ตอนที่ 72 คุณคือภัยพิบัติ
นิรันรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “คุณชายครับ ถึงแม้ว่าเรือที่อยู่ด้านหน้าจะไม่ขยับ พวกเราก็คงต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะตามทันได้ แถมยังในสภาพอากาศแบบนี้ พวกเราไม่ถอยเรือกลับก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่คงเพิ่มความเร็วไปมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ”
ยศพลจ้องเขาตาเขม็ง พร้อมกับตวาดเสียงดังลั่น “ไปหาวิธีมา ยังจะมัวยืนทำอะไรอยู่อีก!!”
คลื่นลมพายุพัดกระหน่ำจนถึงกลางคืนจึงจะสงบลง จารีมองอย่างสะลึมสะลือ ชีวิตนี้เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียวแล้ว
เธอจับเขาพลิกตัวขึ้นมาและลากไปที่โซฟา ตัวเขาหนักมาก!!
จารวีรีบไปค้นตู้ยาเขาทันที ด้านบนเขียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เธออ่านไม่ออกสักตัว นอกจากยาฆ่าเชื้อที่เคยฉีดให้เขาแล้ว อันอื่นก็รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร
ทำยังไงดีล่ะ?
จารวีมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ เด็กคนนั้นไงล่ะ ปล่อยเด็กคนนั้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน ป่านนี้คงจะตกใจแย่แล้ว
เธอพุ่งตัวเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าเด็กน้อยคนนั้นหลับไปสะแล้ว
“เด็กน้อย พี่สาวมาช่วยหนูแล้วนะ”
โชคดีที่เป็นหน้าร้อน ถ้าเกิดเป็นหน้าหนาวคงจะแย่กว่านี้
หลังจากที่จารวีแก้มัดออก เด็กน้อยก็รีบโผเข้ากอดเธอทันที “กลัว...กลัว..”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ หนูหิวหรือยังเอ่ย”
เด็กน้อยพยักหน้า จารวีหาเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางให้เขาเปลี่ยน แล้วดึงมือเขามาที่ห้อง
ผู้ชายคนนั้นยังมีไข้อยู่ จารวีนำผ้าชุบน้ำบีบให้แห้งเช็ดลงที่บาดแผลของเขา พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาใหม่ และประคองให้เขานอนลงบนโซฟา
หลังจากนั้นก็ไปหยิบน้ำแข็งจากตู้เย็นในห้องครับมาวางไว้ที่หน้าผากของเขา
“เด็กน้อย หนูชื่ออะไรจ้ะ”
เด็กน้อยรู้สึกชื่นชอบจารวี เขาเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง พูดตอบกลับเสียงหวาน “ผมชื่อกวีน” และก็ชี้ไปที่ผู้ชายคนนั้นแล้วพูดว่า “เขาชื่อดนวัต”
“อ๋อ กวีน โอเคจ้ะ! เอ่อ งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาอะไรให้กินที่ห้องครัวนะจ้ะ ตอนนี้หนูก็ช่วยพี่ดูน้ำแข็งบนหน้าผากของคุณลุงไว้นะจ้ะ จำไว้นะว่าอย่าให้น้ำแข็งตกลงมา พี่จะรีบกลับมาจ้ะ”
กวีนพยักหน้าอย่างตั้งใจ เด็กน้อยคนนี้ไม่เหมือนเด็กทั่วไป ถ้าเป็นเด็กผู้ชายคนอื่นก็คงจะตกใจกลัวแย่แล้ว แต่เขากลับมีสีหน้าที่สงบนิ่งมาก
จารวีทำมาม่าผัดไข่ด้วยความรวดเร็ว เธอกลัวว่าเด็กน้อยจะหิวแย่ รีบเร่งไปที่ห้องโดยสารเรือ
ดนวัตตื่นเรียบร้อยแล้ว ส่วนกวีนนั่งอยู่บนโซฟา เห็นเธอยกมาม่าผัดมาให้ ก็รีบกระโดดลงมาจากโซฟา แต่ดนวัตก็ขวางเอาไว้ แล้วมองเขาด้วยสายตาดุดัน
กวีนจึงรีบนั่งลงทันที แต่สายตาวาววับยังคงจับจ้องไปบนจานที่อยู่ในมือของจารวี
จารวีถือมาม่าผัดมาจนหยุดอยู่ด้านหน้าของกวีน “เด็กดี มากินมาม่าผัดเร็วเข้า”
แต่จู่ๆดนวัตก็แย่งจานมาม่าผัดไปจากมือของจารวี กินไปจนเหลือครึ่งจานถึงจะส่งคืนให้แก่กวีน
จารวีมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน “เฮอะ! แย่งของเด็กกิน หน้าไม่อายจริงๆ”
“ออกไปให้พ้น!” ดนวัตพูดอย่างเย็นชา
“โอเค ฉันไปก็ได้” จารวีหันหลังกลับ
“ไม่ต้องไป!” ดนวัตตวาดลั่น
จารวีหันกลับมามองเขานิ่งๆ “คุณจะเอายังไงกันแน่”
“ทำไมเธอไม่หนีไปล่ะ”
จริงๆแล้ว ตอนที่เขาสลบไป เธอจะหนีไปเลยก็ได้ หรือโยนเขาลงในทะเล แค่นี้เธอก็จะเป็นอิสระแล้ว
ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ ดันทิ้งโอกาสทองแบบนี้ไปซะได้
“ฉันไม่อยากทิ้งเด็กกับคนป่วยเอาไว้ แล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวหรอกนะ”
สายตาที่ดุร้ายของดนวัตไหววูบไปครู่หนึ่ง
“แล้วเธอจะเสียใจ!”
อีกด้านหนึ่ง กวีนที่เพิ่งจะกินมาม่าผัดหมดไป ก็พูดขึ้นมาอย่างไร้เดียงสา “พี่สาวครับ ขออีก...”
“พอแล้ว ไม่ต้องกินแล้ว อดทนหน่อย!”
ดนวัตมองอย่างดุๆ กวีนจึงทำได้แค่ตอบอืมกลับเบาๆ
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพี่ไปทำให้อีกนะ”
จารวีถือจานเดินกลับไปที่ประตู ตอนที่กำลังเดินออกไป ไม่นานเดินถอยกลับมาทางเดิม
จารวียกจานส่งคืนไปทางด้านหน้าของดนวัต
ด้านหลังเธอ มีพวกชุดพรางตัวสี่ห้าคนถือปืนจ่ออยู่ ไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
เธอนี่ซวยจริงๆ ถูกจับเป็นตัวประกันไม่พอ ยังจะถูกจี้ซ้ำอีก
“พะ...พวกเรา...ซวยแล้ว” จารวีใช้สายตาบอกเป็นนัยน์ๆว่ามีพวกคนใส่ชุดพรางตัวอยู่ทางด้านหลังเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าดนวัตจะไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรเลย
แต่ในเวลาต่อมาก็ทำให้จารวีต้องตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
คนหนึ่งในกลุ่มชุดอำพรางเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของดนวัต พร้อมทั้งโค้งคำนับให้เขา และพูดอย่างสุภาพ “นายท่านครับ เรือของพวกเรามาถึงแล้ว ขอเชิญนายท่านกับนายน้อยกลับไปกับพวกเราด้วยครับ”
ดนวัตยืนขึ้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ไป!”
“นี่...” จารวีตามสถานการณ์ไม่ทัน
กวีนโบกมือบ๊ายบายให้จารวี “พี่สาวครับ บ๊ายบายครับ!”
ดนวัตเดินไปอย่างสุขุม กวีนก็เดินตามหลังเขาไป จารวียืนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็รีบวิ่งตามไป
“นี่ แล้วฉันล่ะ”
ดนวัตไม่ได้หันกลับมามอง แต่สั่งการกับลูกน้องอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินจากไป
จารวีเดินตามออกมาจากห้องโดยสาร ก็เห็นว่าข้างๆเรือท่องเที่ยวมีเรือดำน้ำจอดอยู่ ตอนที่เธอกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ดนวัตกับคนชุดพรางพวกนั้นก็พากันเดินเข้าไปในเรือลำนั้นแล้ว มีอยู่แค่สองคนที่เหลืออยู่ และคอยเฝ้าจารวีอยู่ข้างๆ
ไม่นานเรือดำน้ำลำนั้นก็ค่อยๆดำลงไปใต้น้ำเงียบๆ และก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“งั้นตอนนี้ฉันจะทำยังไงล่ะ” จารวีถามพวกชุดพรางที่อยู่ด้านหลังเธอ
ยศพลดึงจารวีมาอย่างยากลำบาก น้ำทะเลพุ่งทะลักมาจนถึงเอวอย่างรวดเร็ว และคนที่ตัวเล็กๆแบบจารวี ตอนนี้ก็ถูกน้ำทะเลพุ่งทะลักใส่จนถึงหน้าอก เธอเดินก้าวไปแต่ละก้าวอย่างยากลำบาก จำเป็นจะต้องให้ยศพลช่วยออกแรงดึงเธอเอาไว้ ถึงจะไม่ถูกน้ำทะเลพัดพาไป
หลังจากทั้งสองคนเดินออกจากทางเดินของห้องโดยสารเรือ เรือทั้งลำก็จมดิ่งลงใต้ทะเลทันที
กระแสน้ำวนดึงให้พวกเขาจมดิ่งลึกลงไปในทะเล
จารวีเบิกตาโตมองยศพล จู่เขาก็หันกลับมาทางเธอ และใช้รูปปากพูดกับจารวีสามคำ
“ฉันรักเธอ...”
น้ำเค็มของทะเลทะลักเข้าไปในดวงตาของจารวี เธอรู้สึกดีใจจนอยากจะร้องไห้
ชั่วพริบตาต่อมา ริมฝีปากของยศพลก็จูบเข้าที่ริมฝีปากของจารวี
เธอไม่ได้ขัดขืน เพราะใต้ทะเลไม่มีอากาศ อ็อกซิเจนในปอดของเธอค่อยๆน้อยลง
ยศพล นายนี่เปรียบเสมือนดาวหางจริงๆ เพียงแค่ปรากฏตัวออกมา หายนะก็ตามมาด้วยทันที
จารวีก็เริ่มรู้สึกว่าเรี่ยวแรงในร่างกายค่อยๆหมดลง สติเริ่มเลอะเลือน แต่จู่ๆอากาศถูกเติมเต็มเข้ามาในปอดอีกครั้ง
ลืมตาขึ้นมาอีกที เธอก็ถูกยศพลดึงขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำแล้ว
เรือลำเล็กเข้ามาจอดใกล้ๆด้วยความรวดเร็ว ยศพลดันจารวีขึ้นไปก่อน หลังจากนั้นพวกลูกน้องก็ค่อยๆดึงเขาขึ้นมา
ในที่สุดคลื่นบนผิวน้ำทะเลก็ค่อยๆสงบลง
นอกจากเรือลำเล็กของพวกเขาแล้ว ยังมีเรืออีกลำ ที่เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดของยศพล ที่ถือปืนอยู่ในมือ
“คุณชายครับ คนของพวกเราตายไปสามคน พวกชุดพรางสองคนนั้นก็ถูกเก็บแล้วครับ ส่วนเรือก็จมลงไปแล้ว”
จารวีที่สติเลือนรางได้ยินพวกเขากำลังรายงานสถานการณ์ ตอนนั้น เธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าเหนื่อยและง่วงมาก
เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน เธอก็นอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว บนร่างกายของเธอเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง
ใบหน้าของคนแปลกหน้าหลายคนผ่านไปผ่านมา แสงไฟสีขาวก็ทำเธอแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น
เธอค่อยๆปิดตาลง แต่ก็ยังคงมีแต่รสเค็มของน้ำทะเล พร้อมทั้งภาพที่โคลงเคลงไปมา
อาการเมาเรือยังไม่หายไป เธอจึงหลับตาไปเสียเลย
“ยัยวี ยัยวี แกเป็นอะไร”
จู่ๆจารวีก็ได้ยินเสียงคุ้นหู จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในห้องผู้ป่วยเงียบสนิท เหลือเพียงแต่ใบหน้าที่คุ้นตา
“ยัยอัง แกหรอ หรือว่านี่ฉันกำลังฝันอยู่” จารวีดีใจมาก
อังคณามองเธออย่างเป็นห่วง “ยัยวี สมองแกได้รับความกระทบกระเทือนหรือเปล่า คงจะไม่ใช่ว่าแกจำฉันไม่ได้ใช่ไหม”
จารวีตีไปที่อังคณา เธอรีบเบี่ยงตัวหลบทันที
“ว๊าย ยังจะมีแรงตีคนอื่นอีก แสดงว่าแกแข็งแรงดี ฮ่ะๆ ยัยวี แกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“ฉันก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้วย่ะ อ้อ ใครบอกให้แกมาดูฉันหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย