เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง นิยาย บท 68

เซวียหลิงมองดูผ้าห่มลายดอกเหมยเก่าๆ เธอนึกได้ว่าเมื่อเขากลับมาก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว

ไหนจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก กว่าจะหาผ้าห่มหนาๆ มาห่มได้ บางทีอาจเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ดังนั้นจึงรีบไปจัดเตรียมมาให้

ห้องของเขาเล็กกว่าห้องของเธอ มีตู้เก่าๆ ขนาดใหญ่และเก้าอี้ตัวเตี้ย ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เลย

เซวียหลิงเดินตรงไปที่ตู้เล็กๆ แล้วเปิดออกดู พบว่าเป็นกระเป๋ากระสอบใบใหญ่ที่เขานำกลับมาจากสหกรณ์

“มันน่าจะอยู่ข้างในแน่!” เธอพึมพำขณะดึงกระเป๋านั้นออกมา

ภายใต้แสงสลัว เธอเห็นหนังสือหลายเล่มก่อนอย่างอื่น เธอคิดว่าหนังสือเหล่านั้นหนักไปหน่อย มันอาจขัดขวางการหยิบผ้าห่ม เธอจึงนำหนังสือออกทีละเล่ม

คิดไม่ถึงว่ายังมีเสื้อผ้าเหลืออยู่เล็กน้อยในกระเป๋า มีชุดสองสามชุดสำหรับฤดูร้อน ชุดที่เขาใส่บ่อยสองสามชุดและเสื้อคลุมลายทหารสองชุด นอกจากนั้นก็ไม่เหลืออะไรเลย

เซวียหลิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ ห้อง แต่พบว่าไม่มีที่อื่นที่จะวางของได้เลย

ห้องมีขนาดเล็กเพียง 5-6 ตารางเมตรเท่านั้น เพียงชำเลืองมองก็มองได้โดยรอบ ไม่มีที่อื่นให้ค้นหา

เขาคลุมแค่ผ้าห่มบางๆ ซึ่งพับไว้อย่างเรียบร้อยตลอดทั้งปีงั้นหรือ? !

เซวียหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ใจ

ผู้ชายคนนี้เป็นคนเงียบ ปากแข็ง ชีวิตที่ผ่านมาของเขาช่างยากลำบาก แต่เขาไม่เคยพูดอะไรกับเธอเลย

หากไม่ใช่เพราะเธอลากเขามาเช่าห้องอยู่ด้วยกันและกินอาหารสามมื้อที่บ้าน เขาก็ยังคงต้องเป็นเหมือนเดิม คงจะหิวโหยทั้งสามมื้อและท้องร้องอยู่ตลอดเวลา

ผ้านวมของเธอเป็นสินสอดทองหมั้นตอนที่แต่งงานซึ่งเป็นผ้าห่มผ้าฝ้ายแท้ที่แม่ของเธอไปหาซื้อให้ที่ห้างสรรพสินค้า ถึงแม้จะไม่หนาแต่ก็ห่มสบายและให้ความอบอุ่นมาก

ตอนเช้าของสองวันนี้อากาศหนาวมาก แต่เธอห่มผ้าห่มนี้จึงไม่รู้สึกหนาวเลย

พรุ่งนี้ต้องหาโอกาสซื้อผ้านวมแบบนั้นให้เขาแล้ว

เธอดึงกระเป๋ากระสอบขึ้น พับเสื้อผ้าตามเดิมอย่างระมัดระวังแล้วหยิบหนังสือสองสามเล่มนั้นขึ้นมา

“ตุ้บ!” หนังสือสองสามเล่มตกลงไป

อากาศหนาวเย็น ทำให้มือและเท้าแข็งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอจึงเผลอทำของหล่นแต่โชคดีที่มันคือหนังสือ ไม่ต้องกลัวแตก

เธอดันหนังสือเล่มอื่นกลับเข้าไป ก่อนจะนั่งลงหยิบมันขึ้นมา แต่การเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็ต้องหยุดลง!

เธอเห็นรูปใบเล็กๆ ที่เก็บไว้ในพจนานุกรมเก่าๆ มันเผยตรงส่วนมุมออกมา

เซวียหลิงอยากรู้อยากเห็น เธอจึงดึงมันออกมา เผยภาพขนาดสามนิ้วตรงหน้า

เห็นได้ชัดว่าภาพถ่ายถูกเก็บไว้เป็นเวลาหลายปี ตรงมุมเป็นจุดสีเหลืองอมน้ำตาลแต่ไม่มีรอยย่นหรือความเสียหายใด เห็นได้ชัดว่าเจ้าของภาพหวงแหนมันมาก

เซวียหลิงมองไปที่คนสองคนในภาพแล้วต้องตกตะลึง

......

เวลาสองทุ่มครึ่ง ลมเหนือพัดมาไม่หยุดหย่อน ลมที่ท่าเรือริมแม่น้ำก็ส่งเสียงหวีดหวิว พัดต้นไม้เล็กๆ เอนไหวโค้งงอ บรรดาต้นไม้ใหญ่ก็เต้นระรัว

เฉินหมินตัวสั่น เขาเอามือกอดอก ร่างกายของเขาสั่นคลอนอยู่ตลอดเวลา

“อาหยวน…...จะรอต่อไหม?”

พวกเขาขนสินค้าล็อทเดียวในคืนนี้ แต่ละคนได้รับเงินเพียงแค่คนละ 1 หยวน เนื่องจากอากาศหนาวเกินกว่าที่ทุกคนจะรอตรงท่าเรือไหว พวกเขาจึงรวมตัวอยู่ที่มุมห้อง สูบบุหรี่สนทนากัน

เฉิงเทียนหยวนหรี่ตามองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด

“มองดูเมฆปกคลุมหนาทึบ คาดว่าอีกไม่นานฝนจะตก ลมแรงมากจนเรือคงไม่สามารถขึ้นฝั่งได้จนถึงรุ่งสาง กลับกันเถอะ”

เฉินหมินอดไม่ได้ที่จะเงยศีรษะยืนขึ้น เมื่อลมเหนือพัดมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านอีกครั้ง

เมื่อเห็นพวกเขาลุกขึ้น คนอื่นๆ ก็ถามว่า “ไม่รอแล้วเหรอ?”

เฉิงเทียนหยวนส่ายหน้าหัวเราะ “ผมไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้ามามากมาย ผมหนาว ขอตัวกลับไปก่อนดีกว่า”

ชายอ้วนฟันดำเหลืองขี้บุหรี่แล้วยิ้มอย่างคลุมเครือ "สภาพอากาศแบบนี้ กลับบ้านไปนอนกอดเมียดีกว่า!"

ทุกคนหัวเราะขึ้น

เฉิงเทียนหยวนก็หัวเราะเช่นกัน

เขาเห็นเซวียหลิงนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูเหมือนกำลังจดจ่อกับบางสิ่ง โดยไม่หันกลับมามองเขา

เฉิงเทียนหยวนบิดขี้เกียจและนั่งบนขอบเตียงของเธอ

“คืนนี้อากาศหนาว อย่าทำงานดึกนัก รีบพักผ่อน”

ไม่คาดคิดว่าเซวียหลิงไม่ได้หันหลับมา เธอเงียบผิดปกติ

เฉิงเทียนหยวนเลิกคิ้วหนาของเขาตะโกนด้วยความสับสน “ที่รัก?”

เซวียหลิงหันกลับมาช้าๆ ดวงตาของเธอแดงเรื่อเล็กน้อยและจ้องมาที่เขาด้วยรอยยิ้มจางๆ

เฉิงเทียนหยวนรู้สึกหัวใจเต้นแรง เขารีบวิ่งเข้าไป

“เป็นอะไรไป! เธอร้องไห้เหรอ! เป็นอะไรไป?”

เขาเห็นดวงตาภรรยาตัวน้อยของเขาเป็นสีแดง จมูกสวยโด่งของเธอก็แดงเรื่อเช่นกัน เธอเม้มริมฝีปากจ้องมองมาที่เขา ราวกับว่าเขาทำอะไรผิดไป

“เกิดอะไรขึ้น...…?” ทันใดนั้นเขาก็จำบางสิ่งได้และถามอย่างไม่แน่ใจนักว่า “โอวหยางเหมยพูดอะไรกับเธองั้นหรือ? อย่าไปเชื่อหล่อน!”

“เปล่า!” เซวียหลิงยิ้มขึ้นอย่างเขินอาย เธอหยิบภาพถ่ายใบเล็กจากด้านหลังแล้วส่งให้

ดวงตาของเฉิงเทียนหยวนเบิกกว้าง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

เซวียหลิงมองดูท่าทางเขินอายของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก

"นี่เป็นรูปถ่ายเดียวของเราที่ถ่ายคู่กันหรือเปล่า?" เธอโบกรูปใบเล็กในมือของเธอ

ในภาพนั้น เด็กชายคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กไว้บนหลังของเขา

เด็กชายอายุ 7-8 ขวบมีผ้าพันคอสีแดงที่ผูกอยู่ตรงหน้าอก ผมเผ้าเลอะเทอะเล็กน้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูเรียบง่าย ยืนเท้าเปล่า แต่เขายิ้มอย่างมีความสุข ฟันขาวสะอาดเรียบร้อย ทว่าสายตาของเขาเอียงไปข้างหลัง มองไปยังแม่สาวน้อยที่หลังของเขา

เด็กหญิงตัวเล็กๆ ถักผมเปียสองข้าง ใบหน้าน้อยๆ ของเธอกลมอ้วน เธอเบ้ปากเล็กๆ อยู่ข้างหลังของเขา ราวกับกำลังหลีกเลี่ยงกล้อง

และนี่ก็คือเขากับเธอในวัยเด็ก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง