เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง นิยาย บท 40

เซวียหลิงหันหน้าหนี แววตาของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองไปทางเขา

เฉิงเทียนหยวนผงะ ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างมีใบหน้าขาวผ่องราวกับดอกไม้ ผิวกระจ่างใสมีเสน่ห์เหลือเกินดวงตาที่จ้องมาทางตนอย่างไม่รู้ถึงความหมาย ทำให้เขารู้สึกวูบวาบในหัวใจ

"......มีอะไรเหรอ?" น้ำเสียงของเขาถามขึ้นอย่างแหบแห้ง

เซวียหลิงพิงไปที่แขนของเขา เชิดปลายจมูกขึ้นพูดว่า "นายคิดว่ายังไงล่ะ หืม?"

เฉิงเทียนหยวนได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ แล้วรู้สึกว่าร่างกายอันอ่อนโยนที่พิงมานั้นช่างนุ่มนวลเหลือเกิน สัญชาตญาณของเขาทำให้ร่างกายหยุดนิ่งทันที สมองเต็มไปด้วยความคิดอันยุ่งเหยิง มือที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กเอื้อมไปโอบกอดเธอมาไว้ในอ้อมแขน

เซวียหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง เธอโมโหและทุบไปที่หน้าอกของเขา

"งี่เง่า!"

เฉิงเทียนหยวนไม่รู้ว่าจะต้องเกลี้ยกล่อมผู้หญิงยังไง แต่เมื่อเห็นว่าดูเธอจะโกรธ เขาเองจึงทำได้เพียงกอดเธอเอาไว้

"เธออย่าได้ไปฟังเรื่องไร้สาระของอาฟาง เด็กคนนั้นไร้สมอง อายุยังน้อย ชอบพูดจาไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย อย่าได้ถือสาเธอเลย งานที่สหกรณ์ร้านค้าตอนนี้ที่ทำอยู่ก็ไม่เลว และผมไม่คิดจะเปลี่ยนงานใหม่หรอก อีกอย่าง โอหยางเสียงผู้ชายคนนั้นนิสัยไม่ดี ผมไม่ชอบติดต่อกับคนตระกูลนั้น"

เซวียหลิงส่งเสียงหึๆ ออกมาแล้วยิ้มขึ้นพูดว่า "ก็ยังดีนะคะที่นายไม่ได้โง่เง่าจนเกินไป"

เฉิงเทียนหยวนมองไปยังท่าทางอันน่ารักและมีเสน่ห์ของเธอ ทำให้หัวใจของเขาอ่อนโยนราวกับฟองน้ำ

"แม้ว่างานที่สหกรณ์ร้านค้าจะไม่มีอนาคต แต่เถ้าแก่ก็ดีกับผมมาก ช่วงนี้บางทีผมก็ได้ไปช่วยเขาขึ้นสินค้า และก็ได้รู้จักกับสินค้ามากมาย เพิ่งจะรู้ว่าอุตสาหกรรมนี้มีเส้นทางหลายอย่างไม่ได้เพียงแค่ซื้อขายอย่างที่เห็น ผมคิดว่าผมควรจะเรียนรู้สักหน่อย จะทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยไม่ได้ ผมควรจะจริงจังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง"

เซวียหลิงเหยียดนิ้วอันละเอียดอ่อนเรียวงามออกมาจิ้มไปตรงหัวใจของเขา

"นายบอกเองนะคะว่านายจะ จริงจังเพียงเรื่องเดียว"

หูของเฉิงเทียนหยวนแดงเรื่อ มือใหญ่ของเขาเข้าไปคว้ามือเล็กของเธอเอาไว้

"......วางใจเถอะครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น"

แม้ว่าเขาจะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมานั้นเขาเข้าใจได้อย่างว่องไว

ก่อนหน้านี้ โอวหยางเหมยได้ฝากให้น้องสาวของตนเอาของมากมายมาให้เขา และยังมีจดหมายอีกด้วย แต่เขาก็ไม่ได้รับเอาไว้ ให้น้องสาวเอากลับไป และบอกว่าทำแบบนี้ไม่ถูกเพราะเขามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว

ในชนบทนี้มีคนเพียงไม่กี่คน อีกอย่างมีบรรดาป้าๆ มากมายที่คอยพูดซุบซิบนินทาคนอื่น เพียงแค่เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็บอกต่อใส่สีตีไข่ พูดไปต่างๆ นานา

นิสัยของเขาเป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์ หากเขายังไม่ได้แต่งงานเขาก็จะไม่ทำการเกเรแต่ใดๆ ทว่าตอนนี้ทั้งสองคนได้แต่งงานกันแล้ว

และเธอก็ช่างแสนดี เขาจะไปนอกใจเธอได้อย่างไร เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องได้รับความน้อยใจและทำเรื่องไม่ดีกับเธออย่างแน่นอน

ส่วนเซวียหลิงก็ไม่ใช่คนที่ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นมากมายนักเธอไม่สนใจกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เรื่องราวไร้เหตุผลเหล่านี้ ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

"เดี๋ยวฉันขออาบน้ำก่อน นายจะไปทำธุระอะไรก็ทำไปก่อนนะ"

เห็นได้ชัดว่าโอวหยางเหมยมีความรักใคร่เขาอย่างมาก แต่พี่หยวนกลับไม่ไว้หน้าเธอสักครั้งและทำท่าทางห่างเหินจากเธอ

อีกอย่างจิตใจของเธอนั้นไม่บริสุทธิ์ เธอตั้งใจจะใช้เด็กหญิงไร้เดียงสา ซึ่งเป็นน้องสาวของสามีเธอมาสร้างความเดือดร้อน การทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้ พี่หยวนที่รักครอบครัวรู้สึกรังเกียจเธอมากขึ้น

ดอกบัวขาวเล็กๆ ดอกนี้จัดการได้ไม่ยาก ไม่จำเป็นจะต้องไปโมโหสามีของเธอ ไม่อย่างนั้นคงจะถูกผลกรรมย้อนกลับ

หล่อนจะเดินทางไปที่อำเภอไม่ใช่เหรอ ช่างดีเหลือเกิน!

เซวียหลิงมีความมั่นใจมาก เธอพูดขึ้นขำกับตัวเองว่า 'ฉันจะรอให้หล่อนมา'

เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความยินดีและแอบยิ้มดีใจกับตนเอง

สามีของเธอดีขนาดนี้ ทั้งหน้าตาหล่อเหลารูปร่างแข็งแรงกำยำขยันดูแลครอบครัว ตั้งแต่ในห้องโถงจนถึงห้องครัว ไม่แปลกใจเลยทั้งๆ ที่เขาแต่งงานแล้วก็ยังมีผู้หญิงคอยจับจ้อง

ผู้ชายแบบนี้เธอต้องกอดเอาไว้ให้แน่นเชียว

ทั้งสองคนกอดกันเป็นเวลาเนิ่นนาน เฉิงเทียนหยวนไม่อยากจะปล่อยเธอไปเท่าไรนัก

"เรื่องของอาฟางจะล่าช้าไปกว่านี้ไม่ได้ ฉันจะไปซื้อยาสูบและสุราแล้วเดินทางไปที่บ้านประธานหมู่บ้านสักหน่อย เดี๋ยวฉันรีบไปแล้วจะรีบกลับ"

เซวียหลิงจัดแจงคอเสื้อของเขาให้เรียบร้อย ยิ้มแล้วพูดว่า "ค่ะ นายไปเถอะ"

เฉิงเทียนหยวนจ้องมองมาที่เธอก่อนจะหันหลังกลับออกไปด้วยท่าทางดีอกดีใจมีรอยยิ้มบนใบหน้า

ภายในห้องเงียบสงัด

ต่อจากนั้นก็ดีน้ำเสียงหนึ่งอันต่ำทุ้มดังขึ้นว่า "อาฟาง......อาฟาง......"

แม้ว่าน้ำเสียงจะบางเบาแต่ก็เป็นน้ำเสียงของผู้ชาย

เซวียหลิงตกใจเสียจนสะดุ้งลุกขึ้นยืน

ที่ข้างนอกตรงหน้าต่างมีม่านบังเอาไว้ ในตอนกลางวันจะทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ข้างนอกได้อย่างชัดเจน

แต่ในตอนนี้มีเพียงเสียงแสงของดวงจันทร์ อีกอย่างถูกเงาของบ้านเธอบังไว้กว่าครึ่ง ร่างของผู้ชายคนนั้นอยู่ในบริเวณมืดทำให้เธอเห็นร่างเขาเพียงคร่าวๆ ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ร่างสูงใหญ่

ภายในห้องไฟไม่สว่างเท่าไรนักเซวียหลิงหันหลังให้กับไฟดังนั้นอีกฝ่ายจึงมองเห็นไม่ชัดเจน

ชายคนนั้นดูประหลาดใจเล็กน้อย เขากระซิบพูดขึ้นเล่นเสียงอันแผ่วเบาว่า "ในที่สุดก็หาเจอสักที อาฟาง ก่อนหน้านี้ เธอถูกพี่ชายมาเรียกตัวไป ผมเห็นว่าน่าสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็รู้สึกกลัวว่าจะถูกดุ ตอนนี้ผมกินข้าวไม่ลงด้วยซ้ำก็รีบเดินทางมาหาคุณเดี๋ยวนี้เลย"

เซวียหลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

คนคนนี้......คือหลินชง!

เมื่อชาติก่อนเขาถูกเธอทุบศีรษะเข้าให้ จากนั้นเธอก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ต่อมาได้ยินว่าชีวิตของเขาช่างน่ารันทด เธอรู้สึกเพียงว่าผู้ชายคนนี้สมควรได้รับผลกรรมเช่นนั้นแล้วจึงไม่อยากจะใส่ใจอะไรทั้งสิ้น

เธอจำได้ว่าในตอนนั้นที่เธออาศัยอยู่ในห้องนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางมาที่นี่ในตอนกลางวัน ในมือถือเงินห้าร้อยหยวนซึ่งพ่อกับแม่ส่งมาให้เธอ และทำท่าทางดูถูกเหยียดหยามบ้านที่ทำด้วยอิฐทรุดโทรมของตระกูลเฉิงแห่งนี้......

คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านมาหลายปี เมื่อกลับมาที่หมู่บ้านตระกูลเฉิงอีกครั้ง เรื่องราวครั้งแรกที่เธอกับเขาได้พบกันจะยังคงเหลวไหลดังเดิม

เห็นได้ชัดว่าเขาเดินทางมาหาอาฟาง แต่เนื่องด้วยไฟที่หรี่ลงจึงทำให้เห็นว่าเธอเป็นน้องของสามี

หลินชงมองซ้ายมองขวาพบว่ารอบข้างไม่มีใคร เขาจึงใจกล้ามากขึ้นแล้วกระโดดเข้ามาข้างหน้าต่าง

"อาฟาง ที่รักของผม ที่รักที่น่ารักที่สุดของผม ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ อีกไม่นานผมก็ต้องกลับไปที่อำเภอแล้ว ในอนาคตจะพบเธอก็คงยาก พวกเราควรจะรักษาช่วงเวลาดีๆ แบบนี้เอาไว้ ไม่อย่างนั้นในอนาคตคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ในค่ำคืนนี้พระจันทร์ช่างสวยเหลือเกิน ค่ำคืนอันงดงามแบบนี้จะปล่อยมันผ่านไปได้อย่างไร ที่รักของผม เธอรีบออกมาเป็นเพื่อนผมเถอะ"

ให้ตายสิ คนคนนี้ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!

เซวียหลิงทั้งโกรธทั้งทำตัวไม่ถูก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง