เล่ห์รักเมียตัวน้อย นิยาย บท 162

ตอนที่ 161 รักแรกพบ

ยศพลพลิกแผ่นดินเมืองS เพื่อตามหาจารวี แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา

“คุณครับ รถสปอร์ตคันนั้นมาจอดที่สนามบิน ถ้าดูจากกล้องวงจรปิดแล้ว คุณจารวีเข้าไปที่ที่สนามบินตอน9โมง10นาที

แล้วก็ไม่ออกมาอีกเลยครับ”

“นายสืบเกี่ยวกับเที่ยวบินรึยัง”

“สืบหมดทุกสายการบินแล้วครับ แต่ก็ไม่มีชื่อของคุณจารวีเลย” นิรันตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ยศพลโมโหจนวางที่เขี่ยบุรี่คริสตัลราคาแพงลงพื้นอย่างแรง เสียงดังลั่น

จารวี เธอหนีไปไหนกันแน่!!!

การจากไปของจารวี ทำให้ยศพลรู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เธอไม่พูดอะไรซักคำ อยู่ดีๆก็จากไปอย่างกะทันหัน

ยัยผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา ไม่มีคนคอยดูแลอยู่ข้างๆ แล้วจะทำยังไงล่ะ

“ยศพล น้าขอโทษจริงๆ น้าผิดเอง ตอนนั้นน้าควรจะเกลี้ยกล่อมเธอไว้ ไม่คิดจริงๆว่าอยู่ๆเธอจะจากไปแบบนี้....” น้าอาม ขอโทษอย่างกระสับกระส่าย

“ออกไป...” ยศพลตะคอกออกมาด้วยความรำคาญ

น้าอามตกใจอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นยศพลโมโหขนาดนี้มาก่อนเลย เธอไม่กล้าแม้แต่เปล่งเสียงออกมาจากลำคอ ค่อยๆเดิน ถอยออกมา ได้แต่พูดกับตัวเองในใจว่า จารวีต้องไม่เป็นอะไร! จารวีต้องปลอดภัย!

ยศพลปลดเน็คไทไทที่คอออกอย่างรุนแรง ตอนนี้เขาเหมือนสิงโตที่บ้าคลั่ง เดินวนไปวนมาที่ห้องรับแขกแบบกระสับกระส่าย

หัวเขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ถึงจะพลิกหาทั้งสนามบินและลานจอดรถ ยังไม่ได้ข่าวของจารวีเลยแม้แต่นิดเดียว

ราวกับว่าเธอหายไปในอากาศ

“รีบไปพานิชาภามาที่นี่ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” ยศพลพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

นิรันรีบพยักหน้าตอบรับทันที “ได้ครับ!”

ยศพลทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรง ในมือถือโทรศัพท์ เอาแต่โทรหาจารวีครั้งแล้วครั้งเล่า

“หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

ไม่ว่าจะโทรไปกี่สิบครั้ง ก็ได้รับคำตอบแบบเดิม ยศพลหายใจอย่างรุนแรงจนปอดแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

ผู้หญิงคนนี้ มีอะไรก็คุยกันดีๆไม่ได้เหรอ จำเป็นต้องขาดการติดต่อแล้วหายไปแบบนี้ ถ้าเกิดว่า...

ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงแล้ว ยศพลยังไม่ได้ข่าวคราวของตารวีเลยแม้แต่น้อย เค้าเริ่มที่จะรู้สึกหมดหวังแล้ว

นิชาภาเดินตามหลังนิรันเข้ามา ที่พื้นมีแต่เศษแก้ว แล้วก็กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด นิชาภาคลี่ยิ้มออกมา เธอพอจะเดาออก ว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

“ยศพล ฉันกลับมาแล้ว!”

เธอเสแสร้งทำเป็นตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า มองไปรอบๆห้องรับแขก “ยศพล เกิดอะไรขึ้นน่ะ”

ยศพลลุกขึ้นจากโซฟา กระชากเสื้อผ้าของนิชาภา พร้อมผลักเธอเข้ากำแพงอย่างแรง

หลังศีรษะของนิชาภาชนกับกำแพงอย่างรุนแรง เธอเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา

แต่เธอยังคงมองหน้ายศพลด้วยสายตาราวกับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

“ยศพล เกิดอะไรขึ้นเหรอ คุณเป็นอะไรน่ะ”

ยศพลถูกความโมโหครอบงำ มือของเขาที่แข็งราวกับเหล็กกล้าบีบคอเธอเอาไว้

ใบหน้าหล่อเหลานั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยความมืดมน ดวงตาแดงกล่ำดูราวกับสัตว์ร้าย

“ตอบมา เธอพาจารวีไปที่ไหน”

นิชาภามองเค้าด้วยสายตาบริสุทธิ์ ยื่นมือเล็กๆออกไปผลักยศพลออก แล้วตอบอย่างยากลำบาก

“ปล่อยมือนะ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้....ฉันหายใจไม่ออก....”

พอมองใบหน้าเล็กๆของนิชาภาแล้ว จากใบหน้าขาวๆกลายเป็นสีแดง ยศพลเลยปล่อยมือออก

แต่ยังคงสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ใดๆ และมองหน้าเธอด้วยสายตาดุร้าย

“รีบบอกมา ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

“เฮ้อ....” นิชาภาหายใจเข้าออกพร้อมกับไออย่างรุนแรง เป็นอย่างนั้นซักพักหนึ่ง เธอจับคอของตัวเองที่พึ่งโดนบีบอย่าง รุนแรง พร้อมกับมองหน้ายศพล

“ยศพล คุณพูดอะไรของคุณน่ะ จารวีไม่ได้อยู่ในบ้านหรอกเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ”

“อย่ามาพูดจาไร้สาระ ฉันเช็คประวัติการโทรเข้าออกของจารวีหมดแล้ว เมื่อวานเธอโทรหาจารวี เธอทำอะไรกับเขากันแน่”

ยศพลพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แววตามีแต่ความโหดเหี้ยม

เสียงต่ำๆของฟังแล้วชวนขนหัวลุกอย่างมาก “เธอก็รู้นะว่าคนอย่างฉัน ไร้ซึ่งเมตตา แม้แต่ผู้หญิงก็ไม่เกรงใจหรอกนะ”

“ยศพล คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับจารวีมาโดยตลอด ฉันก็แค่โทรไปทักทาย ฉันจะเอาเธอไปซ่อนไว้ได้ยังไง ล่ะ!” นิชาภาตอบอย่างกระวนกระวาย “ฉันพักอยู่ที่ไหน คุณก็รู้ ก็ลองไปค้นดูสิ ถ้าเจอเงื่อนงำอะไรเกี่ยวกับจารวีแม้แต่นิดเดียว ฉันจะลงโทษตัวฉันเอง”

ดูท่าทางเธอมั่นใจขนาดนั้น ยศพลมองเธอด้วยความสงสัย

“เข้ามา!” ยศพลตะโกน หลังจากนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามา

“เอาเธอไปขังไว้ห้องใต้ดิน”

ยศพลสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

นิชาภาตะโกนออกมาด้วยความไม่เต็มใจ “ยศพล คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ได้ทำร้ายจารวีเลยแม้แต่น้อย อย่าขังฉันเลย”

ยศพลมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น “ฉันมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เธอเปิดปาก”

ในขณะนั้น ในเมืองเล็กๆที่ไม่มีคนรู้จัก รสบัสคันใหญ่ก็ค่อยๆจอด

ผู้โดยสายคนอื่นๆได้ลงจากรถกันหมด เหลือก็แต่จารวีที่ยังนั่งอยู่ เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะไปที่ไหน

“คุณผู้หญิงครับ พวกเรามาถึงสถานีปลายทางแล้ว ลงรถเถอะครับ พวกเราต้องทำความสะอาดแล้ว”

พอผู้โดยสายลงรถจนหมดแล้ว คนเก็บตัวก็จะเริ่มทำความสะอาด จึงเตือนให้จารวีลงรถ

จารวีค่อยๆลุกขึ้นและลงจากรถ

เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ งามแบบโบราณ แสงไฟสลัว พอเงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นดวงดาวส่องสว่างเต็มท้องฟ้าไปหมด

ความเศร้าหมองในใจของเธอก็ดีได้ผ่อนคลายลงบ้าง

เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หวังจะหยิบเงินออกมาเปิดโรงแรมนอน แต่ปรากฏว่าในกระเป๋าเสื้อนั้นว่างเปล่า

จารวีดีใจเป็นอย่างมาก กอดเค้กไว้อย่างซาบซึ้ง

“ขอบคุณมากนะคะ คุณดนวัติ...”

“อ่า รถฉันอยู่ทางนี้”

จารวีกอดเค้กไว้ พร้อมกับขึ้นไปนั่งบนรถของดนวัต เธอรู้สึกว่าเธอโชคดีมาก

ในเมืองเล็กๆที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้ กลับได้เจอคนรู้จัก แต่ประเด็นก็คือ คนรู้จักคนนี้ เธอนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอ เขาที่ไหน

รถได้ขับออกห่างจากเมืองเล็กๆนี้ ฟ้ามืดไปหมด มีเพียงยแต่แสงสว่างจากไฟหน้ารถเท่านั้น

ด้านหน้าสองข้างทาง มีแต่ป่าที่ดำมืด

“คุณไม่ได้อยู่ที่เมืองเมื่อกี้เหรอคะ”

“ใครบอกว่าฉันอยู่ที่นั่นกันล่ะ”

“แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนกันล่ะ”

พอคุยไปคุยมา เธอก็รู้สึกว่านามสกุลนี้ดูคุ้นๆนะ เธอตกใจพร้อมกับถามขึ้นมาว่า “คุณรู้สึกตนชื่อยศพล โฉมเฉิดมั้ยคะ”

ดนวัตมองเธออย่างไม่แยแส “คนนามสกุลนี้มีตั้งเยอะแยะ ฉันจะไปรู้จักทุกคนได้ยังไง”

งั้นก็ดี คนนามสกุลโฉมเฉิดคนเดียวที่เธอรู้จัก ก็คือยศพล โฉมเฉิด

รถได้แล่นมาจนถึงชายหาดแห่งนึง จึงได้จอดลง

จารวีลงรถ ลมทะเลได้พัดผมที่ยาวสลวยของเธอ เธอกินเยอะเข้าไปเยอะมาก เลยไม่รู้สึกหิวแล้ว

หลังจากลงจากรถแล้ว ถึงได้รู้สึกถึงทรายที่อยู่ตรงฝ่าเท้า ด้านหน้าเป็นทะเลสีคราม พระจันทร์ดวงกลมโตอยู่ด้านบนของทะเล คลื่นลูกใหญ่พัดมาพร้อมกับลมยามค่ำคืน....

บนทะเล มีเรือสำราญที่ใหญ่โตและหรูหราจอดอยู่ บนเรือมีแสงไฟมากมาย ดูสวยงามมาก

“นี่มัน นี่มันบ้านของคุณเหรอ ล้อกันเล่นรึเปล่าเนี่ย”

“คุณจารวีครับ จำผมไม่ได้จริงๆเหรอ” ดนวัตจับมือเธอไว้พร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย

อยู่ดีๆจารวีก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี เธอเหม่ออยู่นาน ถึงจะค่อยได้สติ

“นะ...นะ...นายนี่เอง ดนวัต...นายเป็นมาเฟีย”

ดนวัติไม่ปฏิเสธพร้อมกับมองไปยังทะเลกว้าง

“ไหนๆเธอก็มาที่นี่แล้ว ไปเข้าร่วมซะหน่อยสิ!”

จารวีรู้สึกกลัวขึ้นมา เธอรีบถอยหลัง

“ไม่ดีมั้ง ตอนนี้ฉันคงไม่ค่อยสะดวก วันอื่นค่อยมาดีกว่านะ”

ดนวัตใช้มือที่แข็งเหมือนเหล็กจับเธอไว้ “คุณจารวี ครั้งที่แล้วเธอช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนซักที ถ้ายังงั้น ตอนนี้ ให้ฉันตอบแทนหน่อยเถอะ!”

จารวีขัดขืนแล้วเดินถอยออกมา จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองคนอุ้มเธอขึ้นเรือไป

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือของจารวีถูกเสียงคลื่นในทะเลกลบไปหมดแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย