เล่ห์รักเมียตัวน้อย นิยาย บท 138

ตอนที่ 137 คนต้องมีการเปลี่ยนแปลง

พักผ่อนเต็มอิ่มมาทั้งคืน ทำให้ทั้งสองมีเรี่ยวแรงกระปรี้กระเปร่า

ยศพลกดร่างของจารวีไว้ใต้ร่างของเขา จากนั้นก็ยกเข่าทั้งสองข้างขึ้นบนเตียงเพื่อลดแรงกดไม่ให้กดทับไปที่หน้าท้องของ เธอ

ตาตี่ๆของเขามีแววตาที่เปล่งประกายดั่งไฟ

จารวีรู้สึกถึงความร้อนแรงจากลมหายใจของเขาได้อย่างชัดเจน ใช้ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวบดไปที่ขาของเธอ เหมือนกับเป็นสัตว์ร้ายที่ใจร้อนและอดใจไม่ไหว

“อ๊ะ ไม่ได้นะ ยศพล เธอลืมที่หมอบอกไปแล้วเหรอ นายอย่าขยับไปมามั่วซั่วสิ…”

ยศพลหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ที่หมอบอกเป็นแค่หนึ่งในหลายๆวิธี ที่จริงมันยังมีอีกหลายหลายวิธีเลยนะ”

ใบหน้าเล็กๆของจารวีเร่ิ่มแดง พอฟังคำพูดที่ไร้ขอบเขตของเขา เธออดไม่ได้จนอยากมุดหนีไปในถ้ำ

“อะ อ๊ะ…”จารวีผลักออก ยศพลก็เอนกายลงมาจูบ

ริมฝีปากของเขาปิดครอบริมฝีปากแดงสีกุหลาบของเธอ ลมหายใจของคนสองคนค่อยๆรวมเข้ากับลมหายใจของอีกฝ่าย

จารวีลูบทารกในท้องของเธออย่างประหม่า เกร็งไปหมดทั้งตัว

ยศพลจูบพลางปลดเสื้อผ้าของเธอออก

“อย่ากลัวเลย ที่รัก ฉันไม่เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องของเธอบาดเจ็บหรอก”

ยศพลพ่นลมหายใจที่ร้อนแรงไปที่หูของเธอ พูดด้วยเสียงแหบพร่า ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น

เขาจูบลงไปที่คออันขาวนวลของเธอ แล้วค่อยๆเลื่อนลงไปข้างล่างช้าๆ

นึกไม่ถึงเลยว่าผิวของยัยผู้หญิงรนหาที่คนนี้จะนุ่มไปหมดทุกตารางนิ้ว ลูบสัมผัสได้อย่างราบรื่นนุ่มนวลมาก

จารวีถูกเขาเล้าโล้มอย่างช้า ๆ ในใจก็เริ่มที่จะมีความอยากเช่นกัน

“ยกขาขึ้นสิ…”

ยศพลประคองเธอขึ้น จับให้เธอนอนตะแคง แล้วพ่นลมหายใจอันร้อนผ่าวของเขาไปที่ขาอ่อนของเธอ

“ที่รัก ขอฉันเข้าไปหน่อยนะ แป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็รีบเอาออกมาละ ฉันรับรองได้…”

ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชื้นแฉะตรงหน้าเขา เป็นสิ่งล่อใจที่ทรงพลังที่ทำให้เขาไม่อาจต้านทานตัณหาได้

“ยศพล ไม่ได้นะ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ...”

จารวีรู้สึกประหม่า ไม่นานนักก็ทรุดตัวลงไปนอน

ยศพลยิ้มขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็ออกห่างจากจารวี “ฉันไปอาบน้ำเย็นก่อนนะ”

ทั้งสองคนจูบและสัมผัสนัวเนียกันตั้งแต่เช้าตรู่ จุดที่ควรจูบก็จูบหมดแล้ว จุดที่ควรสัมผัสก็สัมผัสมาพอแล้ว

ขาดไปแค่ขั้นตอนสุดท้าย ยศพลวิ่งไปอาบน้ำอย่างอาลัยอาวรณ์

จารวีเร่งให้เขาเข้าไปอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าแล้วลุกขึ้น เพราะไม่รู้ว่าเธอยังนอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก

ตอนที่ยศพลออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มีผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวของเขา

ผมยังเปียก มีหยดน้ำเล็กๆเกาะเหมือนกับคริสตัล ร่างกายส่วนบนที่เซ็กซี่ดูแข็งแกร่ง หยดน้ำเล็กๆตามเรือนร่างทำให้ดูเซ็กซี่และเกรี้ยวกราด เอวที่คอด ขาที่เรียวยาว ณ จุดจุดนี้พูดได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่เป็นอย่างมาก

จารวีเห็นเข้าก็เกิดอาการเขินจนเครื่องในสั่นคลอนไปหมด

ยศพลจึงหันไปยิ้มให้เธออย่างชั่วร้าย “อยากจะลองอีกครั้งป่ะ”

จารวีตกใจจนกระโดดขึ้นโซฟา “ยศพล นี่จะแปดโมงแล้ว นายต้องรีบไปทำงานนะ เดี๋ยวฉันเก็บของเสร็จ ก็จะไปบริษัทด้วยเหมือนกัน”

ยศพลหันมา ผ้าเช็ดตัวก็ตกลงไปกองอยู่กับพื้น ลายซิคแพคอันเซ็กซี่ก็ปรากฏออกมาให้เห็นเบื้องหน้าของจารวี

“เธอไม่ต้องไปบริษัทน้องวีจำกัดชั่วคราว ฉันมอบอำนาจในการรับผิดชอบให้กับเวทิศไปแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้เขาโทรมาหา เธอ เธออยู่บ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”

ยศพลพูดจบ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย

ชุดสูทที่ถูกตัดให้เหมาะสมกับสรีระของเขา เสื้อเชิ้ตสีดำก็ทำให้เขาดูแพง น่าเคารพและดูลึกลับ

ดูเป็นคนที่มีอำนาจและพลังมหาศาล

จารวีเห็นก็รู้สึกเหมือนจะโดนดูดวิญญาณเข้าไป

ยศพลยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ มุ่งหน้าก้าวเท้าไปหาจารวี “เมื่อกี้ยังไม่พอเหรอ อยากจะให้ฉันถอดเสื้อผ้าให้เธอดูอีกรอบมั้ย”

หน้าของจารวีแดงไปหมด แล้วยื่นมือออกไปจัดเนคไทให้เขา “ทำไมต้องจริงจังด้วยล่ะ”

แววตาของยศพลมีประกายที่มีความมืดมน “ตอนที่ยิงกันครั้งก่อน ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ เธอก็อย่าออกไปไหนนะ มันอันตรายมาก”

จารวีเงยหน้าขึ้นและมองดูเขาด้วยความสับสน "มีคนกำลังหมายหัวฉันอยู่งั้นเหรอ แต่ฉันไม่มีอะไรให้พวกมันแย่งไปนี่ พวกมันกำลังเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า"

ใช่ ใครจะฆ่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ หรือจนกระทั่งผู้หญิงที่ไร้สมองแบบเธอ จารวีงงเป็นอย่างมาก

ยศพลฉีกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาเป็นประกาย รวบทั้งสองมือของจารวีไว้แล้วดึงเธอมาอยู่ในอ้อมแขน “ตอนนี้เธอไม่ได้มี อะไรที่ไหนล่ะ ในท้องของเธอ มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันอยู่ ยศพลคนนี้เชียวนะ ฉันอยู่ในเมืองเอสมาหลายปี แย่งธุรกิจของคนไปแล้วไม่น้อย ในโลกธุรกิจฉันก็ทำให้คนหลายคนขุ่นเคืองมามาก พวกมันก็คงจะอยากแก้แค้น ทำให้ฉันเจ็บปวด”

คำอธิบายของยศพลทำให้จารวีรู้สึกโล่งใจ เพราะคำอธิบายเหล่านี้สมเหตุสมผล

จารวีพยักหน้า มือเล็กๆจัดกระดุมเสื้อเชิ้ตของยศพล “รู้แล้ว ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ นายรีบไปบริษัทได้แล้ว”

บางทีสิ่งต่าง ๆ มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ก็ได้ ยศพลจะจริงจังมากเกินไปรึเปล่า

ตอนที่จารวีลงจากตึก น้าอามก็วิ่งไล่ตามเงาของยศพลและตะโกนเรียก “คุณชายคะ ไม่ทานมื้อเช้าเหรอคะ..”

จารวีเดินไปถึงหน้าประตู รถของยศพลขับออกไปแล้ว น้าอามส่ายหัวแล้วเดินกลับเข้าบ้าน

“ได้ค่ะ”

ยังไงก็พามาร้านอาหารแนวตะวันตก แต่ทุกครั้งก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน มันเปลี่ยนไปหมดทุกอย่างแล้ว มีแค่สภาพจิตใจของสองคนนี้ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง

“วี ยังจำได้มั้ย ตอนที่เรายังเด็ก…” มนต์ตรีพูดออกมาอย่างมีความสุข ใบหน้าเต็มไปด้วยความเพ้อฝัน

จารวีไม่มีความอยากอาหาร “พี่มนต์ เรื่องเมื่อก่อนก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ พวกเราคงไม่มีใครอยากไปนึกถึงมันแล้ว”

มนต์ตรียังพูดไม่ทันจบก็ถูกจารวีพูดขัดจังหวะ

“วี วีเปลี่ยนไปแล้ว…”

มนต์ตรีพูดประโยคก่อนหน้านี้ออกมาด้วยความยากลำบาก จารวีก้มหน้าไม่พูดอะไร ใช่ คนเราก็เปลี่ยนไปหมด เมื่อเราโตขึ้นความเข้าใจชีวิตในโลกนี้ของเราก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ

นี่ไม่ใช่ความผิดของหล่อน

“พี่มนต์ วีไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก วีก็ยังคงเป็นจารวี วีก็แค่...โตแล้ว พี่มนต์ วีหวังว่าพี่จะตาสว่างได้เร็วๆนะ วีรู้ว่าพี่ดีกับวี เมื่อก่อน วีเคยคิดว่าการที่พี่ทำดีกับวีคือความรัก แต่ตอนนี้หลังจากที่วีพบรักแท้แล้ว วีถึงรู้ว่าความรู้สึกระหว่างเราไม่ใช่ความรัก แต่มันคือความเชื่อมั่น ความเชื่อใจ ความรู้สึกที่เกินกว่าความรัก ความรู้สึกระหว่างเรามันไม่ใช่ความรักนะพี่มนต์ พี่มนต์เข้าใจใช่มั้ย”

ดวงตาสีน้ำตาลของมนต์ตรีจ้องมองจารวีอย่างตกตะลึง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำว่าคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนเหล่านี้จะออกมาจากปากเล็กๆของเธอ

ในใจของเขาสั่นไปหมด เขารู้สึกสูญเสียและสิ้นหวังอยู่ในก้นลึกของหัวใจ แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้แสดงอาการออกมามากนัก

มีดกับส้อมในมือของเขาตัดอาหารแข็งทื่อราวกับเครื่องจักร ตาก็จ้องมองจารวีเป็นเวลานาน

จารวีจ้องมองเขา มองเห็นว่าดวงตาทั้งสองของเขาสั่น และมีน้ำตาระยิบระยับในพริบตา

นั่นเขาน้ำตาไหลออกมาเหรอ

เธอพูดอะไรผิดไปจริงเหรอ

“พี่มนต์ ทำไมพี่ต้องเอาเรื่องมาโยงกันด้วย ทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว พี่ต้องดูแลคนข้างกายที่รักพี่ให้ดีๆ”

มนต์ตรียิ้มอย่างไร้วิญญาณ รอยยิ้มของเขาซีดและจืดจางอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ บางทีแม้แต่คำพูดที่จะทำให้เขาดีใจ เธอก็คงไม่เต็มใจจะพูดออกมา

เขาจะไม่ถามอีกแล้ว เขาไม่อยากจะทำกริยาที่ไม่ดีต่อหน้าเธอ ก็ได้ ในเมื่อเธอให้เขาเป็นแค่พี่ชายของเธอ แบบนั้นเขาก็จะทำตามประสงค์ของเธอ

“วี ถ้าวีตั้งใจจะพูดแบบนี้จริงๆ พี่ก็จะไม่ทำให้วีลำบากใจ ตั้งแต่นี้ไป พี่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง พี่จะไม่ทำให้วีลำบากใจหรืออึดอัดใจอีกแล้ว”

พอมนต์ตรีสงบจิตสงบใจได้ เขาก็วางมีดกับส้อมในมือลง ทั้งสองคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารมาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่อาหารตรงหน้ากลับไม่ร่อยหรอไปเลยแม้แต่น้อย

เห็นชัดอยู่ว่าตอนนี้คือฤดูร้อน แต่ว่าทำไมเขานั่งอยู่ตรงนี้ถึงได้รู้สึกหนาวเหน็บเหมือนอยู่ในฤดูหนาว มนต์ตรีไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว

“พี่มนต์ วีคิดว่าจริงๆแล้วคุณสุรีย์วัลย์ก็ไม่เลวนะ”

มนต์ตรีเช็คบิลเสร็จก็ลุกขึ้นแล้วยิ้มอ่อนให้เธอ “อื้ม พี่รู้ว่าวีหมายความว่ายังไง พี่รู้ว่าตัวพี่ควรทำยังไง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย