมื่อจะทำ ก็ย่อมต้องทำให้ดีที่สุด กลัวลูกน้องประท้วง? ไม่ใช่ว่าควรเป็นลูกน้องที่กลัวว่าหนูจะรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีคุณค่าทางธุรกิจงั้นหรอกเหรอ?”
เธอเสียเงินจ้างคนเข้ามาทำงาน ยังจะต้องกังวลว่าคนอื่นจะรังเกียจที่เธอเด็ดขาดอีกงั้นเหรอ?
จนกระทั่งตอนนี้นายหญิงก็ยังรู้สึกภูมิใจไม่หาย
“อันนี้ ฉันยอมรับ แต่ถ้าเพิ่งมาก็จะเด็ดขาด สิ่งจำเป็นไม่ใช่แค่ความแน่วแน่ ยังมีความสามารถในการควบคุมอีกด้วย” ท่านจางไม่ได้อยากจะให้หลานสาวเสียกำลังใจ
หลานสาวมีวิสัยทัศน์และเฉียบแหลมแบบนี้ เขาต่างหากที่เป็นคนที่ภูมิใจที่สุด
เพียงแต่ เขากังวลเล็กน้อยว่าเธอไม่เคยผ่านโลกมาก่อน เพิ่งเข้าสังคม ยังไม่รู้ถึงความโหดร้ายของโลกความเป็นจริง
ทว่า แม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่มุมปากที่ยกยิ้มขึ้นกลับไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน ท้ายที่สุดก็เอ่ยกำชับอย่างภูมิใจว่า “ไม่ว่ายังไง หนูจำไว้ ว่าตาอยู่ข้างหนูเสมอ ถ้าเจอเรื่องยากอะไร ก็มาบอกตาได้เลย”
เหลิงหยุนฉีกระพริบตา “วางใจเถอะ มีแบคใหญ่อย่างคุณตาขนาดนี้ หนูจะเกาะไว้ให้แน่นเลย” เธอพูดหยอกให้ชายชราดีใจ
อันที่จริง ทั้งช่วงบ่าย เธอพอจะเข้าใจภาพรวมของบริษัทแล้ว
คิดดูแล้ว วันนี้เพิ่งทำงานวันแรก เธอรู้สึกพอใจไม่น้อย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก