เล่ห์รักเมียตัวน้อย นิยาย บท 71

ตอนที่ 70 เธอยังมีชีวิตอยู่

ฟ้าค่อยๆมืดลง

ทีมช่วยเหลือของนักประดาน้ำในทะเลจำเป็นจะต้องหยุดลง ยศพลยังคงดื้อรั้นยืนอยู่ที่ชายทะเลเหมือนเดิม

เมื่อเห็นทุกคนหยุดการค้นหา ยศพลก็รีบตะโกนออกมาทันที “หยุดทำไมล่ะ หาต่อไปสิ หาต่อไป....”

นิรันพูดเสียงเบา “คุณชายครับ ตอนกลางคืนจะทำให้การมองเห็นในน้ำน้อยลงครับ หาต่อไปก็เสียแรงเปล่า พรุ่งนี้พอเช้าแล้วผมจะรีบให้พวกเขามาหาต่อทันทีเลยครับ”

เขายังพูดไม่ทันจบ ยศพลก็กระโดดลงไปในทะเลสะแล้ว

ผ่านไปสามวันสามคืนแล้ว

แต่ยังคงไร้วี่แววของจารวี ยศพลถูกนิรันลากขึ้นมาจากทะเล

เขาไม่กินไม่นอนมาสามวันสามคืนแล้ว เอาแต่โดดลงไปในทะเล จนร่างกายรับไม่ไหวแล้ว

ตอนที่นิรันดึงขึ้นมา เขาก็สลบไปเลยทันที

วันที่เขาเข้าโรงพยาบาล ทีมช่วยเหลือของนักประดาน้ำในทะเลก็ทำการหยุดการค้นหาอย่างเป็นทางการ

อันที่จริงทุกคนต่างก็รู้แน่ชัดอยู่แล้ว คนที่ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ชูชีพ ทั้งยังไม่ได้พกอาหารติดตัวไป คนที่ตั้งใจจะฆ่าตัวตายแบบนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่ในทะเลถึงสามวันสามคืน

เพียงแค่เพราะเกรงกลัวอำนาจของยศพล พวกเขาถึงไม่กล้าหยุดทำการค้นหา

แต่ตอนนี้เขาป่วย พวกเขาจึงได้จังหวะหยุดทำงานพอดี

จารวีหายสาบสูญไปแล้วจริงๆ ยศพลเหม่อมองไปที่แหวนวงนั้น

สิ่งที่ยศพลปรารถนาไว้ ก็คือต้องการให้คนของตระกูลบ้านพูลสวัสดิ์ตายไปให้หมด!!ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขาก็ควรจะมีความสุขสิ แต่ทำไมกลับไม่มีความสุขเลย แถมยังรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนที่จินต์ตายสะอีก

ในซอยแคบๆซอยหนึ่ง มีพ่อค้าริมถนนกำลังส่งเสียงขายของ

“เกาลัดคั่วจ้า เกาลัดคั่ว ทั้งหอมทั้งหวานเลยนะจ้ะ”

จารวีกระพริบตาปริบๆ พ่อกำลังกอดเกาลัดคั่วเดินเข้ามาหาเธอ พร้อมกับโผเข้าหาจารวีด้วยรอยยิ้ม

“วี มาหาพ่อเร็วลูก พ่อซื้อเกาลัดคั่วมาเต็มเลยนะ”

จารวีรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อด้วยความดีใจ

“วี รีบมาเร็ว แม่ก็มีเกาลัดคั่วอยู่ที่นี่เต็มเลยนะ รีบมาหาแม่เร็วเข้า”

แม่อ้าแขนยิ้มรับเธออยู่ จารวียิ้มปรี่วิ่งเข้าหาทันที

พ่อคะแม่คะ!!วีมาแล้วค่ะ

แต่ไม่ว่าจารวีจะพยายามวิ่งเท่าไร ระยะห่างของพวกเขาก็ยิ่งไกลออกไป เธอพยายามวิ่งแค่ไหนก็วิ่งไม่ถึง

พ่อกับแม่ยืนขึ้นอย่างรีบร้อน “วี ถ้าวียังไม่มาแม่กับพ่อจะไปแล้วนะ”

จารวีร้อนใจทันที เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง พ่อคะแม่คะ อย่าไป !! รอวีก่อน !

แต่แล้ว พ่อกับแม่ก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องหรูหราห้องหนึ่ง บนเตียงมีร่างที่ไร้เรี่ยวแรงนอนอยู่ ใบหน้าที่ซีดขาว มีหยดน้ำตาเกาะอยู่ เธอถูกฝันร้ายก่อกวนแต่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ มือเล็กเหมือนถูกความตายฉุดดึงเอาไว้

ริมฝีปากที่แห้งผากพูดออกมาอย่างกระสับกระส่าย “พ่อ...แม่...”

จารวีสะดุ้งตื่น ลืมตาขึ้นมาในทันที

ภาพที่เห็นค่อยๆชัดเจนขึ้น นี่มันที่ไหนกัน?

ห้องเหมือนกำลังโยกไปมา หรือว่าสมองเธอได้รับความกระทบกระเทือนกัน จารวีค่อยๆนึกย้อนกลับไปตอนที่ดิ่งลึกลงไปใต้ท้องทะเล แต่ก็ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้ในตอนท้าย

เธอค่อยๆคลำทางเดินลงจากเตียง มองสำรวจไปที่ด้านนอก ที่นี่คือเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่ง

เธอเตรียมเดินออกไปดูให้แน่ชัด แต่จู่ๆก็มีเสียงดุดันดังมาจากทางด้านหลัง

“มานี่!”

จารวีหันกลับไปมอง ก็เห็นผู้ชายท่าทางโหดเหี้ยมคนหนึ่งยืนอยู่ สภาพที่เห็นคร่าวๆก็คือหนวดที่ยาวรุงรังอยู่บนใบหน้า และรูปร่างสูงใหญ่กำยำ

แต่ที่แขนกลับมีเลือดไหลอยู่ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยคราบเลือด

จารวีตกใจสุดขีด จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอเกาะประตูไว้แน่น “คะ...คุณ คุณเป็นใครคะ”

“ฉันเป็นคนเดียวบนเรือลำนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากเธอยังไม่อยากตายละก็ ก็รีบทำตามที่ฉันบอกสะ”

ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนยศพลเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าหากพูดว่ายศพลโหดเหี้ยมอำมหิตแล้ว งั้นผู้ชายตรงหน้าคนนี้ก็คือเป็นปีศาจร้ายตนหนึ่งเลยล่ะ เสียงที่เลือดเย็น สายตาที่ดุร้าย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือกลิ่นคาวเลือด ที่ทำให้คนอื่นต้องสงสัยว่าเขาเพิ่งจะไปฆ่าใครมาหรือเปล่า

“เลิกพูดสักที ขืนเธอพูดมากไปกว่านี้ฉันจะฆ่าเธอทิ้งสะ”

ผู้ชายคนนั้นล้วงปืนออกมา เล็งไปที่จารวี

“อะ โอเค ฉันไปแล้ว...” หลังจากผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง จารวีก็ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น

จารวีค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา “วางปืนลงก่อน คุณบาดเจ็บ ฉันจะช่วยคุณเอง ฉันไม่ทำอันตรายอะไรคุณหรอก”

จารวีพูดเสียงเบา ผู้ชายคนนั้นหรี่ตามองเธอ ปากกระบอกปืนค่อยๆลดลง แต่ไม่ได้วางปืนลงแต่อย่างใด

จารวีฉีกเสื้อที่แขนข้างซ้ายของเขาออก ก็เห็นรอยกระสุนปืนขนาดใหญ่มาก เลือดอาบไปเกือบครึ่งแขน แถมบนไหล่ยังมีรอยแผลของมีดอยู่อีก...

เลือดบดบังปากแผลเต็มไปหมด ดูช่างโหดเหี้ยมทารุณมาก จารวีต้องพยายามสะกดกลั้นอาการพะอืดพะอมเอาไว้

“แล้วต้องทำยังไงต่อล่ะ”

“เอาเหล้าขาวราดมีดเล่มนี้เพื่อฆ่าเชื้อโรคสะก่อน และก็ควักเอาลูกกระสุนออกมา หลังจากนั้นก็ทายาบนนี้ แล้วก็ช่วยฉีดยาฆ่าเชื้อให้ฉันด้วย....” ผู้ชายคนนั้นพูดภาษาจีนอย่างยากลำบาก แต่ก็สามารถฟังในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อได้ชัดเจน

จารวีรีบพยักหน้า ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เสียเลือดไปเยอะขนาดนี้ คงจะกังวลกับชีวิตตัวเองอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ

จารวีคิดแค่ว่าในเมื่อเขาช่วยชีวิตเธอ เธอก็ควรจะตอบแทนน้ำใจของเขา

จึงกัดฟันทำตามที่เขาบอก

ขั้นตอนการฆ่าเชื้อผ่านไปอย่างคล่องแคล่ว แต่พอถึงขั้นตอนที่ต้องควักลูกกระสุนนั้นธอรู้สึกกลัวมากเลย จารวีสั่นไปทั้งตัว นั่นมันเนื้อสดๆเลยนะ !!

เพียงแค่จารวีขยับมีดเพียงเล็กน้อย ผู้ชายคนนั้นก็เจ็บจนร่างกายสั่นไปทั้งตัว แต่ก็ฝืนกลั้นไว้ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว

ตอนที่ควักลูกกระสุนออกมาได้แล้วส่วนหนึ่ง ก็หันไปเจอแหนบเข้า จึงหยิบมาคีบลูกกระสุนออกมา หยดเหงื่อจารวีบดบังสายตาเธอจนเกือบมองไม่เห็น

ผู้ชายคนนั้นส่งเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอ เขาไม่ได้คิดจะช่วยเธอ เพียงแต่ว่าคนบนเรือตายกันหมดแล้วต่างหาก เขาจำต้องหาใครสักคนมาช่วยรักษาบาดแผลให้เขาก็เท่านั้นเอง

“เหอะๆ เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ใช่คนอกตัญญู ในเมื่อเธอช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันก็จะช่วยเธอ”

สายตาของผู้ชายคนนั้นมองมาที่เธออย่างเยือกเย็น แสดงออกถึงความดูถูกในคำพูดของเธอ

“จริงสิ คนอื่นๆบนเรือล่ะ” จารวีถามอย่างสงสัย เธอเห็นในห้องผู้โดยสารเรือยังมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเคยมีคนอยู่มาก่อน

“ตายแล้ว” ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างหงุดหงิด

“ตายแล้ว? เพราะอะไรกัน” จารวีรู้สึกถึงความอึมครึม

“ผมฆ่าพวกเขาตายหมดแล้ว คำตอบแบบนี้เธอพอใจหรือยัง ถ้าเธอไม่เชื่อฟังละก็ ฉันจะทำให้เธอเป็นเหมือนพวกเขา” ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างเหี้ยมโหด คำพูดนี้เหมือนจะไม่ได้พูดล้อเล่น จารวีขนลุกชันไปทั้งตัว

“ถ้า.....ถ้าอย่างงั้นสรุปแล้วคุณเป็นใครกัน”

จารวีถามอย่างระมัดระวัง

“หยุดพูดได้แล้ว ยิ่งเธอรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น กลับไปที่ห้องนอนสะ”

ผู้ชายคนนั้นยกปืนชี้มาทางจารวี เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้น และเดินออกมาจากห้องครัวทันที

“อย่าทำแบบนี้เลย ฉันไม่หนีไปไหนหรอก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน”

ผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรสักคำ ทำเพียงแค่ดันตัวเธอเข้าไปในห้องนอน และออกจากห้องล็อคประตูไม่ให้เธอออกมา

จารวีถอนหายใจออกมา ดูเหมือนเธอจะหนีเสือปะจระเข้เข้าให้แล้ว

เห็นได้ชัด ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจเหมือนกับยศพล

เขาเปรียบเสมือนปีศาจร้ายที่ฆ่าคน...

ไม่น่าเชื่อว่าคนบนเรือทั้งหมด จะถูกเขาฆ่าตายหมด

จารวีไม่รู้จริงๆว่าตัวเองดวงดีหรือดวงซวยกันแน่

ณ Versail วิลล่า

ยศพลจมดิ่งลึกอยู่ในความเจ็บปวด เขาไม่สามารถสลัดภาพของจารวีที่ฆ่าตัวตายออกไปได้

ทุกๆวันจะยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง มองไปที่มหาสมุทรที่กว้างไกล เขามักจะรู้สึกว่ามีสายตาที่จ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา

นั่นก็คือดวงตาที่สวยสดใสเป็นประกาย ตอนที่ใจดีก็ดูอ่อนโยนนุ่มนวล ตอนที่ดื้อรั้นก็ดูคึกคักมีชีวิตชีวา

แต่น่าเสียดาย ที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เหลืออยู่แล้ว.....

ใช่ คนของตระกูลพูลสวัสดิ์ตายหมดแล้ว

เขาเตะไปที่กระจกอย่างแรง จนเท้าเจ็บไปหมด แต่บานกระจกกลับไม่เป็นอะไรเลย

“ถอดกระจกบานนี้ออก เปลี่ยนเป็นผนังห้องเดี๋ยวนี้”

เขาไม่สามารถทนดูที่นี่ต่อไปได้อีก ไม่สามารถมองไปที่ทะเลอีกแล้ว หากเขายังคงมองไปที่ทะเลทุกวันแบบนี้ คงได้กลายเป็นบ้าเข้าสักวัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย