เมื่อเซรีนตื่นขึ้นมา เธอพบว่าชายที่อยู่ข้างตัวเธอได้หายไป
ขณะที่เธอกำลังลุกขึ้นและมองหาเขา วิลสันก็กลับมาแล้วพร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือที่กำอยู่ในมือ
เซรีนสงบสติอารมณ์ลงและถาม “คุณออกไปเดินเตร่ที่ไหนมากคะ? ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน?”
“ผมปลุกคุณไม่ได้หรอก ในเมื่อคุณกำลังหลับปุ๋ยอยู่”
เซรีนชำเลืองมองนาฬิกาจากโทรศัพท์ขณะที่เธอถาม “ตอนนี้ดึกแล้ว คุณหิวแล้วใช่ไหมคะ? หมอบอกว่าคืนนี้คุณสามารถกินพวกอาหารอ่อนได้ ฉันจะไปซื้อโจ๊กมาให้คุณสักหน่อย”
ในตอนที่เธอกำลังจะออกไปข้อมือของเธอก็ถูกวิลสันคว้าเอาไว้ ในขณะเดียวกันเขาก็จ้องมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนพลางพูดว่า “ตอนนี้ดึกแล้ว คุณจะไปหาโจ๊กจากที่ไหน? แค่สั่งจากข้างนอกมาก็พอ”
“แต่ข้างนอกอาจจะไม่สะอาด…”
“ผมมีเบอร์ของร้านส่วนตัวอยู่ พวกเขาสามารถส่งมันมาที่นี่ได้เลย”
ขณะที่เซรีนกำลังช่วยเขาให้กลับไปนอนบนเตียง เธอพูด “ถ้างั้นสั่งมาสักสองชุดนะคะ เพราะตอนนี้ฉันก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
“ได้สิ”
ในที่สุดโจ๊กก็มาถึง พวกเขาพร้อมด้วยเกี๊ยวที่มาด้วยกัน เพราะว่าวิลสันไม่สามารถกินมันได้เขาจึงสั่งเกี๊ยวพวกนั้นมาให้เซรีน
เซรีนดูมีความสุขมาก ขณะที่เธอพูด “ฮะเก๋าร้านนี้ดีมาก คุณพาฉันไปที่นั่น หลังจากที่คุณออกจากโรงพยาบาลได้ไหมคะ?”
จู่ ๆ วิลสันก็เงียบลง ขณะที่จ้องมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของเธออย่างอ่อนโยน
เนื่องจากเซรีนไม่ได้รับคำตอบจากเขา เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาและถาม “เกิดอะไรขึ้น? โจ๊กจืดเกินไปเหรอคะ? คุณอยากให้เติมน้ำตาลลงไปในนั้นไหม?”
วิลสันส่ายหัวก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “พรุ่งนี้ตอนเช้าคุณกลับบ้านได้เลยนะ”
“โอ้ ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกค่ะ ฉันได้บอกกับที่โรงพยาบาลไว้แล้วว่าจะลาสักสองสามวัน คุณไม่ต้องห่วง คุณจะไม่มีผลต่อตารางเวลางานของฉันเลย”
“สิ่งที่ผมต้องการจะพูดคือ คุณไม่ต้องมาดูแลผมอีกแล้ว”
เซรีนงุนงง ขณะที่เธอมองไปยังเขาก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณต้องการใครสักคนตอนนี้เพื่อดูแลอย่างแน่นอน อีกทั้งคุณไม่ได้พูดเองเหรอคะว่า คุณไม่มีครอบครัว? ในฐานะที่เป็นแฟนของคุณ ฉันก็ควรที่จะดูแลคุณตอนที่คุณป่วย และนอกจากนั้นคุณก็คงทำแบบนั้นเหมือนกันเมื่อฉันป่วย ดังนั้นทำไมคุณถึงต้องการให้ฉันไป? ฉันรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ดูแลคุณที่นี่มากกว่าทำงานที่โรงพยาบาล ยิ่งไปกว่านั้นคือ ฉันไม่เหนื่อยด้วย”
“แล้วจะเป็นยังไงถ้าตอนนี้คุณไม่ใช่แฟนของผมอีกแล้ว? แบบนั้นคุณจะได้ไม่ต้องดูแลผมอีกต่อไป”
เซรีนรู้สึกตกตะลึง ขณะที่เธอกำลังถือตะเกียบไว้ในมือ รอยยิ้มของเธอแข็งทื่อขณะที่เธอกล่าว “วิลสัน จาร์เร็ต คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ฉันไม่คิดว่าคุณเป็นภาระเลยระหว่างที่ฉันดูแลคุณ และฉันกังวลว่าเมื่อไหร่ที่คุณป่วย ฉัน…”
“เราเลิกกันเถอะ เซรีน”
ตะเกียบร่วงจากมือของเซรีนลงสู่พื้น
เธอถามด้วยรอยยิ้ม “วิลสัน… วิลสัน จาร์เร็ต คุณกำลังพูดเล่นอะไรอยู่?”
วิลสันจ้องไปที่เธอด้วยดวงตาสีเข้มของเขาอย่างจริงจัง ก่อนจะพูดอย่างชัดเจน “ผมไม่ได้พูดเล่น ผมจริงจัง”
“เป็นเพราะว่าพ่อแม่ของฉันคอยขวางเราอยู่ตลอด เพราะงั้นคุณเลย…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ วิลสันก็ขัดเธอด้วยการพูดขึ้นว่า “มันไม่ได้เกี่ยวกับพ่อแม่ของคุณเลย”
น้ำตาของเซรีนเริ่มร่วงหล่นขณะที่เธอถามด้วยน้ำเสียงสับสน “ถ้าอย่างนั้น เพราะอะไรคะ?”
“จู่ ๆ ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า ผมไม่ได้รักคุณมากขนาดนั้น”
เซรีนรู้สึกไร้หนทาง ในตอนนั้นจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน และถามเขาขณะสะอึกสะอื้น “... คุณหมายความว่ายังไง จู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาได้? หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน คุณก็คิดขึ้นมาได้ว่าคุณไม่ได้รักฉันมากขนาดนั้น? วิลสัน จาร์เร็ต นี่หมายความว่ายังไง?”
วิลสันลดสายตามืดมนของเขาลงเล็กน้อย หลังจากผ่านไปนานพอควร ขณะที่มองเขากอดอก เขาก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ผมเบื่อแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่ดีพอสำหรับคุณไหม?”
เซรีนพูดไม่ออก
ทุกตารางนิ้วบนร่างกายของเซรีนชา และเธอไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากความโกรธหรือเป็นผลมาจากความเศร้าขนาดมหึมา อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถทำให้ตัวเองสงบลงได้อีกแล้ว
เธอหายใจเข้าลึกจากนั้นจึงถาม “นั่นหมายความว่าคุณไม่เคยจริงจังกับฉันตั้งแต่เริ่ม?”
วิลสันเงยหน้าขึ้นก่อนจะถามเธออย่างเรียบง่าย “คุณคิดว่าพวกเรามีความเป็นไปได้ที่จะแต่งงานกันมากแค่ไหน ในเมื่อพวกเราทั้งคู่มาจากคนละชนชั้นทางสังคมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?”
เซรีนรู้สึกเจ็บยิ่งขึ้นไปอีกด้วยคำถามของเขา สิ่งที่วิลสันพูดฟังแล้วเจ็บปวดมาก มันเจ็บยิ่งกว่าความเพิกเฉยอย่างเย็นชาที่เขามีต่อเธอ
เซรีนค่อย ๆ กำหมัดของเธอ ขณะที่สองแขนห้อยอยู่ข้างตัว เธอกล่าว “ถึงอย่างนั้นคุณก็หย่ากับรูบี้เพื่อฉัน”
“การแต่งงานระหว่างผมและรูบี้ไม่เคยจริงจังตั้งแต่แรก ผมไม่ได้ตัดสินใจหย่ากับเธอหลังจากที่เจอกับคุณ การปรากฏตัวของคุณทำให้ผมมีข้อแก้ตัว และอ้างเหตุผลที่ผมต้องการหย่ากับเธอ”
เวอเรียนถามว่า “ดร.จาร์เร็ตเป็นยังไงบ้าง? เธอได้กินอะไรบ้างหรือยัง เพราะเธอดูแลเขาอยู่คนเดียวที่โรงพยาบาล?”
เซรีนตอบด้วยข้อความง่าย ๆ “ฉันจะไม่ดูแลเขาที่โรงพยาบาลอีกแล้ว”
“ห้ะ?” เวอเรียนไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เวอเรียนจะสื่อ
ไม่นานนัก เซรีนก็ส่งข้อความถัดมา “เวอเรียน ครั้งหน้าเธอช่วยหยุดพูดถึงผู้ชายคนนั้นกับฉันได้ไหม?”
เวอเรียนยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ขณะที่เธอกล่าว “เธอทะเลาะกับ ดร.จาร์เร็ตเหรอ?”
“ไม่ ฉันเลิกกับเขาแล้ว”
เวอเรียนพูดไม่ออก
เธอโทรหาเซรีนทันทีในสองสามวินาทีถัดมา
เซรีนลังเลอยู่สองสามวินาที เธอรู้สึกว่าถ้าเธอไม่เผชิญหน้ากับมันในตอนนี้ เธอจะยังเจอมันอีกในอนาคต ดังนั้นไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เธอแค่ดึงผ้าพันแผลออกเลยก็น่าจะดีกว่า
เวอเรียนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงในตอนที่เธอรับสาย “ไม่ใช่ว่าเมื่อวานเธอกับ ดร.จาร์เร็ตยังดี ๆ กันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ได้บอกฉันเหรอว่าเขาขอเธอแต่งงาน? แล้วพวกเธอเลิกกันหลังจากนั้นในทันทีได้ยังไง? มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันทำนองนั้นหรือเปล่า?”
“ไม่มีความเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้นแหละ เขาบอกว่าฉันอยู่ในชนชั้นทางสังคมที่แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง และเขาแค่เล่น ๆ กับฉันเท่านั้น”
เวอเรียนเลิกคิ้วและพูด “... เชนเนอร์ที่สอง?”
เซรีนต่อว่า “เธอพูดถูก วิลสันไม่ต่างจากเชนเนอร์เลยสักนิด เขาคือเชนเนอร์ที่สอง ให้ตายสิ เขาแย่ยิ่งกว่าเชนเนอร์อีก”
เวอเรียนอธิบายให้เธอฟังและพูดว่า “แต่ ดร.จาร์เร็ตดูจะไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ…”
เซรีนเริ่มร้องไห้ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจมาก “เขาเป็น”
“เอาล่ะ โอเคตอนนี้ เธอหยุดร้องไห้ก่อน เธออยู่ไหน? ฉันเป็นห่วงเธอ”
“ฉันอยู่บ้าน เวอเรียน เธอมาหาแล้วอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”
ขณะที่เวอเรียนปลอบเธอก็กำลังพร้อมที่จะออกไปแล้ว เวอเรียนพูด “ให้เวลาฉันครึ่งชั่วโมง โอเคไหม? เธออย่าพึ่งไปไหนนะ ถึงแม้จะไม่มีวิลสัน เธอก็ยังคงหาผู้ชายที่ดีกว่านี้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน