หลังจากมองดูต้นอาเคเชียบนรถบรรทุกข้างหลังพวกเขาแล้วคนงานก็ถามแยนนี่ว่า "จะให้พวกเราขนต้นไม้ต้นนี้ไปไว้ที่ไหนหรือ? คุณบอกทางได้ไหม?"
แยนนี่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายต้นไม้นี้ไปที่ใด เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอโกรธจัดและไม่มีที่ว่างให้ปลูกต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้ในคฤหาสน์บลู วอเทอร์ เรสซิเดนเชียลของเธอเช่นกัน ที่เดียวที่เธอสามารถปลูกต้นไม้ได้คือบ้านของคุณป้าที่เมืองลุชเวย์
"นำมันไปที่เมืองลุชเวย์ ... "
ไม่ทันที่แยนนี่จะได้พูดจบเชนน์ก็แทรกขึ้นตอบกับคนงานว่า "นำมันไปที่คฤหาสน์ลูน่า 88 บนถนนวงแหวนกลาง แยก 888"
แยนนี่ตกตะลึงเล็กน้อยพลางจ้องมองไปที่เชนน์เธอรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์มากขึ้นเล็กน้อย
หลังจากที่รถบรรทุกขนย้ายต้นอาเคเชียออกไปแล้วเชนน์ก็เดินจูงมือแยนนี่ไปที่รถของเขา
ในที่สุดแยนนี่ก็ถามเขาเมื่อทั้งคู่ขึ้นมาบนรถ "จะดีหรือถ้านำมันไปปลูกที่คฤหาสน์ของคุณ?"
“ทำไมจะไม่ดี? ลานบ้านของฉันไม่มีต้นไม้เธอรู้ไหม”
แล้วเขาก็จะได้ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะหนีหายไปจากเขาด้วย เมื่อต้นอาเคเชียที่มีความหมายกับเธอมากถูกปลูกไว้ในคฤหาสน์ของเขา
จากนี้เธอคงไไปไหนจากเขาไม่ได้
เมื่อเชนน์สตาร์ทรถเขายังเห็นแยนนี่ดูเศร้าอยู่เล็กน้อยเขาจึงยกแขนขึ้นบีบแก้มนิ่มๆ นั่นก่อนจะแกล้งเธอว่า "ถ้าเธอกล้าทำให้ฉันผิดหวังฉันจะตัดต้นไม้ทิ้งเพื่อเอาคืนเธอ ตอนนี้ฉันมีตัวประกันแล้วเธอต้องทำตัวกับฉันดีๆ "
แยนนี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "คุณอยากปลูกต้นอาเคเชียไว้ที่บ้านตัวเองเพื่อเอาไว้เป็นตัวประกันขู่ฉันใช่ไหม?"
แยนนี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สักครู่ก่อนจะตระหนักว่าการปลูกต้นไม้ไว้ในที่ของเชนน์อาจจะเป็นความคิดที่ดีเพราะนี่อาจถือเป็นสินสอดสำหรับงานแต่งงานของพวกเขา
แยนนี่เอื้อมไปจับมือข้างหนึ่งของเชนน์พลางพูดว่า "คุณรู้ความหมายที่ลึกซึ้งของต้นอาเคเชียไหม?"
"หืม?"
“ต้นอาเคเชียไม่เพียงแต่แสดงถึงความรักของแม่เท่านั้นแต่ยังแสดงถึงสายสัมพันธ์ที่สงบสุขระหว่างคู่แต่งงานอีกด้วย นอกจากนี้ยังหมายถึงการเกิดใหม่หลังความตายแม้ว่ามันจะแสดงถึงสายใยที่ราบรื่นในความสัมพันธ์แต่ก็หมายถึงความสัมพันธ์ที่กลับมาผสานกันและงอกงามหลังความแตกร้าวด้วย"
รอยยิ้มแห่งความพอใจค่อยๆ ประดับบนใบหน้าเชนน์ "นั่นฟังดูเหมาะกับเราเลยนี่ใช่ไหม?"
แยนนี่ยิ้มดวงตาเธอเป็นประกาย "แต่ฉันไม่อยากต้องมาคืนดีกับคุณหลังจากความสัมพันธ์นั้นร้าวฉานเลย"
เนื่องจากทุกความสัมพันธ์ที่เปราะบางมักจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องแยกทางกันแต่มนุษย์นั้นมีอายุขัยที่สั้น ดังนั้นกว่าจะกลับมาผสานรอยร้อยให้กลับมาต่อติดได้จะใช้เวลากี่ปีกัน?
หลังจากที่เชนน์ตกตะกอนถึงความหมายของสิ่งที่แยนนี่พูด เขาก็บีบมือเล็กๆ ไว้แน่นก่อนจะยื่นมาใกล้ริมฝีปากแล้วกดจูบลงไปอย่างหนักแน่น "ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อเธอเสมอ"
…
ต้นอาเคเชียถูกปลูกไว้บริเวณลานกว้างของคฤหาสน์ลูน่า
หลังจากนำต้นไม้สูงใหญ่ลงปลูกเสร็จสรรพแล้วเชนน์ก็จ้างนักจัดสวนมืออาชีพมาดูแลต้นไม้ต้นนี้ เนื่องจากต้นอาเคเชียเป็นต้นไม้พันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดีเยี่ยม ใช้เวลาไม่นานนักก็ผลิดอกออกผลอย่างมีชีวิตชีวาในผืนดินแผ่นใหม่
หิมะเริ่มตกในนอร์ทซิตี้เมื่อวันส่งท้ายปีเก่าเริ่มใกล้เข้ามา
เตาผิงถูกจุดในคฤหาสน์ลูน่าและแยนนี่กำลังถูกเชนน์กอดขณะที่เธอมองไปยังต้นอาเคเชียที่ปกคลุมไปด้วยหิมะบริเวณลานกว้างผ่านหน้าต่างบานใหญ่ แยนนี่หันมามองเชนน์รอยยิ้มบางๆ จุดขึ้นบนใบหน้าเธอถามเขาว่า "ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?"
“ตอนนี้คุณไม่ใช่คู่หมั้นของฉันแล้วหรือไง?”
ดูเหมือนว่าคฤหาสน์บลู วอเทอร์ เรสซิเดนเชียลจะว่างไปนานแล้ว ตั้งแต่เชนน์ปลูกต้นอาเคเชียไว้ที่นี่เขาก็พาแยนนี่มาอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าในอนาคตไม่ว่าภรรยาของเชนน์จะเป็นแบบไหนหรือเขาจะแต่งงานอย่างไรทุกอย่างได้ขึ้นอยู่กับเขาหมดแล้ว
ชาร์ลส์ไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงเพราะเขาคงมีความสุขมากอยู่แล้วที่เห็นเชนน์ได้แต่งงาน แล้วทำไมเขาถึงต้องสนใจว่าลูกสะใภ้ในอนาคตจะเป็นใคร
อย่างไรก็ตามชาร์ลส์เป็นญาติคนสำคัญที่สุดของเชนน์และแยนนี่ยินดีที่จะทำให้นายท่านจินน์พอใจ
เชนน์เอนตัวซบแยนนี่ก่อนจะก้มศีรษะเอาปลายจมูกดุนดันติ่งหูอีกคนเล่นเขาบอกเธอว่า "พาคุณป่าของเธอไปเที่ยวปีใหม่กับเราสิฉันจะชวนคุณปู่และซาแมนธาไปด้วย"
แยนนี่เอนหลังบนเตียงขนาดใหญ่โดยที่ยังนอนหนุนแขนของเชนน์อยู่ เธอหันกลับมามองเขาแล้วถามว่า "เชนน์ ถ้าฉันต้องบินไปถ่ายหนังต่างประเทศแล้วเราอาจไม่ได้เจอกันสักพักประมาณสองสามเดือน ฉันอาจจะไม่สามารถติดต่อคุณได้คุณจะรู้สึกแย่และเหงาไหม?”
“โถ่ ไม่เอาน่า ฉันจะรู้สึกเหงาเพราะผู้หญิงจริงๆ หรือ?”
ครู่หนึ่งที่แยนนี่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาอบอุ่นทว่าดุดันเชนน์จึงเอื้อมมือไปกอดเธอก่อนจะถอนหายใจและตอบว่า "เธอจะเลิกทำงานนี้ไหมถ้าฉันรู้สึกแย่และเหงาจริงๆ?"
แยนนี่พูดไม่ออกเธอได้แต่คิดในใจว่า 'ไม่ ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้'
ใบหน้าของเชนน์แปะคำว่า 'ฉันรู้' ไว้อย่างชัดเจนขณะที่เขาจ้องมองเธอก่อนจะพูดต่อว่า "สุดท้ายฉันก็ต้องบินไปหาเธออยู่ดี"
เชนน์ตระกองกอดร่างเล็กๆ ไว้เขาประคองศีรษะด้านหลังของเธอด้วยมือข้างเดียวพลางจดจ้องใบหน้าไร้กังวลของแยนนี่ก่อนจะพร่ำบอกต่ออีกว่า "เบื้องหลังของผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จทุกคนคือชายผู้โดดเดี่ยวที่สามารถสนับสนุนเธอได้โดยไร้เงื่อนไขอย่างฉันไงล่ะ"
แยนนี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขณะที่เธอขยับเข้าไปกอดคอแล้วกระซิบข้างหูเขาว่า "คุณรู้หรือไม่ว่าต้นอาเคเชียมีสรรพคุณทางยา"
"โว้ งั้นฉันสับต้นไม้นี่แล้วเอามาดื่มเป็นยาได้เลยงั้นเหรอ?"
“เปลือกของต้นมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายเย็นลงและเพิ่มพลังงาน มันช่วยทำให้จิตใจสงบลงและสามารถทำให้อารมณ์ของคุณนั้นแจ่มใสขึ้นจนลืมความกังวลไปชั่วขณะ นอกจากนี้หากคุณดื่มมันยังสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกที่ขาดหายไปและความรู้สึกโหยหาใครสักคน"
"อะไรนะ?"
“คุณหญิงแยนนี่ จอยคนนี้เต็มใจจะมอบน้ำสมุนไพรนี้เพื่อบรรเทาอาการปวดใจของผมงั้นหรือ?”
แยนนี่หมดคำพูด
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงเชนน์ก็เอามือข้างหนึ่งยกขึ้นท้าวศีรษะพลางจดจ่ออยู่กับผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาและทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออก
แยนนี่หมดแรงอย่างไม่น่าเชื่อขณะที่เธอดึงผ้าห่มขึ้นและพูดว่า "ไปนอนกันเถอะ"
แต่ถึงอย่างนั้นเชนน์ก็ดึงผ้าห่มลงสวมกอดเธอแล้วบอกว่า "โอ้ คุณภรรยาสุดที่รัก ขอฉันบอกอะไรเธอสักอย่าง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน