เล่ห์รักเมียตัวน้อย นิยาย บท 54

ตอน53 โลกที่เกลียดชัง

จารวีเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “คุณคือ...”

“อุ้ย ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่ถูกพลสลัดทิ้งสินะ”

จารวีนึกออกทันใด ผู้หญิงคนนี้คือดาวรุ่ง จารวีเคยเจอเธอครั้งแรกเพียงแวบเดียวที่บ้านของยศพล

ดาวรุ่งหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา เธอหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบพลางนั่งพ่นควันสีขาวข้างๆจารวีอย่างสบายใจ

หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน เธอส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามมายังจารวีพลางเอ่ย “เขาให้เงินเท่าไรล่ะ”

จารวีขยับตัวไปด้านหลังพลางเอ่ย “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”

“ฮ่าๆ อย่ามาเสแสร้ง คุณยอมเป็นของเล่นของเขาก็เพื่อหลอกเอาเงินไม่ใช่หรือไง ได้ไปเท่าไรแล้วล่ะ บอกกันบ้างสิ”

จารวีรู้สึกว่าสิทธิของตัวเองกำลังถูกรุกราน

เธอพยุงตัวกับชั้นดอกไม้พลางยืนขึ้น

“คุณดาวรุ่ง กรุณาเคารพดิฉันด้วยค่ะ”

“เคารพหรอ! เคารพโสเภณีแบบแกเนี่ยนะ!!”

ดาวรุ่งหยัดยืนเต็มความสูง สายตาบ่งบอกถึงความเดือดดาล “เป็นเพราะแก ทำให้ฉันไม่ได้เป็นสตรีเบอร์หนึ่ง แถมยังต้องมาอยู่ไปวันๆแบบนี้อีก แกพูดมาซิ จะให้ฉันจัดการกับแกยังไงดี”

จารวีเดินขากะเผลกก้าวไปข้างหลังหนึ่งก้าว “คุณนี่ประหลาดจริงๆ ฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน เรื่องของยศพลก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน คุณอยากจะเลื่อนขั้นเป็นเบอร์หนึ่งคุณก็ไปบอกเขาเองสิ มาบอกฉันทำไม”

ดาวรุ่งหยิบบุหรี่ในมือจ่อไปที่ใบหน้าของจารวี

“เป็นเพราะแก เพราะแกคนเดียว อีกนิดฉันก็ได้นอนกับเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะแกโผล่เข้ามา สตรีแบบฉันคงไม่ต้องมาอยู่ไปวันๆแม้แต่เบอร์สามก็ยังไม่ได้เป็นแบบนี้”

จารวีหลบซ้ายหลบขวาจากการจู่โจมของดาวรุ่งเป็นพัลวัน แต่เป็นเพราะเท้าของเธอยังไม่หายดีเลยทำให้ขยับตัวไม่สะดวก

พลันสายตาของดาวรุ่งก็เหลือบไปเห็นรถเข็นที่ข้างตัวของจารวี เธอหันไปออกแรงผลักรถเข็นอย่างเต็มแรง ด้วยหวังจะให้ชนจารวี

เมื่อเห็นว่ารถเข็นค่อยๆเคลื่อนเข้าหาจารวี พลันสายตาของดาวรุ่งก็บ่งบอกถึงความสะใจที่จะได้แก้แค้น

จารวีร้องเสียงแหลมพลางถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นก้าวสุดท้ายของเธอก็เหยียบเจอแต่ความว่างเปล่า เพราะเธอได้ถอยมาจนถึงหน้าประตู ร่างเล็กของเธอกำลังจะหงายหลังล้มลง เธอมองเห็นรถเข็นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆและคงจะถึงตัวเธอในไม่ช้านี้

ทันใดนั้น มีมือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาคว้าเอวจารวี พลางอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างมั่นคง เขาใช้เท้าเตะเข้าที่รถเข็นที่อยู่ด้านหน้าของเธอออกไปอย่างเต็มแรง จารวีเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับสีหน้าที่เดือดดาลของยศพล

เขาอุ้มจารวีไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น พลางย่างสามขุมเข้าไปหาดาวรุ่ง ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปที่เธออย่างไม่ลดละ ดาวรุ่งไม่คิดเลยว่ายศพลจะปรากฏตัวออกมาตอนนี้ เธอตกใจแทบสิ้นสติ ใบหน้าซีดเผือด “พะ..พล เจ๋งมากๆเลย”

ยศพลปล่อยจารวีลงบนโซฟา พลางก้าวเท้าไปหยุดอยู่ที่หน้าของดาวรุ่ง เขาง้างฝ่าเท้าขึ้นมาพร้อมกับเตะไปที่ท้องของดาวรุ่งอย่างเต็มแรง

ดาวรุ่งถูกเตะจนเซไปด้านหลัง ตัวเธอไปกระแทกเข้ากับเคาท์เตอร์บาร์ เจ็บปวดจนล้มลงกับพื้น

เวลาผ่านไปสักพัก พอตั้งสติได้ เธอจึงยกมือขึ้นกุมหัว ใบหน้าบิดเบี้ยว เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นยศพลเดินตรงเข้ามาหาเธออีกครั้ง เขายื่นมือมาคว้าเข้าที่คอเสื้อของเธอ

“ผมเตือนเธอนะ ถ้าเธอกล้าเข้าใกล้วีอีกแม้แต่ก้าวเดียว เธอตายแน่!!”

ดาวรุ่งน้ำตาคลอ พลางเอ่ยอย่างติดๆขัดๆ “คะ คุณ ตะ..ตีผู้หญิง”

ยศพลหรี่ตาลงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “คนอย่างยศพลไม่ถือเรื่องตบตีผู้หญิง หรือแม้แต่ฆ่าผู้หญิง..ผมก็ทำได้

ดาวรุ่งตะลึงงัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่ายศพลจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้ ไม่มีแม้แต่ไมตรีจิตระหว่างกัน..

พูดจบยศพลก็ปล่อยมือจากคอเสื้อของเธอ พลางหันหน้าไปกำชับกับร.ป.ภของสโมสร

“เอาตัวยัยผู้หญิงคนนี้ออกไป ครั้งหน้าถ้าผมเห็นเธอที่นี่อีก ผมจะถอนหุ้นออกจากบริษัทพวกแก”

“รับทราบครับท่านประทานยศพล อย่าได้กังวลไปเลยครับ พวกกระผมจะรีบไล่ให้เธอออกไปเดี๋ยวนี้”

ประธานยศพลคือลูกค้าวีไอพีคนสำคัญของที่นี่ แม้แต่ประธานบริษัทของพวกเขายังต้องยอมศิโรราบให้กับท่านประทานยศพล แล้วลูกน้องอย่างพวกเขาจะกล้าขัดคำสั่งได้อย่างไร

พวกเขารีบจับดาวรุ่งโยนไปด้านนอก

ดาวรุ่งผิดหวังอย่างถึงที่สุด เธอร้องห่มร้องไห้อย่างน่าเวทนา

ยศพลหันหลังกลับไปมองจารวี เธอกำลังมองมาที่ยศพลอย่างตกตะลึง

ยศพลกระตุกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาเป็นประกาย เขาก้าวยาวๆเข้าไปหาจารวีพลางอุ้มร่างเล็กขึ้น

จารวีอยู่ในวงแขนแข็งแกร่ง มือทาบไว้ที่อกเขา พลันหัวใจดวงน้อยก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

บางที.. แท้จริงแล้วผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

อย่างน้อยก็ยังมีข้อดีที่น่าชื่นชมอยู่บ้าง

เมื่อการทะเลาะวิวาทสิ้นสุดลง คนในห้องโถงใหญ่ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างก็เงียบไม่พูดจา พลางจับจ้องไปยังยศพลที่กำลังอุ้มจารวี หลังจากเขาและเธอออกไปยังด้านนอก คนเหล่านั้นถึงกล้าที่จะหันไปซุบซิบนินทา

ที่เคยได้ยินมาว่าท่านประธานยศพลแห่งบริษัทบริษัทSTกรุ๊ปจำกัดเป็นคนโมโหร้าย ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

หลังจากเดินออกมาจากสโมสร สามารถมองเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีแสนกว้างใหญ่

เจ้าหน้าที่จูงม้าสีขาวตัวหนึ่งเข้ามา ม้าตัวนี้รูปร่างงดงาม ขนสีขาวสวยงามราวกับก้อนเมฆ

มันขยับไปมาท่ามกลางลมที่พัดโชย ดวงตาของมันสวยงามดุจอัญมณีสีแดง

จารวีเอ่ยถามพลางมองไปยังม้าตัวนั้น “พวกเราจะมาดูม้าหรอ”

“จารวี เธอนี่มันซื่อบื้อจริงๆ ไม่รู้จักจินตนาการบ้างเลยหรือไง”

ยศพลก้มลงจุมพิตไปที่ริมฝีปากของจารวี เขาจงใจดูดเม้มสักพัก จารวีหายใจหอบเหนื่อยหัวใจเต้นแรง ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาถึงยอมถอนจูบออกพลางอุ้มจารวีไปปล่อยลงบนหลังม้า

จารวีตกใจจนแทบสิ้นสติ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยขี่สัตว์ที่ตัวสูงใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

“มะ ไม่เอา พาฉันลงไปเดี๋ยวนี้เลย”

จารวีหมอบลงบนหลังม้า มือของเธอรวบขนของมันแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะยืดตัวขึ้นมา ใบหน้าเล็กหวาดกลัวจนซีดเผือด เจ้าหน้าที่ยิ้มพลางเอ่ย “คุณไม่ต้องกลัวนะครับ ม้าตัวนี้เชื่องมาก”

ยศพลกุมข้อมือตัวเองพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาจ้องมองเธออย่างสงบ ดวงตาแสดงออกถึงความลำพองใจ

“จารวี ไหนเธอเก่งนักเก่งหนาไง จะกลัวอะไรแค่ม้าตัวเดียว”

จารวีส่ายหัวเป็นพัลวัน “ยศพล เอาฉันลงเถอะนะ คุณไม่เห็นหรอว่าขาฉันเจ็บ”

ใบหน้าหล่อคมคาย เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ริมฝีปากบางของเขามักจะพูดหยอกล้ออย่างยียวนกวนประสาท

จารวีเปรยตามองเข้าพลางเอ่ย “เหอะ ยังไงฉันก็ชนะคุณ”

ทันทีที่เธอพูดจบ ยศพลก็เอาแส้มาในมือของตนฟาดลงที่บั้นท้ายของม้าตัวสีขาวที่เธอนั่งอยู่ เจ้าม้าวิ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วกว่าเดิม

แต่ครั้งนี้ จารวีไม่ได้รู้สึกกลัวขนาดนั้นแล้ว เธอคีบเกือกม้าไว้อย่างแน่นหนา ทั้งยังหันกลับมามองทศพลอย่างเอาเรื่อง

“ฮ่าๆๆ”

ไม่นานยศพลก็ไล่ตามเธอทัน เขาส่งเสียงหัวเราะอย่างอิ่มเอมใจ

ต้นแอปเปิ้ลที่สูงโดนเด่นปรากฏแก่สายตาของเขาทั้งสอง จารวีเริ่มเรียนรู้ที่จะควบคุมม้าตามยศพล

ผลก็คือ ไม่ว่าเธอจะโบยแส้ไปบนตัวเจ้าม้ายังไงมันก็ไม่เพิ่มระดับความเร็ว

แต่ทว่าม้าของยศผล วิ่งแซงม้าของเธอไปอย่างง่ายดาย

เมื่อจารวีไปถึง ก็พบว่ายศพลรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นก่อนแล้ว

ยศพลยื่นมือไปดึงเชือกม้าของจารวีพลางอุ้มเธอลงจากหลังม้า

เพลานี้ ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีทองยามอัสดงแผ่ปกคลุมทั่วทั้งทุ่งหญ้า

ยศพลกดจารวีลงกับทุ่งหญ้าที่อ่อนนุ่ม ดวงตาคมเข้มสบเข้ากับนัยน์ตาของเธอ

“จารวี ทำไมเธอถึงอยากจะไปจากผมนักล่ะ”

เมื่อสักครู่ เพียงแค่เขาพูดว่าจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เธอก็มีแรงฮึดขึ้นมาทันที แม้แต่ชีวิตตัวเองยังไม่ห่วง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจ

แต่ไหนแต่ไรมา พวกผู้หญิงล้วนแต่อยากจะอยู่ใกล้ชิดเขา ยกเว้นจารวี...

จารวีถูกเขาจับกดไว้ ราวกับลูกแกะที่อยู่ในกำมือ เธอกระพริบตาไปมา

“ยศพล ฉันอยากรู้ว่าคุณมีความอาฆาตอะไรกับคนที่บ้านพูลสวัสดิ์หรอ”

สีหน้าของยศพลบึ้งตึงขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

เธอใช้นามสกุลพูลสวัสดิ์ เธอก็เป็นคนบ้านพูลสวัสดิ์ เขาพยายามอย่างมากที่จะซ่อนเรื่องนี้ไว้ให้ลึกที่สุดของหัวใจ

แต่เธอกลับพยายามขุดคุ้ยมันขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งมันเตือนสติเขาให้รับรู้ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องโง่ๆอยู่

ยศพลยืดตัวขึ้น พลางออกแรงผลักจารวีไปอีกทาง

“ยัยผู้หญิงไม่รู้จักเวลา ผมหมดอารมณ์กับเธอแล้ว”

พูดจบ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางเดินไปที่ใต้ต้นไม้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังม้าพร้อมควบออกไปจนไกลสุดลูกหูลูกตา

จารวีนึกฉงน ทำไมทุกครั้งที่เธอพูดถึงเรื่องนี้ เขาต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ทุกทีเลยนะ

ถ้าหากบ้านพูลสวัสดิ์กับบ้านโพธิสูงมีความอาฆาตพยาบาทต่อกันจริง เช่นนั้นการปรากฏตัวของพ่อ จะไม่เป็นอันตรายหรือ

จารวีหวาดกลัวและเป็นกังวล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย