ไม่ใช่สายจากฝั่งอเมริกา แต่เป็นยุโรป
ช่วงนี้ตระกูลเฉียวเคลื่อนไหวใหญ่โต ธุรกิจร่วมมือมากมายจากทั่วโลกเห็นดังนั้นก็ขยับตาม ที่จริงเขาเองก็สละเวลางานมาร่วมงานวันเกิดในครั้งนี้ แน่นอน ว่าเดิมทีเป็นเพราะเห็นแก่หน้าท่านเหลิงล้วน ๆ ตอนนี้ พอเห็นใบหน้างดงามดุจดอกท้อของเหลิงหยุนฉี เขาก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาเดินดูที่ เฉียวซื่อ ได้ มีอะไรไม่เข้าใจ ก็มาถามฉันได้เหมือนกัน”
เหลิงหยุนฉีกระพริบตาอย่างตกตะลึง สงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า!
เฉียวซื่อขึ้นชื่อเรื่องลึกลับมาโดยตลอด แม้แต่ทางเข้าบริษัทก็ยังต้องใช้รหัสซ้อนถึงจะสามารถเข้าออกได้ คนนอกแทบจะไม่มีสิทธิ์เข้าไปเดินชมด้วยซ้ำ
เฉียวหยู่โม่กลับให้เธอไปเดินดูตอนว่างๆเนี่ยนะ? หรือว่าจะสอนความรู้เรื่องธุรกิจกับเธองั้นเหรอ?
นี่มันมาถึงขั้นนี้ได้ยังไงกัน???
โทรศัพท์ของเฉียวหยู่โม่ยังคงส่งเสียงดัง เหลิงหยุนฉีที่ยืนเหม่อพลันหลุดออกจากภวังค์ “กินเค้กก่อนแล้วค่อยไปไหมคะ?”
เธอรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่า สายเรียกเข้าที่โทรมาในคืนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แปลว่าเฉียวหยู่โม่ต้องมีงานด่วนแน่ ๆ อยู่ต่อได้จนถึงตอนนี้ ถือว่ารักษาหน้าเธอมากพอแล้ว เป็นแบคหนุนหลังที่แข็งแกร่งที่สุดให้เธอในคืนนี้แทนคุณปู่ของเธอ!
ทว่า เธอเองก็เป่าเทียนไปแล้ว ผ่าเค้กออกมาชิ้นหนึ่งให้แขกผู้มาเยือน คือมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุด
เฉียวหยู่โม่ที่ปกติไม่ค่อยชอบกินของหวานตะลึงเล็กน้อย แต่กลับพยักหน้าตอบรับ
ผู้ช่วยหลัวจิ้น ที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆอยู่ข้างๆพลันเบิกตาโพลงทันที
เจ้านายเขาเย่อหยิ่งมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ยืนอยู่ข้างหลังคนอื่นฟังคนอื่นพูด แม้กระทั่งของที่คนอื่นมอบให้ก็ยังคร้านจะปรายตามอง
แต่วันนี้ กลับตอบตกลงกินเค้กเนี่ยนะ???
เขากลอกสายตาไปมาระหว่างเจ้านายตัวเองและเหลิงหยุนฉี
มีพิรุธ!
มีพิรุธแน่ ๆ!
เหลิงหยุนฉีไม่รับรู้เลยด้วยซ้ำ ว่าหลัวจิ้น ที่รอบคอบหลักแหลมในความคิดเธอจะกำลังจินตนาการในหัวสมองอย่างบ้าคลั่งว่าเธอกับเฉียวหยู่โม่มีความสัมพันธ์บางอย่างที่ไม่อาจบอกคนได้ ได้ยินเฉียวหยู่โม่ตอบตกลงอยู่กินเค้กต่อ เธอก็รีบผ่าเค้กชั้นบนสุดด้วยตัวเอง ซ้ำยังแบ่งดอกกุหลาบที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตให้เฉียวหยู่โม่ดอกหนึ่งอย่างหวังดี
เพราะเค้กทั้งก้อนนี้ นอกจากดอกกุหลาบสีแดงสดที่ถูกประดับเป็นหน้าเค้ก นอกเหนือจากนั้นก็มีแต่ครีมนมสีขาว
เฉียวหยู่โม่รับเค้กก้อนนี้มา สายตาจดจ้องครีมสดที่ถูกทำเป็นรูปกุหลาบ เขาชะงักครู่หนึ่ง พลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
กุหลาบ?
เขาคิดมากไปเอง หรือเหลิงหยุนฉีจงใจกันแน่?
แขกเหรื่อที่ยืนดูอยู่รอบๆเงียบสงัดลงกว่าเดิม
“เล่นใหญ่! เล่นใหญ่จริงๆ! ในนี้ต้องเป็นพวกตระกูลไฮโซแน่ ๆ! มีกฎห้ามจุดดอกไม้ไฟมานานหลายปีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเพิ่งเคยเห็นดอกไม้ไฟวันเกิดแบบนี้ สุดยอดไปเลย!”
ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึง ก็มีคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป
หลังจากที่จางหมินบอกลากับเฉียวหยู่โม่อย่างเกรงอกเกรงใจ เหลิงหยุนฉีก็ยืนอยู่ตรงบันได มองส่งเฉียวหยู่โม่ขึ้นรถ
ทว่า ในขณะที่หลัวจิ้นเปิดประตูรถให้เขา จู่ ๆเฉียวหยู่โม่ก็ใช้มือแตะขอบรถ แล้วหันมามองเธอ เอ่ยว่า “เล่นหมากรุกเป็นไหม?”
เสียงทุ้มต่ำนั่นดังลอดผ่านหูเธอ ทั้งที่เนื้อหาที่พูดไม่มีอะไรแท้ๆ แต่พอมองจากที่ไกลๆ กลับเหมือนว่าเขากำลังยื่นตัวมากระซิบที่ข้างหูเธอเสียงเบา
เหลิงหยุนฉีตอบไปโดยอัตโนมัติว่า “อืม”
เฉียวหยู่โม่คิดถึงหมากรุกของปู่เธอครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ว่างเมื่อไหร่ ก็มาหาฉันเล่นหมากรุกได้” พอนึกได้ว่าแม้แต่ท่านเหลิงยังมองหลานสาวแท้ๆของตัวเองพลาด สายตาของเฉียวหยู่โม่ก็เผยแววขบขันเล็กน้อย
อย่างอื่นอาจจะเสแสร้งได้ ทว่า หมากรุกที่สิ่งที่สื่อถึงแก่นแท้ของคนคนหนึ่งได้มากที่สุด เพียงแค่เล่นหมากรุกตาหนึ่ง เขาก็สามารถเห็นทุกอย่างและมั่นใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว
ไม่รอให้เหลิงหยุนฉีตอบ เฉียวหยู่โม่ก็ขึ้นรถจากไป
ทว่า เขากับเหลิงหยุนฉีต่างนึกไม่ถึง ว่าเพียงแค่พริบตาเดียว สาธารณชนที่อยู่บริเวณรอบๆก็ถ่ายรูปที่พวกเขากระซิบข้างหูกันเมื่อกี้ไปแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก