ฤดูใบไม้ผลินี้มีกำหนดการเดินทางท่องเที่ยวแบบสบายๆ ของแยนนี่ในช่วงเดือนมีนาคม
รายการ 'การผจญภัยที่น่าสนใจ' นั้นยังไม่สิ้นสุด อีกทั้งรายการเรียลลิตี้แบบนี้ยังผลิตโดยพิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดังอย่างราโมนา ดิคเคอร์สัน มีการคาดเดาว่ารายการนี้จะถูกสถานีโทรทัศน์กลบหลุมฝังเนื่องจากปัญหาทางการเงินและการที่เป็นรายการทีวีเรียลลิตี้จึงใช้เวลาในการอนุมัติและได้รับไฟเขียวในฤดูใบไม้ผลินี้เท่านั้น
สปริงบอกแยนนี่ว่ารายการทีวีเรียลลิตี้ที่ค่อยเป็นค่อยไปเช่นนี้เหมาะสำหรับแยนนี่และเส้นทางในอาชีพของเธอ ไม่ต้องพูดถึงแยนนี่ที่ดูเหนื่อยล้ากว่าปกติจากสปอนเซอร์และงานทั้งหมดที่เธอได้รับ การมีส่วนร่วมในการถ่ายทำรายการท่องเที่ยวเช่นนี้อาจเป็นวิธีที่ทำให้เธอมีความสุขกับชีวิตและได้เติบโตขึ้น งานนี้น่าจะเหมาะกับเธอเพราะเธอจะได้เดินทางและทำงานไปในเวลาเดียวกัน
แยนนี่ค่อนข้างมีข้อกังขาเกี่ยวกับการถ่ายทำตั้งแต่เริ่มต้น เพราะเธอคิดว่ารายการนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่ารายการเรียลลิตี้ที่มีสคริปต์ให้ทำตาม แต่เธอคิดผิดเพราะระหว่างถ่ายทำมีการพูดคุยกันไปด้วยและในไม่ช้าเธอก็ได้รู้ว่ารายการท่องเที่ยวนี้ไม่ได้เน้นเรื่องอื่นใดนอกจากการผ่อนคลายและสนุกสนานไปกับชีวิต
ข้อกังขาภายในใจหญิงสาวค่อย ๆ จางหายไปเมื่อเธอเริ่มสนุกกับการเดินทาง
สถานที่ที่พวกเราจะบินไปที่แรกคือทางตอนใต้ของแอฟริกา หมู่เกาะมาดากัสการ์
นอกจากแยนนี่ที่เป็นแขกรับเชิญแล้ว ยังมีกิเดียน จูรา, เดฟ และเรย์น ฮิลส์ ที่ได้รับเชิญมาด้วยเช่นกัน
กิเดียนเป็นนักร้องร็อคสตาร์ที่โด่งดังมาโดยตลอดตั้งแต่เขาเริ่มอาชีพจนถึงวัย 40 กลางๆ เขาหกล้มคลุกคลานจนผงาดตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจนเมื่อปล่อยเพลงฮิต กิเดียนแต่งตัวสบายๆ และเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ดูราวกับว่าเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่นี่เลยแต่เขาก็โดดเด่น
อีกด้านหนึ่ง เดฟได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมในภาพยนตร์สารคดีนับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยได้รับรางวัลใดเลย เป็นเรื่องดีแต่ก็น่าหดหู่มากในเวลาเดียวกัน
เรย์นเริ่มต้นจากการเป็นนักร้องและถือว่าเป็นศิลปินหน้าเก่าในวงการบันเทิง แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยมีโปรเจ็กต์ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน เขามีชื่อเสียงประมาณหนึ่งแต่ก็ยังไม่มีอะไรโดดเด่นเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างน่าอับอายในเวลานี้
ในทางกลับกันแยนนี่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเป็นนักแสดงหน้าใหม่ นอกจากภาพยนตร์ที่เธอแสดงไปเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับการตอบรับอย่างดีและในฐานะแลร์รีเกิร์ลแล้วเธอก็ยังเป็นคนธรรมดา
ราโมนาพูดติดตลกว่าดารารับเชิญในซีซันแรกนั้นดูไม่เข้าท่าและดูเข้ากันไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นบุคลิกของพวกเขากลับเข้ากันได้ดีกับรายการเรียลลิตี้ที่มีการดำเนินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้
อากาศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกานั้นร้อนชื้น ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนนั้นสูงมาก และแสงแดดยามบ่ายก็ร้อนจนทนแทบไม่ได้
ริชาร์ดเป็นผู้นำกลุ่มขณะที่พวกเขาเดินทางออกจากประเทศ ในวันที่มาถึงแอฟริกาพวกเขาก็พบกับปัญหา
เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดมาจากประเทศอื่นจึงถูกกักตัวโดยศุลกากรเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง เหตุผลก็คือพวกเขาถูกสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายหรือสายลับเนื่องจากกล้องและอุปกรณ์ถ่ายทำที่พวกเขานำมาด้วย
ราโมนารีบติดต่อสถานทูตเพื่อขอความช่วยเหลือ
พวกเขารู้สึกหมดหนทางและหวั่นใจเมื่อถูกควบคุมตัวที่สนามบิน
แม้ว่าราโมนาจะเป็นผู้นำของการเดินทางครั้งนี้ แต่เขาก็ต้องพยายามปลอบใจทุกคนให้ดีที่สุดแม้ว่าตัวเองจะกลัวเหมือนกันก็ตาม
กล้องและอุปกรณ์ถ่ายทำทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่สนามบินยึดไว้ชั่วคราว แต่โทรศัพท์มือถือของพวกเขายังพกได้
ราโมนาถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่นเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศอันตึงเครียดนี้ว่า "ถ้าเราถูกกักขังไว้ที่นี่จริง ๆ และไปไหนไม่ได้พวกคุณจะโทรหาใครถ้าได้รับอนุญาติให้โทรได้เพียงครั้งเดียว คุณจะโทรหาใครกัน? ใครคือคนที่พวกคุณจะขอความช่วยเหลือ?”
กิเดียนควักโทรศัพท์ออกมาพูดติดตลกด้วยร้ำเสียงที่ฟังดูใจเย็นว่า "ฉันจะโทรหาครอบครัวและให้พวกเขาคิดหาทางช่วยฉัน"
เดฟพูดว่า "ฉันก็คงโทรหาครอบครัวเหมือนกันคิดว่านะ ฉันยังไม่อยากตาย"
จากนั้นเรย์นก็พูดว่า "ฉันอยากจะโทรไปหาคนที่ฉันสูญเสียไปเพราะความดื้อรั้นของตัวเองแล้วขอโทษเขา เพราะฉันไม่เคยมีโอกาสขอโทษคนๆ นั้นเลย ถ้าฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายจริงๆ ล่ะก็ ฉันขอชดใช้ความรู้สึกผิดนี้ก่อนตายจะได้ไม่เสียใจ"
กิเดียนยิ้มพลางมองไปที่เรย์นก่อนจะพูดว่า "สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าคนๆ นัั้นมีความสำคัญต่อคุณมาก คุณจะยอมสละการโทรหนึ่งครั้งนั้นเพื่อขอโทษใครซักคนจริงๆ เหรอ"
เรย์นหัวเราะในขณะที่เขาพูดว่า "ฉันยังมีพวกคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ? ก็เพราะว่าพวกคุณโทรขอความช่วยเหลือกันไปหมดแล้ว มันคงไม่เป็นไรหรอกถ้าฉันไม่โทรไปขอความช่วยเหลืออีกสักคน ใช่ไหมล่ะ?"
ขณะที่พวกเขากขังอยู่ในห้องเล็กๆ เสียงหัวเราะที่ร่าเริงและการพูดคุยที่เริ่มสบายๆ ก็ช่วยคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง
ราโมนาถามต่อว่า "แล้วคุณล่ะ แยนนี่ คุณจะโทรหาใคร อย่าบอกนะว่ากำลังจะขอความช่วยเหลือเพราะทั้งกิเดียนและเดฟน่ะทำแบบนั้นไปแล้ว"
แยนนี่รู้สึกว่ากำลังถูกแกล้ง เธอจึงพูดเล่นๆ ว่า "ทำไมฉันถึงได้คำถามแบบนี้กันล่ะคะเนี่ย?"
ราโมนาขยิบตาและพูดว่า "เพราะคุณยังเด็ก เราเลยแกล้งคุณ"
กิเดียนพูด "ฉันคิดว่าคุณเด็กที่สุดในหมู่พวกเรา ตอนนี้พวกเราเป็นลุงกับป้ากันไปหมดแล้ว"
แยนนี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งขณะที่เธอเลื่อนดูโทรศัพท์ของเธอ และต้องชะงักอยู่ชั่วขณะหนึ่งเมื่อเลื่อนไปถึงชื่อของเชนน์
แยนนี่รู้สึกขอบคุณจากใจจริง
ขณะที่แยนนี่วางโทรศัพท์ลงและกำลังจะเข้านอน จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงและเสียงปืนดังขึ้นจากโรงแรม!
"อ๊า!"
ทั้งโรงแรมตกอยู่ในความคุ้มคลั่งทันทีราวกับว่าเพิ่งเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ขณะที่แยนนี่กำลังจะสวมรองเท้าและตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประตูของเธอก็ถูกเปิดออกโดยชายชาวแอฟริกันร่างสูงใหญ่พร้อมปืนไรเฟิลจู่โจม
ชายคนนั้นขู่เธอด้วยเสียงดังกร้าว "อย่าขยับ! ยื่นมือขึ้น! ถอยไป!"
แยนนี่ตกใจเธอรีบยกแขนขึ้นอย่างร้อนลน ในขณะที่ชายชาวแอฟริกันเล็งปืนไปที่หลังของเธอแล้วบังคับให้เธอเดินลงไปชั้นล่าง
แขกที่กำลังหวาดกลัวจำนวนมากมารวมตัวกันที่ล็อบบี้ของโรงแรม
แยนนี่เจอราโมนาและคนอื่นๆ ขณะที่เธอแอบเดินเข้าไปหาพวกเขา
มีแขกบางคนที่กลัวจนสุดขีดจึงลุกขึ้นและแอบวิ่งออกไป แต่พวกเขาถูกชายแอฟริกันยิงจากทางด้านหลัง
แยนนี่เบิกตากว้างขณะที่เธอจ้องมองไปยังผู้หญิงที่นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้น แม้ว่าเธอจะดูมีท่าทีสงบ แต่หัวใจก็เริ่มเต้นระส่ำด้วยความหวาดกลัวเหมือนกัน
ราโมนากระซิบบอกเธอว่า "เราเจอการบุกโจมตีของผู้ก่อการร้ายจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าเราดวงซวยหรืออะไร แต่เราจะไม่ตายที่นี่จริงๆ ใช่ไหม"
จากนั้นตัวประกันทั้งหมดก็เริ่มแตกตื่นโกลาหล
ด้วยเหตุนั้นผู้ก่อการร้ายดูเริ่มหงุดหงิดก่อนที่เขาจะยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วตะโกนใส่ทุกคนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า "หุบปาก!"
ตลอดยี่สิบเอ็ดปีในชีวิตของแยนนี่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเฉียดตายอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน