บอยล์ทำอาหารค่ำ เขาทำไข่คน ไส้กรอก กุ้งย่าง สลัดแตงกวาและซุป
มันเป็นอาหารที่สมดุลและดีต่อสุขภาพมาก
ทันทีที่เชอรีชอาบน้ำเสร็จ บอยล์ก็เรียกเธอในขณะที่ผมของเธอยังเปียกอยู่
ทันที่เชอรีชลงมา เธอก็เห็นว่าบนโต๊ะที่เต็มไปอาหารโปรดของเธอ เมื่อเธอนั่งลงข้างโต๊ะอาหาร
เธอหยิบชามและช้อนของเธอ และกินสลัดหนึ่งคำ
มันหวานและเปรี้ยวในเวลาเดียวกัน รสชาติถูกใจเธอมาก
บอยล์หยิบผ้าเช็ดตัว ยืนข้างหลังเธอ และเริ่มเช็ดผมยาวที่เปียกของเธอ ขณะที่เขาดูเธอกิน และถามว่า “คุณคิดว่าเป็นไง?”
“เฮ้ เชฟลอว์สัน พรุ่งนี้คุณช่วยทำมะเขือยาวผัดซอสปลาบดให้หน่อยได้ไหม?”
บอยล์พูดติดตลกว่า "มะเขือยาวผัดซอสปลาบดงั้นเหรอ? คุณอยากให้ผมใส่ปลาลงไปด้วยไหม?"
เชอรีชถามด้วยความสงสัยหลังจากกินไข่คน “ทำไมถึงไม่มีปลาในเมนูมะเขือยาวผัดซอสปลาบดล่ะ?”
บอยล์คิดถึงวิธีการทำอาหารที่เป็นเอกลัษณ์ ในขณะที่เขาพูด "พรุ่งนี้ผมจะทำแบบที่ใส่ปลาด้วย"
เชอรีชกำลังถือชามของเธอ ขณะที่เธอยิ้มแบบเด็ก ๆ ให้ บอยล์ เธอพูด "ถ้าคุณเปิดร้านอาหารจริง ๆ คุณจะต้องทำให้พ่อครัวที่มีชื่อเสียงจำนวนมากปิดตัวลง และฆ่าตัวตาย คุณรู้ไหม มะเขือยาวผัดซอสปลาบดที่บ้านของฉันใส่ปลาลงไปด้วย คุณไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด”
บอยล์หยิบเครื่องเป่าผม และช่วยเธอเป่าผม ขณะที่เขาตอบพลางหัวเราะเบา ๆ "อาหารจานนี้อาจจะดังก็ได้ คุณรู้ไหม"
หลังจากที่เขาเป่าผมให้เธอเสร็จ บอยล์ก็นั่งลง สวมถุงมือแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง แล้วเริ่มแกะเปลือกกุ้งให้เธอ
เขาแกะเปลือกกุ้งจำนวนมากให้เธอ
เชอรีชกินกุ้งเต็มจาน ในขณะที่เธอกินซุป
เธอยังถูกบังคับให้กินอาหารให้หมดอีกด้วย
บอยล์ทำความสะอาดโต๊ะอาหาร และไปล้างจานหลังอาหารเย็น
ขณะที่เชอรีชกำลังจะพักผ่อนอยู่ที่โซฟา โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น และมันโชว์ว่าเป็นสายจากลิตเติ้ลบีน
เชอรีชรับสายแล้วพูดว่า "ฮัลโหล"
สิ่งเดียวที่บอยล์ได้ยินคือเธอพูดกับโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอ แต่โทรศัพท์ของเธอดูเหมือนจะอยู่ในโหมดปิดเสียง
ขณะที่บอยล์ล้างจาน เขาก็เหลือบมองไปยังห้องนั่งเล่น
ใครบางคนที่สนิทกับเธอคงโทรมาหาเธอ เนื่องจากเธอหัวเราะอย่างมีความสุข
หลังจากบอยล์ล้างจานเสร็จ เขาก็เดินไปหาเธอ และถามว่า “เธอคุยกับใครนานขนาดนั้น?”
เชอรีชตอบ "เด็กที่ฉันเพิ่งรู้จักไม่นานมานี้"
“เด็กงั้นเหรอ?”
“ใช่ เด็กที่ฉันช่วยจากห้องอัดเสียง”
บอยล์นึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่สตูดิโอบันทึกเสียง เธอได้รับบาดเจ็บตอนที่มีอุปกรณ์บางอย่างตกลงบนหัวของเธอ
“ทำไมเด็กคนนั้นถึงโทรหาคุณ?”
เชอรีชตอบ "ฉันรู้สึกเชื่อมโยงกับเด็กคนนั้น และเธอยังบอกด้วยว่าเธออยากจะมาเยี่ยมฉันที่นอร์ท ซิตี้ แต่ฉันเป็นห่วงที่เธอจะต้องเดินทางคนเดียว ดังนั้นฉันจึงบอกเธอว่าฉันจะไปเยี่ยมเธอกับคุณที่เมืองหลวงเมื่อฉันว่างในอีกไม่กี่วัน”
แต่เชอรีชดูลังเลเล็กน้อย ขณะที่เธอพูดว่า "แต่เด็กคนนี้กลัวคนแปลกหน้ามาก และคุณก็ดูน่ากลัวมาก ฉันไม่คิดว่าคุณจะเข้ากับเด็ก ๆ ได้ดี เธอคงกลัวคุณ อย่างไม่ต้องสงสัย "
บอยล์เลิกคิ้ว และไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เธอพูด เขาพูด "ก็จริง เมื่อก่อนเด็กแถวบ้านของผมจะวิ่งหนีทันทีที่เห็นผม"
ทั้งคู่หยุดพูดถึงลิตเติ้ลบีนหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง บอยล์มองดูพระอาทิตย์ตกดินข้างนอกแล้วพูดว่า "ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันเถอะ มันจะไม่ดีต่อท้องของคุณ ถ้าคุณเอาแต่อยู่บ้านตลอดทั้งวันโดยไม่ขยับไปไหน คุณรู้ไหม"
เชอรีชเอนหลังพิงโซฟา และปฏิเสธที่จะเคลื่อนไหว แต่เธอก็ยังคงถูกบอยล์ลากออกไปข้างนอกเพื่อเดินเล่น
สายลมยามเย็นทำให้รู้สึกผ่อนคลายที่เลค สตรีท และมันเป็นจุดที่น่าทึ่งสำหรับการเดินเล่น
เมื่อลมยามเย็นพัดมา ใบไม้สีเขียวก็พลิ้วไหวไปตามสายลม
"ฮัลโหล?"
ดร.ชาเนียพูดว่า “ฉันได้จัดการทุกอย่างที่จำเป็นก่อนจะเดินทางกลับประเทศแล้ว คุณวางแผนจะส่งเชอรีชกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาเธอเมื่อไหร่? เธอหยุดกินยามานานมากแล้ว และถ้าเธอยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ก็ไม่มีใครสามารถแน่ใจได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
บอยล์กำโทรศัพท์ของเขา ขณะที่เขาตอบพร้อมกับขมวดคิ้วก่อนจะเหลือบไปมองหญิงสาวที่อยู่ใกล้ ๆ "ช่วงนี้ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ค่อนข้างดีกับผม"
ดร.ชาเนียเลิกคิ้วและพูดว่า "นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันจะดีกว่าสำหรับเธอที่จะไปตรวจที่โรงพยาบาล คนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงไม่สามารถหยุดยาได้ แม้ว่าพวกเขาจะอารมณ์ดี"
“ผมยังไม่มีแผนที่จะพาเธอไปโรงพยาบาล”
ดร.ชาเนียถอนหายใจ และพูดว่า “คุณทุ่มเทอย่างมากเพื่อพาฉันกลับมาที่ประเทศ จนคุณยอมจ่ายเงินให้ฉันจำนวนมาก ตอนนี้ฉันได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดีของโรงพยาบาลของคุณอีกด้วย แต่ตอนนี้คุณกำลังบอกฉันว่าคุณจะไม่พาเชอรีชไปโรงพยาบาลงั้นเหรอ? บอยล์คุณไม่ใช่คนที่โลเลแบบนี้”
บอยล์ตอบ "หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมคิดว่าการส่งเธอไปที่โรงพยาบาลนั้นค่อนข้างไม่เหมาะสม ผมไม่อยากเห็นเธอถูกขังอยู่ในกรง และถูกเข็มทิ่มแทงเหมือนผู้ป่วยโรคจิต ไม่ต้องพูดถึง ผมไม่ชอบเห็นเธอถูกมัดติดอยู่กับเตียง”
ดร.ชาเนียหัวเราะ ขณะที่เธอพูดว่า “ประธานลอว์สัน ฉันแนะนำให้คุณดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างมาก ตอนนี้เธอเป็นผู้ป่วยทางจิตอย่างปฏิเสธไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงอาการของเธอไม่ได้เล็กน้อยเลย ฉันไม่ได้ตรวจอาการของเธอมานานมากแล้ว และฉันไม่สามารถพูดได้ว่าอาการของเธอจะแย่ลงหรือมีอาการอื่น ๆ แทรกซ้อนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่รับผิดชอบหากเธอพลาดโอกาสช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาของเธอ เพราะคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ”
บอยล์พูดอย่างเย็นชา “คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างของเธอเอง”
ดร.ชาเนียพูดไม่ออก ขณะที่เธอกัดฟัน
'บ้าเอ้ย! เธอช่างมีครอบครัวที่ดื้อรั้นจริง ๆ!'
ดร.ชาเนียระงับความโกรธของเธอ เนื่องจากเขายังคงเกี่ยวข้องกับคนไข้ของเธอ และไม่ต้องพูดถึง เขายังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในโรงพยาบาล ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาว่า “ประธานลอว์สัน ฉันแนะนำให้คุณส่งเธอมาโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด แม้ว่าคุณจะคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่เธอจะไม่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือรับการรักษาใด ๆ แต่ความจริงก็คือ เธอได้รับการรักษาล่าช้ามากแล้ว บอกตามตรง อาการของเธอรุนแรงมาก และมันจะยิ่งแย่ลงไปอีกหากเธอตัดสินใจที่จะเข้ารับการรักษาในอนาคต ไม่ต้องพูดถึงขั้นตอนที่จะต้องใช้เวลานานยิ่งขึ้นอีกด้วย"
แววตาของบอยล์ดูน่ากลัวอย่างมาก ในขณะที่เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผมจะลองคิดดู”
เสียงของเขาฟังดูหงุดหงิดมาก ในขณะที่น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเย็นชาอย่างมาก
เขาวางสายทันทีหลังจากนั้น
ดร.ชาเนียพุ่งพล่านไปด้วยความโกรธ เมื่อเธอได้ยินเสียงบี๊บดังออกมา
จุดประสงค์หลักของเธอในการกลับประเทศของเธอไม่ใช่เพราะข้อเสนออันน่าทึ่งที่บอยล์มอบให้เธอ กลับกันเธอรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบในฐานะหมอ และเธอต้องการช่วยรักษาอาการของเชอรีช
แต่ปรากฏว่าบอยล์ไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน