ลำดับที่นั่งในปัจจุบันคือ—ผู้กำกับเคอนั่งอยู่ตรงกลางแถวแรก โจวหยุนนั่งอยู่ทางขวาของผู้กำกับเคอ จากนั้นก็ตามด้วยเหลิงหยุนฉีและถัดมาก็คือเจ้าพ่อภาพยนตร์เหลียง
หนึ่งนาทีที่แล้ว คนที่เธอประชดประชันนั้น ได้นั่งอยู่ในฝูงชนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ และเฝ้าดูการแสดงของเธออย่างเฉยเมย ทำให้หญิงสาวชุดแดงถึงกับตัวสั่นยืนอยู่กลางเวทีอย่างเขินอาย
เธออ้าปาก ทว่าตอนนี้สคริปทที่จำมาก็เบลอไปหมด
ส่วนผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่มาออดิชั่นรอบๆก็กำลังพยายามที่จะกลั้นหัวเราะ
รองผู้กำกับขมวดคิ้ว แล้วจ้องมองไปที่เธอ และสุดท้ายก็ตะโกนออกไปตรงๆด้วยลำโพงว่า: “เธอยังแสดงอยู่ไหม ออกไปถ้าไม่อยากแสดง อย่ามาเสียเวลากับทุกคน!"
ดูเหมือนเธอจะถูกดุจนตื่นในทันใด และพยักหน้าอย่างเร่งรีบ: “แสดงค่ะ! แสดงค่ะ!”
เพื่อบทบาทนี้แล้ว เธอยากจนจนไม่มีที่จะไปแล้ว
เธอหายใจเข้าลึกๆพยายามที่จะไม่มองไปทางเหลิงหยุนฉี และเริ่มการออดิชั่นของเธอ
บอกได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นไฮไลท์ของโจวซื่อกรุ๊ปในปีนี้ ผู้กำกับที่เชิญไม่เพียงเป็นผู้กำกับเคอเท่านั้น ทว่ายังเขียนบทละครโดยผู้เขียนเหรียญทองโดยตรงอีกด้วย
ในนี้บรรยายถึงหลังจากที่ราชวงศ์ชิงล่มสลาย ชีวิตของคนที่เป็นถึงท่านอ๋องอย่างกู่ยี่ ตั้งแต่การเสื่อมถอยของฐานะ ขายอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการไปต่างประเทศเพื่อศึกษาวัฒนธรรมของตะวันตก แล้วกลับมาพัฒนาประเทศ จากนั้นก็วางอำนาจที่เซียงเจียงในที่สุด
ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาคือรัวถง หญิงสาวแปลกหน้าที่ซื้อบ้านของเขา
ตัวตนของรัวถงในภาพยนตร์ยังคงเป็นปริศนา และสายตาของเธอนั้นกว้างไกลกว่าผู้หญิงทุกคน มีกำลัง ความกล้าหาญ และเงินทอง ซึ่งครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน เธอก็กดดันความภาคภูมิใจในตนเองของพระเอกโดยตรง ทำให้เขาเลือดเดือดพล่านไปเลย และตอนนี้เธอกำลังออดิชั่ดฉากที่ทั้งสองคนพบกันอยู่!
ในฐานะลูกชายของขุนนาง หลังจากที่ราชวงศ์ล่มสลายพระเอกจึงต้องปกปิดตัวตน เร่ร่อนไปมา จนลี้ภัยมาถึงบ้านของบรรพบุรุษของเขา ทว่าสุดท้ายเพื่อเก็บเงินไปต่างประเทศเขาจึงต้องขายบ้านทิ้ง ส่วนรัวถงที่สวมชุดกี่เพ้าก็มาสายหลังจากที่รอมาเป็นเวลาครึ่งวัน เมื่อพบกันครั้งแรก ก็ค่อยๆพ้นควันบุหรี่ออกแล้วเหลือบมองมา ในควันที่หนาทึบนั้นคำพูดของเธอทำให้ผู้คนใบหน้ารู้สึกชา:
“ในสถานที่เซี่ยงไฮ้ นี้ ไม่มีความปราณี มีแต่ชื่อเสียงและเงินทอง เมื่อก่อนท่านเป็นถึงทายาทของราชวงศ์ ทว่าตอนนี้ มีอะไรอีกนอกจากบ้านที่ว่างเปล่านี้”
“คัด!” ผู้กำกับเคอขัดจังหวะขึ้น แล้วขมวดคิ้วกับนักแสดงสาวบนเวที
หน้าตาก็ไม่เลวนะ นักแสดงที่สามารถมาออดิชั่นได้อย่างน้อยหน้าตาก็ต้องผ่านการเลือก
ทว่ากลับรู้สึกแปลกๆ!
แปลกมากเลย!
ในฐานะที่เป็นที่รักในหัวใจของพระเอกในภาพยนตร์เรื่องนี้ บทบาทของรัวถงคือ “งามเพริศพริ้ง”อยู่ตลอดเวลา ท่าทางเวลาที่ยกมือขึ้นก็ปรากฏอารมณ์ที่เกียจคร้านตามใจ
นักแสดงสาวคนนี้ไม่ได้มีเสน่ห์แบบนั้นเลย
หญิงสาวชุดแดงอยากจะขอโอกาสอีกครั้ง ทว่าโจวหยุนก็หาวอย่างน่าเบื่อหน่าย: “อย่างเธอแบบนี้น่ะ บวกกับบทละครนั่น พระเอกไม่ได้ด่าว่า ‘อีโง่’ ไปตรงๆ ฉันก็อยากจะให้เกียรติในการประพฤติตัวที่ดีของเขาแล้ว!”
ในยุคที่ระบบศักดินาเพิ่งพังทลายลง ผู้หญิงที่พูดโหดเหี้ยมเช่นนี้จะมีใบหน้าที่ขี้ขลาดอย่างนั้นหรือ?
คนที่สมองปกติ คงไม่มีใครถูกใจสิ่งนี้หรอก แล้วยังจะคิดที่จะอยู่ตลอดชีวิตด้วย? โกหกใครกัน!
แสดงอะไรเนี่ย?
“แย่จัง!” อันที่จริงเหลิงหยุนฉีไม่อยากแสดงสีหน้าเพิ่มเติมกับคนแบบนี้ ทว่าคำพูดของเพื่อนรักของเธอช่างตลกเหลือเกิน เธอจึงอดกลั้นไว้ไม่ได้แล้วหัวเราะออกมา
รอยยิ้มนี้ช่างบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติราวกับบรรยากาศที่สดใสในยามเช้า ที่พัดเมฆและหมอกไปจนเห็นแสงอาทิตย์!
ในขณะนั้น ทุกคนในแถวหน้าก็มองรอยยิ้มที่สดใสของเธอ และดวงตาของพวกเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย
ทันใดนั้น ความคิดก็ผุดขึ้นในใจของทุกคน—นี่แหละคือความสง่างามของผู้หญิงที่เดินผ่านบุหรี่เมนทอล แล้วยิ้มอย่างเย็นชาให้กับกู่ยี่ที่สูงศักดิ์ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก