ตอนที่ 63 แฟนหนุ่มของเธอ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมคุยกับใครอยู่ครับ” น้ำเสียงที่น่าฟังของมนต์ตรีดังออกมาจากมือถือ
ใจของจารวีสั่นเล็กน้อย เสียงของพี่มนต์ เสียงที่จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
"พี่มนต์ ฉันเอง….."จารวีพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
"วี!"
มนต์ตรีตะโกนออกมาเบาๆ แล้วมีเสียงพูดมาจากฝั่งของเขา “ท่านประธานคะ การประชุมจะเริ่มแล้วค่ะ”
“เลื่อนออกไปอีกสิบนาที…”
"รับทราบค่ะ”
จารวีเงียบไป เธอตระหนักได้ว่าเธออาจจะรบกวนเวลาทำงานของมนต์ตรีเข้า เพราะที่จริงเวลานี้เป็นเวลาทำงาน
“วี พี่อยู่ วีพูดมาเลย”
"พี่มนต์ ขอโทษนะคะ ที่กวนเวลาทำงานพี่น่ะ…"
“ไม่เป็นไร วี พี่เลื่อนการประชุมแล้ว วี ตอนนี้วีอยู่ที่ไหน เขาดีกับวีมั้ย?”
น้ำเสียงของมนต์ตรีจริงจังมาก แสดงความกังวลต่อเธออย่างลึกซึ้ง
ความอ่อนโยนของเขารุกรานมาในใจของเธอ ทำให้จารวีรู้สึกมั่นคงและอบอุ่น รู้สึกหนักๆที่หางตา อยากจะร้องออกมาโดยไม่มีเหตุผล
“พี่มนต์….วี…”
จารวีนึกถึงฝันร้ายของเธออย่างไม่มีเหตุผล ถ้ายศพลเป็นคนร้ายที่ฆ่าคนในครอบครัวของเธอในฝันจริงๆ เธอควรจะทำยังไง
“ไม่ต้องกลัวนะ วี ถ้าเขาทำไม่ดีกับวี พี่จะไปรับวีเอง วีแค่บอกมาว่าตอนนี้วีอยู่ที่ไหน?”
เสียงของมนต์ตรีค่อยๆสงบนิ่งลง แฝงไปความอ่อนโยนและให้ให้รู้สึกปลอดภัย
“ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ พี่มนต์ วีมีเรื่องอยากจะรบกวนพี่สักหน่อยน่ะค่ะ”
“วี ว่ามาเลย อย่ามองพี่เป็นคนนอกแบบนี้สิ เรื่องของวีก็คือเรื่องของพี่”
คอของจารวีตึงไปหมด สะอึกสะอื้นไปสักพักใหญ่ๆ ถึงจะพูดออกมาเบาๆ “ลุงของวีค่ะ คุณลุงเขาชื่อเฉลิมชัย สองวันก่อนคุณลุงถูกจับคุมที่ธนาคารกรุงไทย ตอนนี้อาจจะอยู่ในเรือนจำที่ไหนสักแห่ง พี่ช่วยวีได้มั้ย วีอยากจะเจอคุณลุงสักครั้ง” มนต์ตรีเงียบไปสักพัก “วี พี่เดี๋ยวพี่จะให้คนไปสืบให้ วีวางใจเถอะ พี่จะรีบบอกความคืบหน้าให้กับวีในไม่ช้า”
จารวีหายใจเข้าลึกๆ “ขอบคุณมากค่ะ พี่มนต์”
“คุณจารวี คุณจารวีคะ…” พอได้ยินเสียงเคาะประตู จารวีก็รีบตัดสาย แล้วเปลี่ยนซิมมือถืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาผ้าห่มมาคลุมโปง แกล้งทำว่าหลับไปอีกครั้ง แล้วตอบกลับน้าอามอย่างขี้เกียจว่า “มีอะไรเหรอคะ?”
เงาของน้าอามเดินเข้ามา ใบหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย “คุณจารวี คุณชายเพิ่งจะโทรมาค่ะ เขาถามว่าทำไมคุณถึงปิดมือถือ”
อยู่ดีๆจารวีก็ใจเต้นตุ้บๆ อีตายศพลมันมีสัมผัสที่หกรึไง เช้าก็ไม่โทร เย็นก็ไม่โทร แต่ตอนเธอโทรหามนต์ตรีเขากลับโทรมาซะงั้น
“อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันโทรหาเขาเอง”
น้าอามมองเธออย่างสงสัย พยักหน้า แล้วเดินกลับออกไป น้าอามยังเดินไปได้ไม่ไกล มือถือของจารวีก็ดังขึ้นมาทันที จารวีรีบปรับอารมณ์ของตนแล้วรับสาย
“จารวี เธอทำอะไรถึงต้องปิดมือถือ”
พอกดปุ่มรับมือถือปุ๊บ ก็ถูกยศพลด่าเอายกใหญ่ จารวีรีบเอามือถือห่างออกจากหู
รอให้เขาพูดเสร็จ จารวีก็ตอบกลับไปเบาๆ “ฉัน ฉันนอนอยู่น่ะ เมื่อกี้อาจจะแบตหมด”
“ไว้คุยกันเถอะ ฉันอยู่ในบ้าน ถ้าโทรหาฉันไม่ติด ก็โทรหาคนอื่นในบ้านก็ได้นี่” จารวีตอบอย่างรำคาญใจ
สมองของตาบ้านี่ทำจากเต้าหู้รึไง คิดไม่ออกเลยสักวิธีเลยเหรอ
“โว้ยย นี่เธอไม่เข้าใจรึไง จารวี ฟังนะ จากนี้ไปถ้าเธอกล้าปิดมือถืออีก คอยดูละกันว่าผมจะจัดการกับเธอยังไง”
ยศพลพูดจบ ก็โกรธจัดจนวางสายไป เหลือแค่จารวีบีบๆนวดๆหูตัวเองอย่างรำคาญใจ จริงๆแล้วเขาเป็นท่านประธานของบริษัท ST กรุ๊ปจำกัดจริงรึเปล่าน่ะ ทำไมต้องทำตัวว่างมาทำให้คนอื่นไม่สงบสุข แถมยังโทรมาเพื่อต่อว่าเธอโดยเฉพาะ เธอจารวีคนนี้จริงๆแล้วสามารถจะกล้าดีทำตัวยังไงกับเขากัน
โทรศัพท์ถูกวางสายไปไม่ถึงสองนาที ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“โหล…”
“โหลบ้าอะไร เก็บของเลย คืนนี้ผมจะพาเธอไปเที่ยว”
"ฉันเจ็บขา ไม่อยากไปไหน…"
ตอนนี้จารวีอยากอยู่บ้านรอข่าวคราวจากพี่มนต์
“อย่าเพ้อเจ้อหน่อยเลย มีวีลแชร์นี่ ตามนี้แหละ” ยศพลพูดจบก็วางสายไป
จารวีคิ้วขมวด รู้สึกสับสนในใจ จะตายอยู่แล้ว ยังคิดที่จะพาเธอออกไปข้างนอกอีก ที่จริงหลังจากที่หมอนวดนวดให้ เท้าที่บาดเจ็บของเธอก็ดีขึ้นจากเดิมมากแล้ว
พอหกโมงกว่า น้าอามก็เข็นวีลแชร์เข้ามา “คุณจารวีคะ เมื่อกี้คุณชายได้บอกไว้…”
จารวีลุกขึ้นมาอย่างกะเผลก โบกมือปฏิเสธพลางพูดว่า “น้าอาม ฉันไม่นั่งวีลแชร์ค่ะ ฉันเดินเองได้”
นั่งแต่รถเข็นทำให้มีความรู้สึกที่ไม่มงคล มันเหมือนกับว่าเธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในรถเข็นคันนี้
ในใจด้านมืดของจารวีบอกกับตัวเองว่าจะไม่นั่งวีลแชร์อีกเป็นอันขาด
น้าอามเตือนอย่างลำบากใจ “คุณจารวีคะ อย่าดื้อเลยนะคะ นี่ก็เพื่อประโยชน์ของคุณจารวีเองนะคะ คุณจารวีนั่งวีลแชร์เถอะค่ะ”
“ฉันไม่นั่ง…”
จารวีเสียงต่ำลง ร่างสูงของยศพลเดินเข้ามาจากหน้าประตู แล้วเดินแทรกกลางทั้งสองอย่างไร้ความรู้สึก
“คุณชายคะ คุณจารวีไม่ยอมนั่งวีลแชร์ค่ะ” น้าอามพูด
จารวีนั่งอยู่บนวีลแชร์ ถูกยศพลเข็นไปยังลิฟท์ ระหว่างทาง ก็มีผู้คนมองมาด้วยสายตาแปลกๆ
จารวีรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ รู้สึกเหมือนคนอื่นมองหล่อนเป็นตัวประหลาด
เธออยากจะเอาหัวมุดหลบลงต่ำๆ
ในลิฟท์ขนาดใหญ่ มีหญิงงามขึ้นลิฟต์ ถูกรูปลักษณ์ภายนอกอันหล่อเหลาของยศพลทำให้ลุ่มหลงงมงาย
พอมองเห็นจารวีในวีลแชร์ ก็คิดว่าเธอเป็นคนพิการ
“สุดหล่อ สนใจมาเป็นเพื่อนกันหน่อยมั้ย คิกๆ ฉันมีแขนขาครบถ้วน คุณสามารถทำสิ่งต่างๆ กับฉันได้มากมายเลยน้า ต่างจากยัยคนพิการที่นั่งรถเข็นนี่ ต้องน่าเบื่อมากแน่เลย ... "
สาวสวยผมหยิกสีทองผู้เซ็กซี่คนนั้น มีความอาสาตัวเข้าไปหาเอง สายตาคู่โตไฟฟ้าชายตามองเสื้อเชิ้ตที่เปิดอ้าอยู่ มองเห็นไปถึงกล้ามเนื้อซิกแพคสีแทนที่ล่ำสัน เต็มไปด้วยยั่วยวนอย่างรุนแรง
สาวผมหยิกทนไม่ไหว ทำตัวอย่างอ่อนช้อยไปยืนอยู่ข้างหน้ากับยศพล
ยศพลเอียงตัวออก หรี่ตา ในแววตาแผ่รังสีความโกรธออกมา เหมือนกับว่าเพียงชั่วขณะ จะกระชากคอเสื้อผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา จะดันเธอไปติดบนผนังลิฟต์ ตวาดอย่างหล่อแบบเยือกเย็นและเข้มงวดว่า “เธอพูดว่าใครเป็นคนพิการนะ”
สาวงามผมหยิกพูดอยู่ในลำคอ หายใจไม่ค่อยออก ใบหน้าหวาดกลัว "ฉัน ฉันหมายถึงหล่อน ... "
ยศพลได้ยินคำนั้น ก็มีเสียงเพี๊ยะดังขึ้น สาวสวยผมทองสูญเสียความสวย “คุณตบฉัน….” เพื่อนอีกสองคนของเธอเห็นท่าเช่นนั้นกลัวจนไปหลบมุมและตัวสั่นไม่หยุด
เมื่อประตูลิฟท์เปิดขึ้น มีคนสองคนทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี ทิ้งเพื่อนของตัวเองไว้ แล้วรีบวิ่งออกจากลิฟท์
ในตอนนั้น พอแขกที่อยู่ข้างนอกเห็นภาพข้างใน ก็ไม่กล้าพูดอะไรและไม่กล้าเข้ามา
สาวผมทองตกใจกลัวจนตัวซีด “ปล่อยฉัน ปล่อยฉันสิ….”
ยศพลผลักเธอไปที่ด้านข้างและ พูดอย่างเย็นชาว่า "ผมเตือนคุณนะ ถ้าผมได้ยินคุณนินทาไร้สาระอีก ผมจะไม่เกรงใจแบบนี้แล้วนะ"
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนร้องไห้ออกมา มาสคาร่าผสมน้ำตากับแป้งบนหน้า เป็นคราบขาวคราบดำ หล่อนตกใจมาก “ขอโทษ ขอโทษ ฉันจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว…”
ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดขึ้นอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นกลัวมากจนไม่ได้หยิบกระเป๋าไป รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
จารวีมองไปที่ยศพลอย่างทุกข์ใจ
“ดูเหมือนว่าฝีมือการตบคนของนายจะเก่งมากนะ”
ยศพลฟังความเสียดสีในประโยคไม่ออก กลับอิ่มอกอิ่มใจอย่างมาก “นั่นมันแน่นอน”
เดิมทีเป็นตึกที่สูงสี่สิบแปดชั้น แต่ลิฟท์มาถึงชั้นสี่สิบสามก็หยุดลง
ตอนที่ประตูเปิดออก ยศพลเอามือกั้นประตูลิฟต์ และถามพนักงานว่า “ทำไมไปชั้นที่สี่สิบแปดไม่ได้ครับ”
“ขอโทษค่ะ ทั้งสองท่าน ลิฟท์จากที่นี่ไปยังชั้นที่สี่สิบแปดพังแล้ว หากทั้งสองท่านต้องการขึ้นไป ก็ต้องขึ้นบันไดเท่านั้นค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย