ในค่ำคืนช่วงฤดูหนาวเชนน์พาแยนนี่ไปดูหนังรอบดึกเป็นหนังรักที่ค่อนข้างน่าเบื่อ เชนน์ไม่ใช่แฟนหนังประเภทนี้แต่ก็ยังรู้สึกพิเศษที่ได้ดูกับแยนนี่
หลังจากดูหนังรอบดึกพิซซ่าฮัทก็ยังเปิดให้บริการตามปกติ
ทั้งคู่หิวเล็กน้อยจึงเลือกมันเป็นมื้อเย็น
แยนนี่สั่งเป็นกุ้งชุบแป้งทอดกรอบและพิซซ่าถาดใหญ่
กุ้งทอดที่แยนนี่สั่งเชนน์คิดว่ามันก็เป็นแค่กุ้งชุบแป้งทอดกรอบธรรมดาๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะมันเป็นของโปรดแยนนี่
“เธอชอบกินมันมากเลยใช่ไหมกุ้งทอดเนี่ย? อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?”
เชนน์เข้าไม่ถึงความอร่อยของกุ้งทอดแม้แยนนี่จะอธิบายแล้วก็ตาม “เมื่อก่อนในฐานะนักแสดงฉันแทบจะไม่กินของทอดเลยเพราะต้องรักษาหุ่น นี่คือสิ่งที่คนเราเป็นการระงับความอยากไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องการมันมีแต่จะโหยหามากขึ้นด้วยซ้ำ ฉันอดทนไม่แตะต้องมันมานานมากและตอนนี้ฉันไม่ใช่นักแสดงอีกต่อไปแล้ว พอไม่ต้องกังวลเรื่องรูปร่างมันก็อดใจไม่ได้เมื่อเห็นพิซซ่าหรือเคเอฟซี นอกจากนี้…"
แววตาแยนนี่หม่นลงเล็กน้อยแต่ก็แค่ชั่ววูบเธอนิ่งคิดอะไรบางอย่างไปเล็กน้อยก่อนเสียงใสจะหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ตอนเด็กๆ ฉันขาดความรักจากพ่อจะเคเอฟซีหรือพิซซ่าก็ไม่เคยกินเลยคงเพราะอย่างนั้นล่ะมั้งโตมาฉันเลยแก้แค้นด้วยการกินเยอะๆ”
นิ้วเรียวของเชนน์หยิบกุ้งทอดขึ้นมาก่อนจะยื่นจ่อปากของหญิงสาว “ในเมื่อเธอชอบมากฉันจะพามากินทุกอาทิตย์เลยเป็นไง เธอจะคิดว่าฉันเป็นพ่อก็ได้นะ”
“ใครอยากให้คุณเป็นพ่อกัน” แยนนี่ขำ
เชนน์แซวว่า “ก็แบบบนเตียงไง สวมบทบาทก็น่าสนใจดีนะ”
แยนนี่หยิบกุ้งทอดยัดใส่ปากเขาทันที “ขนาดกินอยู่คุณยังพูดพล่ามได้!”
เชนน์เคี้ยวกุ้งกร้วมๆ ก่อนจะยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
หลังจากออกจากห้างสรรพสินค้าพวกเขาก็ยังไม่รีบกลับบ้าน เมื่อท้องอิ่มจากอาหารมื้อเย็นแล้วเชนน์ก็พาแยนนี่ไปเดินเล่นตามถนนเพื่อย่อย
ค่ำคืนนี้อากาศหนาวเหน็บจนลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นควันสีขาวจางๆ
เชนน์กุมมือของแยนนี่ก่อนจะดึงเข้ามาไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต แยนนี่ไม่รู้สึกหนาวอีกการเดินไปตามถนนเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนและแสดงความรักที่มีต่อกันในที่สาธารณะก็รู้สึกดีไม่น้อย
เชนน์ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไรแม้แต่ในที่สาธารณะเขาจะจูบเธอเมื่อใดก็ตามที่รู้สึก ทุกๆ สองสามก้าวเขาจะดึงแยนนี่เข้ามามอบจุมพิตที่หน้าผากจนหญิงสาวยอมแพ้ให้กับการกลั่นแกล้งนั้น ที่สุดปลายทางถนนเปลี่ยวเธอสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตของเชนน์แล้วโอบกอดรอบเอวเขาไว้แน่นก่อนจะแหงนหน้าขึ้นจูบคางเบาๆ
สองข้างทางถนนสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ สีเหลืองนวลของแสงนีออนอาบชะโลมทั่วทั้งร่างของคนทั้งสอง
ในถนนที่ว่างเปล่าพวกเขาเริ่มจูบกันอย่างเร่าร้อนโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ทั้งสองออกเดินต่อแนบเคียงใกล้ชิดราวกับช่วงเวลานี้ยาวนานเป็นนิรันดร์ แยนนี่หนักแน่นอยู่ในใจว่าเธอต้องการเดินข้างชายคนนี้ไปตลอดชีวิต
…
ที่ไหนสักแห่งในคฤหาสน์ส่วนตัว…
คาราเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนบางห่อหุ้ม
ภาพของหญิงสาวตัวเปียกหมาดๆ ดึงดูดความสนใจของผู้กำกับยางจูเนียร์
เขาเดินเข้าไปโอบเอวบางก่อนจะโน้มตัวลงหมายจะกดจูบแต่คารายิ้มแล้วรีบยกมือป้องปากเอาไว้ได้ทัน “ผู้กำกับยางจูเนียร์คะ ยังไม่ต้องรีบร้อนหรอกค่ะฉันมีบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
ผู้กำกับยางจูเนียร์เป็นคนฉลาดเขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเกี่ยวกระหวัดตัวคาราเข้ามาใกล้ “ได้สิ แต่คุณจาคอปมีแผนจะตอบแทนอะไรให้ผมได้บ้าง?”
ในฐานะนักธุรกิจเขากำลังทำข้อตกลง
สายตาเย้ายวนของคาราจ้องมองเขาไม่วางตาเธอใช้นิ้วลูบไล้ไปตามคางสากก่อนจะจรดริมฝีปากไว้ข้างใบหู “เมื่อสำเร็จแล้วคุณจะทำอะไรฉันก็ได้ตามที่ต้องการ ฉันจะยอมคุณอย่างดี”
"ตกลง ว่ามาจะให้ฉันช่วยอะไร ?"
“ฉันอยากสืบข้อมูลเกี่ยวกับพี่คนละพ่อของฉัน”
ผู้กำกับยางจูเนียร์ประหลาดใจกับคำขอนั้นเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วถาม “คุณต้องการให้คนนอกอย่างผมสืบข้อมูลพี่สาวของตัวคุณเอง? ไม่ใช่ว่าคุณรู้จักเธอเหรอ?”
คาราตอบ “ฉันบอกตามตรงเลยแล้วกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเรามันไม่ค่อยดี”
ผู้กำกับยางจูเนียร์ลังเลไปชั่วขณะ “แต่ตอนนี้แยนนี่แต่งงานกับเชนน์ จินน์แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นเหมือนยมทูตและไม่ใช่คนที่จะเล่นด้วยได้ ถ้าผมทำอะไรผู้หญิงของเขาลับหลังเขาจะจัดการเราไม่เหลือ”
"ไม่ต้องห่วง ฉันแค่ต้องการให้คุณช่วยฉันตรวจสอบบางอย่างเท่านั้น เราจะไม่ทำอะไรเพราะฉันแค่มีเรื่องที่อยากรู้”
จากนั้นคาราก็เริ่มกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับผู้กำกับยางจูเนียร์
…
กว่าแยนนี่กับเชนน์จะกลับมาถึงบ้านเวลาก็ปาไปห้าทุ่มกว่าแล้ว
หลังจากได้อาบน้ำอุ่นๆ เชนน์ก็มุดตัวเข้าผ้าห่มสวมกอดแยนนี่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียงไว้แน่น
แยนนี่กำลังอ่านหนังสือที่เชนน์อ่านไว้ก่อนหน้านี้—หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว
หลังจากที่เชนน์เห็นเขาก็ดึงหนังสือในมือเธอออกทันทีแล้วขมวดคิ้ว “เธออยู่กับฉันแล้วจะมาโดดเดี่ยวอะไรกัน?”
เมื่อได้ยินคำพูดแสนดื้อรั้นของเขาแยนนี่ก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอกอดคอเขาแล้วถามว่า “คุณไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ในช่วงสองปีนั้นเหรอ?”
“ใช่ฉันอ่านมันในช่วงเวลานั้นเพื่อปลอบประโลมหัวใจดวงนี้”
ที่คฤหาสน์มีเครื่องทำความร้อนกระเบื้องจึงอบอุ่นและสบาย แยนนี่ไม่รู้สึกหนาวเย็นแม้เธอจะเท้าเปล่า
อย่างไรก็ตามเชนน์ยังคงเดินตามไปอุ้มเธอขึ้นพร้อมกับกกกอดอย่างรักใคร่ “ระวังเป็นหวัดด้วยถ้าใส่เสื้อผ้าบางๆ แบบนี้ ถ้าเธอป่วยตอนฉันไม่อยู่บ้านใครจะไปส่งเธอที่โรงพยาบาล”
แยนนี่จ้องมองกลับมาที่เขาอย่างจดจ่อ
หญิงสาวไม่เคยตระหนักเลยว่าเธอจะสามารถรักคนๆ หนึ่งได้มากขนาดนี้
จนถึงจุดที่รู้ว่าเขาจะจากไปแค่สัปดาห์เดียวเธอก็ยังอยากจะตามไปที่นั่นและกอดเขาไว้แน่น
แยนนี่คล้องคอเขาไว้ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณจะไม่พาฉันไปด้วยจริงๆ เหรอ?”
รอยยิ้มจุดขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม เขามีความสุข “เธอติดฉันเข้าแล้วหรือไง?”
“ก็แค่กลัวว่าคุณอาจจะกลับมาเมื่อออกไปได้ครึ่งทางเพราะคิดถึงฉัน แทนที่จะเป็นอย่างนั้นทำไมไม่พาฉันไปด้วยเลยล่ะ”
เชนน์ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังจนตัวโยกตัวโยน เขาวางแยนนี่ลงบนเตียงก่อนจะกดริมฝีปากจูบเธอแนบแน่น “ฉันอยากจะพาเธอไปด้วยแต่คงไม่ใช่ครั้งนี้ มีบางอย่างที่ฉันต้องไปทำ”
"อะไรหรือ?"
"เป็นความลับ"
เมื่อเห็นเขาดูมีลับลมคมในแยนนี่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เธอคิดแค่เขากลัวว่าจะเสียสมาธิในการทำงานหากเธอตามไปด้วยจริงๆ
แยนนี่เข้าใจความรู้สึกนั้นดี
ย้อนกลับไปตอนที่เธอถ่ายทำภาพยนตร์เธอก็ไม่ชอบให้เชนน์ไปหาที่กองถ่ายเช่นกัน เพราะแค่การที่เขานั่งอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอเสียสมาธิแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม
ก่อนจากไปเชนน์พูดกึ่งติดตลกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ฉันรู้ว่าเธอทิ้งฉันไปไม่ได้ สัญญาว่าจะพยายามอย่างเต็มที่กลับมาให้ได้ก่อนเวลาและใช้เวลาช่วงปีใหม่กับเธอ”
แยนนี่มายืนส่งเขาที่สวนหน้าคฤหาสน์เธอเอ่ยลาชายหนุ่ม “เดินทางปลอดภัยนะ”
เมื่อเชนน์เดินไปที่รถแยนนี่ก็เรียกเขา “เชนน์”
เขาหันกลับมามองเธอด้วยสายลึกซึ้งและอบอุ่น
แยนนี่เอ่ยส่งท้าย "ฉันจะรอคุณกลับบ้านมาจุดดอกไม้ไฟให้ฉันนะ"
เชนน์ยิ้มและตอบอย่างน่ารักว่า “รอเลย”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน