เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก นิยาย บท 135

ชั่วขณะนั้นจู่ๆ โจวหยุนก็เข้าใจเดือนคณะสุดหล่อท่านนั้นซึ่งแสดงความเปล่าเปลี่ยวเช่นนั้นในผับบาร์ “หยูดี” ก่อนหน้านี้แล้ว

ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะประสบพบเจอกับหญิงสาวที่สวยที่สุดขนาดนี้ แต่คนแรกคือเซียวหรานที่มีผลงานโดดเด่นในโลกธุรกิจมาก่อน ต่อมาคือคุณชายเฉียวที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลวง ประกบไว้ตรงกลาง แทบไม่มีความเป็นไปได้ในการแข่งขันด้วยซ้ำ จะมีการกระอักเลือดออกมาหรือเปล่า??

โจวหยุนจ้องมองคนหน้าตาดีที่เขยิบเข้าใกล้มาทางด้านหน้า จึงส่ายหน้าตามจิตใจ้สำนึก

หน้าตาลักษณะเช่นนี้ นักแสดงรับเชิญกิตติมศักดิ์จากภาพยนตร์สักเรื่องที่ไม่สามารถลืมเลือนได้ลง

หน้าตาสวยสดงดงามที่น่าทึ่งเช่นนี้ ก็ควรจะแสดงบทนางสนมที่สวยมากจนทำให้ประเทศชาติเดือดร้อน!!!

โจวหยุนแอบถอนใจยาวๆ อยู่ในใจ ตอนที่กำลังเตรียมเขยิบและพูดคุยกับหยุนฉี ทันใดนั้นแม่ของเธอก็ย่นคิ้วมองไปทางไหนสักทาง

ราวกับวินาทีถัดมา แสงแฟลชก็สว่างวาบขึ้นมาชั่วขณะนั้นทันที!!!

กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงบันได รวมถึงเหลิงหยุนฉีด้วย พลันชะเง้อมองไปทิศทางที่มีแสงแฟลชสว่างวาบ...

บก.จางคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะโชคดีถึงเพียงนี้ เหลิงหยุนฉีเพิ่งจะเข้างาน เขาก็รู้สึกทำผิดไปแล้ว เมื่อเห็นช่างภาพของนิตยสารได้ถ่ายรูปของเหลิงหยุนฉี ใบหน้าฉีกยิ้มทันที และเร่งรุดเดินเข้าไปทันที

“คุณโจว ขอโทษด้วยครับ เมื่อครู่เห็นเป็นบรรยากาศที่ดีมากจริงๆ จึงอดใจไม่อยู่เลยถ่ายรูปเลย วันนี้เป็นงานฉลองครบรอบงานแต่งงานของคุณกับภรรยา เดิมทีทางนิตยสาร《บุกเบิก》ของเราได้เว้นคอลัมน์ไว้ให้คุณหนึ่งคอลัมน์ครับ คุณคิดว่า สามารถนำรูปใบนี้ ลงข่าวได้หรือไม่ครับ?”

ประมาณว่า รูปครอบครัวตระกูลโจวของทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงบันไดเมื่อครู่นี้ นอกจากเหลิงหยุนฉีที่เป็นแขกที่เข้าร่วมเฟรมด้วย จนสามารถนำรูปภาพใบนี้เป็นภาพหน้าปกของงานเลี้ยงของคืนนี้ได้แล้ว

โจวอี้หมิงเปิดบริษัทบันเทิง ซึ่งมีโอกาสได้ทักทายกับสื่อมวลชนค่อนข้างเยอะมาก ดังนั้น วันนี้จึงตั้งใจส่งบัตรเชิญหนึ่งใบให้กับบก.จางของนิตยสารทางการเงินของท้องถิ่น

แต่ว่า...

พลันจ้องมองบก.จางที่ใช้สายตามองมาที่เหลิงหยุนฉีอยู่ตลอดเวลา โจวอี้หมิงบี้ปลายนิ้วอย่างอดใจไม่อยู่ 《บุกเบิก》ได้รับการขนานนามว่ามีความเป็นมืออาชีพมาโดยตลอด อากัปกิริยาตอบสนองของบก.จาง ไม่เหมือนการถ่ายรูปครอบครัวของพวกเขา แต่กลับเป็นเพราะเหลิงหยุนฉี จึงจงใจเลือกจังหวะนั้นในการถ่ายรูป

แม้ว่าเขาไม่สามารถจับต้นสายปลายเหตุให้แน่ชัด แต่มีหนึ่งจุดที่สามารถยืนยันได้— เป้าหมายบรรณาธิการคนนี้ไม่ธรรมดา!

โจวอี้หมิงเป็นคนแบบไหน?

คนฉลาดเฉลียวความคิดกว้างมองการณ์ไกล

ปฏิกิริยาแรก คือการมองไปทางเหลิงหยุนฉี “ช่วงนี้คุณหนูเหลิงมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องที่บริษัท น่าจะยังไม่รู้จักสื่อท้องถิ่นของทางเราใช่มั้ยครับ? ผมขอแนะนำตัวให้ ท่านนี้คือบก.จางจากนิตยสาร 《บุกเบิก》ครับ”

เขามองปฏิกิริยาของเหลิงหยุนฉี ซึ่งเกรงว่าจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย จึงแจ้งเหลิงหยุนฉีหมดเปลือก

เธอไม่รับสัมภาษณ์มาตั้งแต่แรก เป็นเพราะว่าระยะนี้ งานรัดตัวจนหัวหมุนจริงๆ จนไม่มีเวลา ยังติดที่ ก่อนที่บริษัทจะบรรลุผลสำเร็จทะลุเป้า จึงไม่ชอบคุยโม้โอ้อวดจนเกินเหตุ

เมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีลักษณะแบบนี้ พูดประโยคที่ไม่น่าฟัง มหาเศรษฐีมีเยอะแยะ คนที่ยังไม่มีผลงาน แต่กลับปั้นน้ำเป็นตัวโอ้อวดบนนิตยสาร ก็ยิ่งเหมือนความรู้ไม่เพียงพอแต่ป่าวประกาศไปทั่ว และนี่ก็ไม่ใช่สไตล์ของเธอ

พูดกันตามหลักเหตุผล คนที่สามารถมานั่งตำแหน่งบรรณาธิการนี้ได้ ไม่ควรจะรีบ กดชัตเตอร์Snap shotถ่ายแบบนั้น จนทำให้ดูไม่เข้าท่าขนาดนั้น

สื่อมวลชนที่เชิญมาในคืนนี้ ไม่ใช่แค่บริษัทเขาบริษัทเดียวสักหน่อย

โดยมีกฎเกณฑ์ภายในของแต่ละวงการ เนื่องในโอกาสงานเลี้ยงเช่นนี้ สามารถพบปะพูดคุยเพื่อขยายธุรกิจได้ แต่ถ้าต้องการถ่ายรูป ปกติแล้วจำต้องแจ้งให้อีกฝ่ายยอมตกลงเสียก่อน

ซึ่งในเวลานี้...

บก.จางคนนี้ทำงามหน้าเกินไปหน่อย

การผ่านร้อนผ่านหนาวต่อสู้ในวงการธุรกิจมาอย่างยาวนาน เหลิงหยุนฉีเข้าใจหลักการนี้ดี—บนโลกใบนี้ ไม่มีเหตุบังเอิญโดยไร้ซึ่งเหตุผล

“บก.จางคะ” เหลิงหยุนฉีใส่รองเท้าส้นสูง บวกกับเธอสูง170 เซนติเมตร ใส่ชุดราตรียาวหาง จนขลับออร่าของเธอให้ยิ่งน่าทึ่งมากขึ้น เวลานี้ แม้ว่ามีรอยยิ้มตามมารยาทสังคมประดับอยู่บนใบหน้า ดวงตากลับไร้รอยยิ้มสักนิด “ฉันเพิ่งมาถึงเซี่ยงไฮ้ได้สัปดาห์เดียวเองค่ะ ประเด็นแรกหุ้นของบริษัทก็ยังไม่ดีดขึ้น ประเด็นที่สองปริมาณธุรกิจยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง ฉันอยากจะถามคุณกลับค่ะ ตกลงว่าฉันมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกคุ้มค่ามาก ที่ต้องให้คุณตั้งหน้าตั้งตากัดไม่ปล่อยสักทีตั้งหลายครั้งหลายคราแบบนี้ด้วยหรือคะ?”