กระเช้าลอยฟ้าบนเมาท์ ลิลลี่กลับมาใช้เปิดใช้งานตามปกติ
ปีเตอร์ บรู๊ค เป็นลูกสุดเอาแต่ใจ แยนนี่โทรบอกให้เขาลงจากเมาท์ ลิลลี่มาแต่ชายหนุ่มปฏิเสธ เขาต้องการให้แยนนี่เป็นคนรับส่งเขาด้วยตัวเอง
ปลายสาย ชายหนุ่มเสนออย่างสำคัญตนว่าจะเขาจะขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เยลโลว์ ริเวอร์ให้ก็ได้ ถ้าเธอกลับขึ้นมารับเขาบนเมาท์ ลิลลี่ด้วยตัวเอง ไม่ใช่บอกคนอื่นมารับแทน
แยนนี่ล้อเลียนเขาทางโทรศัพท์ “ฉันจะพลาดข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ได้ยังไงล่ะคะ? ฉันท้าให้คุณรออยู่บนนั้นเลยค่ะ”
“ลูกผู้ชายรักษาสัญญาอยู่แล้ว”
แยนนี่ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าขึ้นเมาท์ ลิลลี่ไปยังคฤหาสน์บ้านสวนเพื่อรับปีเตอร์
พอพวกเขาลงชื่อออกจากที่พัก ปีเตอร์เดินคู่กับแยนนี่ไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้า
ระหว่างทาง ปีเตอร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย “นี่ ฉันอยากรู้ ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น? อะไรทำให้เธออยู่ ๆ ก็เสี่ยงชีวิตขึ้นกระเช้าลงไปตีนเขาแบบนั้น?”
แววตาของแยนนี่วูบไหวเล็กน้อย เธอตอบกลับ “ถึงคุณจะเป็นลูกค้าคนสำคัญในตอนนี้ แต่ฉันก็ยังมีสิทธิที่จะไม่พูดเรื่องส่วนตัว ถูกไหมคะ?”
“ได้ ได้ ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านก็แล้วกัน”
แยนนี่เดินนำหน้า ขณะที่ปีเตอร์ลากเท้าเอื่อยเฉื่อยตามอยู่ด้านหลัง พวกเขาเดินเข้ามายังทางขึ้นของกระเช้า
บนทางขึ้นกระเช้า ชายร่างสูงหน้าตาดีกำลังยืนรอใครบางคนอยู่
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดเซียวและทรุดโทรม มีผ้าพันแผลรอบหัว นัยตาเส้นเลือดปูดส่อแววอ่อนล้าและอ่อนกำลัง
แยนนี่ที่กำลังก้าวเท้าชะงักในทันที สายตาของเธอจ้องไปที่เขาเงียบ ๆ จากระยะไกล
ปีเตอร์สังเกตเห็นเข้าไปด้วยเช่นกัน เขาก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้าชนเข้ากับไหล่ของแยนนี่ก่อนเอ่ยถาม “เธอรู้จักเขาเหรอ?”
แยนนี่ไม่คาดคิดว่าเชนน์จะมาถึงที่นี่
อากาศบนภูเขาหนาวเย็นจนเห็นควันออกมาจากลมหายใจทุกครั้ง เธอสังเกตว่าเชนน์ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น เขามีเพียงเสื้อเชิร์ทสีขาวบางข้างในและทับด้วยโค้ทสีดำ
ร่างกายของเขาซูบผอมกะหร่อง
แยนนี่สูดหายใจเข้าเต็มปอด ไม่คิดจะเมินหรือแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา เธอแค่เดินผ่านอย่างเงียบ ๆ ไปยังทางขึ้นกระเช้าแล้วพูด “คนป่วยไม่ควรออกมาเพ่นพ่านนะ โรงพยาบาลไม่ดูแลคุณเลยรึไง?”
เชนน์ขมวดคิ้ว “พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันแอบหนีออกมา”
“แล้วฉันจะช่วยอะไรคุณได้?”
เชนน์มองลึกเข้าไปในตาเธอแล้วพูดขึ้น “ซามูเอลบอกบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน”
ซามูเอลหักหลังเธอ สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะบอกเรื่องนั้นกับเชนน์
“ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว มันก็แค่เรื่องในอดีต”
“เราคุยกันเถอะนะ” จะเรื่องหย่าก็ได้ เขายินดีกว่าการที่เธอเลือกจะไม่พูดอะไรกับเขาเลย
พอแยนนี่ขึ้นไปบนกระเช้า ปีเตอร์กำลังจะตามเข้าไปนั่งบนกระเช้าเดียวกันกับเธอด้วย เขาไม่คิดว่าเชนน์จะขวางทางเขาเอาไว้ ไม่ให้เข้าไป ก่อนเชนน์จะกระโดดขึ้นกระเช้าเสียแทนแล้วปิดประตู
ปีเตอร์โวยวายขณะยืนอยู่นอกกระเช้า “เฮ้ย! ไอ้กุ๊ย! แกเป็นใครวะ?”
แยนนี่กับเชนน์อยู่ในกระเช้าเดียวกันสองต่อสอง ไม่นานกระเช้าลอยฟ้าก็เริ่มเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ
ปีเตอร์ได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้วนั่งรอกระเช้าถัดไป
…
ภายใน พื้นที่คับแคบ
แยนนี่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ในสถานที่ปิดตามลำพังกับเชนน์สองคนแบบนี้คือเมื่อไหร่
ทันศนียภาพภายนอกงดงามจับใจ ทั้งภูเขาและแม่นํ้าเขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์อย่างเหลือเชื่อ
แยนนี่มองออกไปข้างนอกชมทิวทัศน์ด้วยแววตาที่ไม่ได้จดจ่อกับมันสักเท่าไหร่ ความเงียบปกคลุมทั้งกระเช้า
เชนน์ที่ปิดปากเงียบอยู่นาน พอเห็นว่าพวกเขาผ่านเส้นทางมาเกินครึ่งแล้วจึงทำลายความเงียบลงในที่สุด “ทำไมถึงไม่บอกฉันว่าเธอท้องไม่ได้อีกแล้ว?”
แยนนี่เม้มปาก เธอยิ้มบางแล้วตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ “ก็ไม่อะไร ยังไงฉันก็ไม่คิดที่จะมีลูกอยู่แล้ว นอกจากเรื่องที่ร่างกายของฉันที่แย่ลง ฉันแค่ต้องระวังไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ เพราะงั้นการมีลูกไม่ได้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับฉัน”
สายตาของเชนน์เหลือบมองผ้าพันแผลที่อยู่บนนิ้วของเธอ เขาหรี่ตาคมแล้วเอ่ยถาม “มือของเธอไปโดนอะไร?”
“ฉันแค่บังเอิญ…”
ก่อนที่แยนนี่จะทันได้พูดจบ เชนน์ก็แทรกเธอขึ้นมา “มันคือแผลตอนที่เธอขึ้นกระเช้ามาเพื่อตามหาฉันใช่ไหม? การแข็งตัวของเลือดเธอไม่ดีนัก ที่เธอทำแบบนั้นมันอันตรายมากนะ โรงพยาบาลท้องถิ่นในที่ชนบทแบบนี้ไม่มีเลือดกรุ๊ปอาร์เอชลบหรอก เธอรู้ใช่ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหนถ้าเธอห้ามเลือดตัวเองให้หยุดไหลไม่ได้?”
แยนนี่ก้มหน้าตํ่าลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างระอา “แล้วจะพูดเรื่องนั้นไปเพื่ออะไรเอาตอนนี้?”
เธอไม่หลงเหลือความรู้สึกใด ๆ ให้กับเขาอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ความเกลียดชัง เธอก็ยังไม่สามารถเกลียดเขาได้
เชนน์กลืนนํ้าลายลงคอแล้วเอ่ยถาม “ถ้าซามูเอลไม่บอกเรื่องพวกนี้กับฉัน เธอคิดจะเก็บมันเป็นความลับกับฉันไปตลอดชีวิตอย่างงั้นเหรอ?”
แยนนี่เงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาก่อนพูดขึ้น “เชนน์ ในเมื่อเราเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว งั้นก็ต่างคนต่างอยู่กันไปสิ เรื่องพวกนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะถึงรู้ไปคุณก็เปลี่ยนอะไรในอดีตไม่ได้ เพื่อตัวพวกเราเอง ให้มันจบไปซะตอนนี้เถอะนะ ”
ไม่มีร่องรอยความรู้สึกหลงเหลืออยู่ในแววตาของเธอ แม้แต่ความเกลียดก็หายไปจนหมดสิ้น
เอี๊ยด!
เสียงเสียดสีของล้อกระเช้ากับลวดเหล็กที่ขึงอยู่ดังเสียดหู
กระเช้าลอยฟ้าเกิดขัดข้องและหยุดกะทันหันเคว้งกลางอากาศ
สองปีที่แยนนี่อยู่ในอังกฤษ เขาพยายามตัดใจจากเธอมาตลอดหลายต่อหลายครั้ง จนตอนนั้นเขากลายเป็นคนที่ไม่หลงเหลืออารมณ์ใด ๆ ด้านชาไปหมด
เขาคือคนที่ผลักไสเธอออกไป พวกเขาไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม
…
พอกลับจากเอ็มเพรส ทรี ซิตี้ แยนนี่กับปีเตอร์หารือกันเรื่องค่าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และรายละเอียดต่าง ๆ
ในที่สุดมูฟมีเดียร์ก็ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์จากปีเตอร์ได้ด้วยเงิน 100 ล้านเหรียญ
ไม่นาน มูฟมีเดียก็ดึงความสนใจจากนักลงทุนในอุตสาหกรรมเข้ามาได้ มูลค่ารวมของบริษัทในเวลานี้เกือบ ๆ แตะ 1.5 พันล้านเข้าไปแล้ว จากผู้ถือหุ้นที่มีอิทธิพลและมั่งคั่งทั้งหลาย
มูฟมีเดียกำลังเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง
สองสัปดาห์ต่อมา แยนนี่ได้รับเอกสารการหย่าจากศาลพร้อมลายเซ็นของเชนน์
แยนนี่เซ็นมันอย่างไม่คิดอะไรมาก แล้วเก็บมันลงในลิ้นชัก
ตลอดสองสัปดาห์ แยนนี่ทำการสมัครวีซ่าประเทศอังกฤษให้กับเฮเธอร์ ขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปได้สวย
ตั้งแต่ปีเตอร์เซ็นสัญญากับมูฟมีเดีย เขาก็ย้ายจากเอ็มเพรส ทรี ซิตี้ มาอยู่นอร์ท ซิตี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำงานและสื่อสารร่วมกันได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
แยนนี่ปลุกเขาไปทำงานทุกเช้า
แต่วันนี้กลับต่างออกไปเล็กน้อย หลังจากแยนนี่ปลุกเขาเสร็จ เธอพูดขึ้นว่า “วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันมาปลุกคุณให้ไปทำงานนะ ถ้าคุณต้องการให้คนมาปลุกในวันต่อ ๆ ไป ฉันจะให้ผู้ช่วยของฉันกีกิ มาช่วยปลุกคุณนะคะ”
“ทำไมล่ะ? คนอื่นไม่มีใครปลุกฉันได้หรอก”
“ฉันส่งต่อบริษัทให้คนอื่นดูแลแล้วและก็ออกจากตำแหน่งซีอีโอของมูฟมีเดียแล้วด้วย เดี๋ยวอีกหน่อยจะมีซีอีโอคนใหม่มาร่วมงานกับคุณต่อไปนะคะ อีกไม่นานฉันก็จะกลับอังกฤษแล้ว หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในอนาคตนะคะ”
ปีเตอร์โวยวาย “ยัยนี่นี่! เธอมาหลอกซื้อลิขสิทธิ์ฉันแล้วก็จะทิ้งฉันไปเหรอ? มีใครดี ๆ ที่ไหนเขาทำกันบ้างฮะ?”
แยนนี่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “สัญญาระบุไว้ชัดเจนและคุณก็เป็นคนเซ็นมันเองด้วย คุณตั้งใจเซ็นเองเลยนะ อีกอย่างเงิน 100 ล้านเหรียญที่ตกลงขึ้นอยู่กับค่าเงินในตลาด ต่อให้มันไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่พวกเราก็ไม่โกงคุณแน่นอน”
จากนั้นแยนนี่ก็หยิบกระเป๋าแล้วหมุนตัวหันหลังกำลังจะออกไป
ปีเตอร์เรียกเธอเอาไว้ “นี่! เธอจะกลับมาไหม?”
แยนนี่ไม่ได้หันกลับไป เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วตอบทั้งที่ยังหันหลับให้ “ยังมีเรื่องส่วนตัวบางอย่างที่ฉันต้องจัดการ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยอย่างดีแล้ว ฉันไม่คิดว่าจะกลับมาที่นี่อีก”
“ตอนเราอยู่ที่เมาท์ ลิลลี่ เธอบอกว่าเธอเป็นม่ายแล้วก็แท้งลูกมาก่อน ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ผู้ชายที่เราเจอกันที่เมาท์ ลิลลี่ในวันนั้นคือสามีเก่าของเธอใช่ไหม? ต่อให้เธออยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่และไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก เธอไม่เห็นจำเป็นต้องทิ้งบ้านเกิดที่เธอโตมาเลยนี่ จริงไหม?”
ปีเตอร์พยายามรั้งให้เธออยู่ต่อ
แยนนี่สูดลมหายใจเข้าแล้วตอบ “หัวใจของฉันไม่เข้มแข็งพอที่จะอยู่ในที่ที่เดียวกับเขา ฉันทนทำพลาดซํ้า ๆ ไม่ได้หรอก ฉันคิดไว้แล้วว่า อย่างแรกเลยถ้าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฉันต้องเรียนรู้จะที่บอกลาสิ่งสำคัญให้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน