เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง นิยาย บท 103

เซวียหลิงร้องไห้น้ำตานองหน้า กอดพวกเขาไว้แน่น

"พ่อ......แม่! หนูคิดถึงพวกท่านมากเลย! คิดถึงมากๆ ......ฮือๆๆ! หนูทำผิดกับพวกท่าน......แงๆ ......"

เธอร้องไห้จนแทบหมดลมหายใจ พูดไม่ชัดเจนด้วย ร้องไห้ไม่หยุด

แม่เซวียสงสารเหลือเกิน ปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน "พอแล้วๆ! รู้แล้วว่าลูกคิดถึงเรา รู้อยู่ตลอดนั่นแหละ แต่ลูกเป็นลูกสาว ลูกโตขึ้นสุดท้ายก็ต้องแต่งงาน! ลูกรักของฉัน อย่าร้องไห้เลย!"

พ่อเซวียกล่าวอย่างตำหนิ "แต่งงานไปแล้ว อีกไม่นานก็จะเป็นแม่คน ยังร้องไห้แงๆ แบบนี้อีก เหมือนเด็กน้อยเลย! อายไหม! อายไหม!"

เซวียหลิงเช็ดน้ำตา ทั้งยิ้มและร้องไห้

"ไม่อาย! ถึงหนูจะโตขึ้นแก่ขึ้นแค่ไหน ก็ยังเป็นลูกสาวพวกท่านอยู่ดี! ในใจในสายตาพวกท่าน หนูก็เป็นเด็กน้อยของพ่อแม่ตลอดไป"

พ่อเซวียมองเธอ ทำหน้าจะร้องไห้นิดๆ

"แค่ครึ่งปีกว่าๆ เอง ทำไมจู่ๆ พ่อก็รู้สึกว่า......ลูกโตแล้ว! ในที่สุดหลิงหลิงของพ่อก็โตแล้ว!"

แม่เซวียพูดด้วยเสียงอ่อนโยน "นั่นสิ! หน้าตาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าแต่ก่อน ความน่ารักไร้เดียงสาแบบเมื่อก่อนน้อยลง มีความมั่นใจมากขึ้น แต่พ่อของลูกพูดถูก เมื่อก่อนลูกอยู่ที่บ้านผอมมาก อาหยวนเก่งจริงๆ บำรุงลูกจนอวบอิ่ม ใบหน้าเล็กๆ ก็มีเนื้อแล้ว ดูดีกว่าเดิม สวยกว่าเดิม!"

เซวียหลิงหัวเราะคิกคัก แล้วเช็ดน้ำตาอีกครั้ง

"พี่หยวนทำกับข้าวอร่อยมาก หนูกลัวกินอิ่มเกินทุกครั้ง!"

แม่เซวียอุทาน "โอ้! อาหยวนเป็นคนทำอาหารเหรอ?"

เซวียหลิงพยักหน้า พูดเบาๆ ด้วยความเขินอาย "เขาเป็นคนทำหมดเลยค่ะ ชามตะเกียบเขาก็เป็นคนล้าง"

"ไม่ได้นะ!" พ่อเซวียแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม พูดสั่งสอน "ลูกไม่เพียบพร้อมเลย ฉันจะไปเตือนอาหยวนว่าห้ามเอาใจลูกเกินไป! เด็กผู้หญิงไม่ช่วยเหลืองานบ้าน ไม่ขยันทำงาน น่าเกลียด!"

เซวียหลิงหัวเราะเสียงดัง แล้วพูดขึ้น "พี่หยวนไม่รังเกียจหนูหรอกค่ะ! บางครั้งหนูก็ช่วยบ้างนิดหน่อย แต่เขากลัวหนูหนาวมือ กลัวหนูโดนบาดมือ เลยทำทุกอย่างตลอด อีกอย่างหนูทำอาหารไม่ค่อยเก่ง ทำแล้วก็ไม่อร่อย ก็เลยไหว้วานให้เขาทำทุกอย่างดีกว่าค่ะ!"

"ลูกนะลูก!" พ่อเซวียขำอย่างช่วยไม่ได้ หางตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แม่เซวียข้างๆ ก็ดีใจเหลือเกิน พูดขึ้นว่า "อาหยวนรักลูกมากเลย! แต่สมัยก่อนตอนพวกเธอยังเด็กๆ อยู่เขาก็ดูแลลูกทุกอย่าง เขาไม่ค่อยชอบพูด ทำอะไรเคร่งครัดอยู่ในกรอบ แต่ดูแลคนอื่นเก่งมาก ปกป้องลูกได้เป็นอย่างดี พาลูกออกไปเล่น แม่ไม่กังวลเลย เพราะเขาไม่เคยทำให้ลูกได้รับบาดเจ็บ"

พ่อเซวียพยักหน้าคล้อยตาม "ใช่ๆ! เป็นแบบนี้ตลอด!"

เซวียหลิงกอดแขนพวกเขาซ้ายขวา แล้วถามขึ้น "ทำไมพวกท่านมาเร็วจังคะ? นั่งเครื่องบินเหรอ? หนูนึกว่าพวกท่านนั่งรถไฟ ต้องใช้เวลาสองสามวันกว่าจะถึง"

พ่อเซวียยิ้มแล้วอธิบาย "ในเมืองเริ่มมีสนามบินตั้งแต่ปีที่แล้ว บินมาที่เมืองหลวงทุกๆ สามวัน เมื่อคืนเราได้รับสายจากลูก ก็รีบเก็บกระเป๋าเดินทาง โทรหาเพื่อนพ่อ ให้เขาช่วยจองตั๋วเครื่องบินที่นี่ โอ้ จะว่าไปก็บังเอิญ สิบโมงกว่ามีเที่ยวบินมาที่นี่ รีบจองมาเลยสองใบ"

แม่เซวียพูดขึ้น "เรานั่งรถไปสนามบินตอนเช้า เพราะว่าหิมะตก เที่ยวบินเลยล่าช้าไปสองชั่วโมง แต่เครื่องบินก็ยังเร็วอยู่ดี! บินสามชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว!"

"เราเดินออกมาจากสนามบิน เรียกรถขับมาที่ประตูโรงพยาบาลในเขตเมืองเลย" พ่อเซวียพูด "สะดวกมาก และเร็วมากด้วย! จริงไหม?"

"จริง!" เซวียหลิงพูดขึ้นด้วยความดีใจ "เราพักที่โรงแรมเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม พวกท่านค่อยไปอยู่ห้องข้างๆ พวกเราทีหลัง! หนูอยากคุยกับพ่อกับแม่จนฟ้าสว่างเลย!"

พ่อเซวียและแม่เซวียหัวเราะกัน

"อยู่ห้องผู้ป่วยห้องแรกทางนั้นครับ" เฉิงเทียนหยวนช่วยรับกล่องใบใหญ่มาแล้วพูดขึ้น "ผมถือให้ครับ"

พ่อเซวียและพ่อเฉิงไม่เจอกันมาหลายปี ทันทีที่เจอกันและกัน ดวงตาก็แดงก่ำ จับมือกลั้นน้ำตากันสักพักใหญ่ พูดไม่ออกเป็นเวลานานมาก

คนอื่นที่อยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเข้า ก็ทยอยกันตาแดงตามกันไป

พ่อเซวียสะอึกสะอื้น "...ไม่กี่ปีมานี้ สภาพอากาศไม่ดี ตอนกลางคืนฉันคิดมากนอนไม่หลับ......คิดว่าสภาพอากาศไม่ดี แขนนายต้องเจ็บแน่ๆ เป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับนาย"

เฉิงมู่ไห่ส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ไม่เป็นไร......ไม่เป็นไรแล้ว......"

พ่อเซวียสูดน้ำมูก พูดขึ้นเสียงต่ำ "หลังจากโรงงานปุ๋ยเคมีล้มละลาย ที่ตัวฉันก็ไม่ค่อยมีเงิน โชคดียังมีบ้านหลังเก่าในเมืองหลวง ช่วงนั้นฉันดิ้นรนไปทุกที่ ส่งเงินไปให้นายสองรอบ หลังจากนั้นไม่ได้ข่าวคราวจากนาย ระยะทางห่างกันไกล เขียนจดหมายก็ไม่มีที่อยู่ ฉันละอายใจมาก......"

พ่อเฉิงขมวดคิ้วพูดขึ้น "นี่จะโทษนายได้ยังไงกัน! หลังจากนั้นเรากลับหมู่บ้านตระกูลเฉิง บ้านเก่าฉันเอง คนส่วนใหญ่ที่นั่นไม่รู้ตัวหนังสือ บุรุษไปรษณีย์ไม่ผ่านที่นั่นเกือบเดือน เหล่าเซวีย ไม่โทษนายหรอก ไม่โทษนายจริงๆ นะ"

เฉิงเทียนหยวนที่อยู่ข้างๆ รีบล้างแก้วสองใบ แล้วเอาน้ำร้อนให้พ่อตาแม่ยายคนละแก้ว

พ่อเซวียพยักหน้ารับมา แล้วดื่มสองสามอึก

"มู่ไห่ บอกตามตรง ก่อนกลับเมืองหลวง ฉันมีชีวิตที่ยากลำบากจริงๆ ฉันไม่ได้รับงานช่างเทคนิคต่อ ฉวยโอกาสยืมเงินมานิดหน่อยเพื่อลงทุนธุรกิจ ฉันน่ะ ไม่เคยทำธุรกิจแบบนี้ ประคับประคองลำบากมาก จนสองปีต่อมา สถานการณ์ถึงจะดีขึ้น เลยค่อยๆ คืนเงิน"

แม่เซวียถอนหายใจพูดตอบ "ชีวิตค่อยๆ ดีขึ้น เราก็ลองติดต่อพวกคุณ น่าเสียดายที่ปากซอยต้าหูถงไม่มีใครตอบจดหมาย ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ ต้องพึ่งเขียนจดหมายกันหมด จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า เหมือนหินจมลงไปในทะเล"

หลิวอิงเบ้าตาแดง พูดขึ้นว่า "......หาที่บ้านเรายากจริงๆ เราไม่เคยโทษพวกคุณเลยแม้แต่นิดเดียว พวกคุณไม่ต้องรู้สึกผิดเลยนะ----ไม่ดีเลย"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง