การกลับมาเจอกันของคนทั้งสอง ถ้าไม่ท่วมล้นด้วยความรู้สึกก็คงหมางเมินกัน
ในเมื่อได้เจอกับเชนน์ที่นี่ แยนนี่ก็ไม่ติดจะหนี
เชนน์ไม่พูดอะไรนอกจากเอาแต่จ้องมองเธอกับฮาจาร์ ก่อนเสนอตัว “ฉันจะไปส่งทั้งสองคนที่บ้าน”
แยนนี่กอดฮาจาร์ไว้พร้อมถือหนังสือคู่มือสองสามเล่มที่ซื้อมาเมื่อครู่ในมืออีกข้าง แล้วพูดเสียงนิ่ง “ไม่จำเป็น ฉันเอารถมา”
เธอไม่แม้แต่จะยอมให้เขาไปส่งเธอ
เชนน์เข้าใจดีว่าเธอเกลียดเขาและไม่อยากจะเห็นหน้าเขาขนาดไหน
แยนนี่จ้องมองเขาแล้วพูดขึ้น "แต่ไหน ๆ เราก็เจอกันแล้ว เรามานัดวันไปกองกิจการพลเรือนกันเถอะ เราสองคนต่างก็เป็นบุคคลสาธารณะ การฟ้องหย่าคงเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านน่าดู พวกเราคงเสียชื่อไม่น้อย ยังดีที่ในอดีตเรายังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกันจริง ๆ แค่ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเหยียบเรื่องการหย่าให้มิด คงจะเป็นการดีสุด"
เธอเยือกเย็นและเอาแต่ใช้เหตุผลราวกับไม่หลงเหลือความรู้สึกใด ๆ ให้เขาอีกแล้ว เธอพูดถึงการหย่าเหมือนเป็นแค่การโต้วาทีที่มีเธอเป็นผู้คุมบทสนทนาและวิเคราะห์ระหว่างเหตุสนับสนุนและเหตุค้านได้อย่างสมบูรณ์ชัดเจน จนเขาไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้เธอได้เลย
แต่จะให้เชนน์ทำเป็นเหมือนการแต่งงานของพวกเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้นง่าย ๆ ได้อย่างไร?
หลังเรื่องร้าย ๆ พวกนั้น เขาก็เอาแต่หมกมุ่น เชนน์ไม่อยากปล่อยมันไปทั้งอย่างนั้น
“การทำเรื่องหย่าครั้งหนึ่งยุ่งยากเกินไป และไหนจะต้องแบ่งทรัพย์สินกันใหม่อีก ฉันจะให้ทนายของฉัน…”
เชนน์พยายามยกข้ออ้างขึ้นมา แยนนี่ตัดคำก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็น ตอนเราจดทะเบียนสมรส เราไม่ได้รวมทรัพย์สินด้วยกันนี่ ทรัพย์สินของคุณก็เป็นของคุณ ฉันไม่อยากได้มัน ถ้าคุณอยากจะฟ้องเรื่องที่ฉันนอกกายคุณและต้องการค่าชดเชย ฉันก็ไม่มีข้อแก้ต่างเพราะฉันผิดจริง เพราะงั้นฉันจะจ่ายให้คุณ เรียกค่าชดเชยได้เลย คุณชายเชนน์”
เชนน์จ้องใบหน้าเย็นยะเยือกไร้หัวใจของเธอ แต่เขาก็ไม่สามารถเกลียดเธอได้ลง
ที่เขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ทั้งหมดก็เพราะตัวเขาเอง นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องอยู่กับมันให้ได้
บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองเริ่มตรึงเครียด
ในที่สุดเชนน์ก็เป็นฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตั้งหลัก มุมปากของเขาขยับ เขาพูดด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ “ต่อให้เราไม่ต้องแบ่งทรัพย์สินกัน แต่มีหลายเรื่องที่เธอต้องคุยกับฉันก่อนหย่านะ มาเถอะ ฉันจะส่งเธอเอง มันลำบากนักเหรอที่จะคุยกันก่อน ฉันรู้ว่าเธอพยายามจะไม่มาเจอฉันแต่ถ้าเธออยากจะหย่า เธอก็ต้องมาเจอฉันอยู่ดี ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้คุยกันระหว่างฉันไปส่งเธอที่บ้านล่ะ?”
เขาให้เหตุผลที่ทำให้แยนนี่ปฏิเสธไม่ได้แล้วตกลงไปกับเขา
ฮาจาร์ปีนขึ้นนั่งบนเบาะหลังรถ แยนนี่พยายามจะตามขึ้นไป แต่เชนน์เปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้กับเธอ เขาขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยสีหน้าขรึม “นั่งหน้าเถอะ จะได้คุยกันดี ๆ อีกอย่างฉันไม่ใช่คนขับรถของเธอ”
นํ้าเสียงของเขาหนักแน่น ไม่ช่องว่างให้เธอโต้แย้ง
เธอรู้ว่าเชนน์เป็นคนหยิ่งทะนงตัว เมื่อครู่ เขาเพิ่งจะข่มอารมณ์และพยายามทำตัวให้ดีที่สุด สำหรับคนชอบใช้อารมณ์และป่าเถื่อนอย่างเขา คงยากจะเปลี่ยนสันดาน เชนน์ไม่เคยเป็นคนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ
แยนนี่กัดฟันแล้วขึ้นรถบนที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่เต็มใจนัก
รถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมสีดำขับออกไปบนท้องถนนเรื่อย ๆ แล้วชะลอความเร็วลงกว่าปกติ
เชนน์มองเธออย่างครุ่นคิดแล้วเหลือบมองเด็กชายต่างชาติที่นั่งอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากของเขาขยับถาม “เด็กคนนี้คงไม่ใช่ลูกของเธอกับแฟนฝรั่งหรอกนะ?”
แยนนี่หน่ายจะพูด อารมณ์ของเธอเหมือนขึ้นรถไฟเหาะเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากเขา เธอข่มความโมโหแล้วตอบกลับ “แล้วถ้าใช่จะทำไม?”
หางตาของเชนน์แอบเจือยิ้ม “เพราะถ้าใช่จริง เธอคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหายในการหย่าของเราหรอกนะ เธอรู้ไหมว่าการไปมีลูกกับชายอื่นทั้งที่ยังจดทะเบียนสมรสอยู่กับอีกคนเป็นอาชญากรรมร้ายแรงแค่ไหน?”
แยนนี่จ้องเขาอย่างโกรธแค้น แต่พอจับแววตาเจือยิ้มของเขาได้ เธอรู้ทันทีว่าเขากำลังหยอกเธอเล่น
แยนนี่ข่มอารมณ์ของตัวเอง กลืนนํ้าลายลงคอก่อนถาม “แล้วคุณคิดจะทำอะไร?”
เชนน์ไม่ตอบคำถามของเธอ “เธอรับเด็กคนนี้มาเลี้ยงเหรอ?”
“แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย?”
“เขาดูแข็งแรงดีนะ แต่แค่ดูฉันก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกของเธอ เธอจะโกหกฉันไปทำไม?”
แยนนี่กำหมัด เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป “เชนน์ จินน์ แค่บอกฉันมาก็พอ ว่าฉันต้องจ่ายค่าชดเชยในการหย่าร้างเท่าไหร่”
แยนนี่เย้ยเยาะ “ฝัน-ไป-เถอะ ฮาจาร์ ไปกันเถอะ”
แยนนี่พาฮาจาร์เดินไปยังทางเข้าของเรสซิเดนเชียล แอเรีย
เชนน์มองดูจนร่างนั้นห่างไกลออกไป เขายกมือขึ้นจับบริเวณที่เธอตบเขาเมื่อครู่ รอยฝ่ามืออุ่นที่เธอฝากเอาไว้ยังประดับอยู่บนหน้า
ระหว่างการเลิกลาด้วยสันติและการผูกมัดด้วยความเกลียดชัง เชนน์เลือกอย่างหลัง
การยั่วโมโหเธอได้ อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่าปมผูกมัดของพวกเขาจะยังคงอยู่ ถ้าเขาเลือกที่จะหย่ากับเธออย่างว่าง่าย พวกเขาคงจะไม่ได้เจอกันอีก
เชนน์หยิบมือถือของเขาขึ้นมาแล้วโทรหาเฮนรี่ เขาพูดด้วยนํ้าเสียงไร้อารมณ์ “จากนี้ไป ไม่ว่ามูฟมีเดียจะทำอะไร เราจะชิงตัดหน้ามันซะ”
เฮนนี่อึกอัก “แต่ไม่ใช่ว่าท่านเพิ่งบอกว่ามูฟมีเดียเป็นบริษัทของคุณผู้หญิงไม่ใช่เหรอครับ แล้วยังสั่งให้ปกป้องมันอีก ถ้าเราตัดหน้าธุรกิจของพวกเขาจะไม่เป็นการทำให้คุณผู้หญิงโมโหเหรอครับ?”
“ทำตามฉันสั่งก็พอ”
“คะ คะ ครับ คุณชายเชนน์”
นํ้าเสียงของเชนน์หนักแน่นจนเฮนรี่รู้สึกสับสน แต่เขาไม่กล้าคาดเดาอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ทำตามคำสั่งที่ได้รับเท่านั้น
หลังจากเชนน์วางสายไป เขาเอนหลังพิงเบาะนั่งแล้วหลับตาลง
การแข่งขันกับเธอในฐานะศัตรูอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเป็นคนแปลกหน้าที่เดินสวนกันไปมา
เขายินดีจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนรักของแยนนี่ หรือเป็นศัตรูของเธอ แต่เขารับไม่ได้ถ้าจะต้องเป็นเพียงคนคนไม่รู้จักกัน
เชนน์ครุ่นคิดด้วยความย้อนแย้งไปมา การต้องมาปะทะคารมระกับคนรักอาจะเป็นของขวัญที่เยี่ยมที่สุดที่โชคชะตาพอจะมอบให้เขาได้แล้ว
อย่างน้อย ๆ ที่สุด เขาจะยังได้มีเรื่องให้ข้องเกี่ยวกับเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน