ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าหาได้ทำให้ยาหยีมีความสุขเท่ากับการได้อยู่กับคอร์เนลสองต่อสองแบบหวานฉ่ำไม่ บนโต๊ะอาหารค่ำ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยิ้มให้กับหล่อน และพูดจาลื่นหูกับหล่อนแบบนั้น มันเหลือเชื่อราวกับความฝัน
“หากเป็นไปได้ ผมอยากกินข้าวกับคุณทุกมื้อ”
‘โอ้...แม่เจ้า นี่หล่อนหูฝาดไปเอง หรือว่าสมองของคอร์เนลเลอะเลือนกันแน่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้ชายหยิ่งผยองอย่างคอร์เนลจะพูดจาแบบนี้กับอีตัวของตนเอง ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน’
“ดวงจันทร์มันน่ามองกว่าผมอีกหรือ ลูกหยี...”
คำเรียกสนิทสนมจากผู้ชายหล่อระเบิดที่ตอนนี้ยืนเกือบเปลือยอยู่กลางห้องทำให้ยาหยีที่พึ่งหันกลับมามองแก้มแดงก่ำ ก็พ่อเจ้าประคุณมีเพียงผ้าขนหนูสั้นเต่อพันรอบสะโพกเอาไว้ผืนเดียวเท่านั้นเอง แถมดูท่าทางแล้วมันจะหลุดเอาง่ายๆ เสียอีกต่างหาก
“เอ่อ...”
“มานี่เถอะ”
เขากวักมือเรียก และหล่อนก็ง่ายแสนง่ายที่โผเข้าไปหาเขาราวกับถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็กต่างขั้ว คอร์เนลกอดรัดหล่อนเอาไว้แน่น ประกบปากดูดดื่มตามลงมาอีกระลอก จูบจนหล่อนแทบหายใจหายคอไม่ทันเลยทีเดียว
“คืนนี้เราจะไม่ทะเลาะกัน”
มือใหญ่ลูบไล้หัวไหล่เปลือยของหล่อนแผ่วเบา ขณะรั้งร่างอรชรระทดระทวยให้เดินตามตัวเองไปทรุดนั่งลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล
“ผมอยากจะรักคุณทั้งคืน”
“ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะอยากรักฉันด้วย ในเมื่อคุณลุกหนีฉันตลอดเวลา หลังจาก...” ไม่อาจพูดได้จบประโยคด้วยความขัดเขิน ดังนั้นคอร์เนลจึงเป็นฝ่ายต่อให้เสียเอง
“หลังจากที่เราสุขสมใช่ไหม”
สาวน้อยก้มหน้าหลบตา คนตัวโตหัวเราะเบาๆ ก้มหน้าลงมาหาจนริมฝีปากชิดกัน ก่อนจะพูดกับกลีบปากหวานฉ่ำช้าๆ
“ถ้าผมไม่รีบลุกมา คุณจะเหนื่อยกว่านี้หลายเท่านะลูกหยี เหนื่อยชนิดที่ว่าคุณจะไม่มีแรงลุกขึ้นไปเรียนตอนเช้าเลยนะจะบอกให้”
“ฉันคิดว่าคุณเกลียดฉัน”
“ไอ้เรื่องเกลียดน่ะเกลียดอยู่แล้วล่ะ แต่ความต้องการมันมีมากกว่า คุณสวย และก็สวยจนผมลืมไม่ลงเลยทีเดียว นี่คือความสัตย์จริงเชียวนะ ผมไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนมากครั้งเท่าคุณมาก่อนเลยยาหยี”
“ฉันควรภูมิใจใช่ไหมคะที่ได้รับเกียรตินี้” ความน้อยใจเริ่มก่อตัวอยู่ในอกอีกแล้ว
คอร์เนลไหวไหล่ทรงพลังของตัวเองอย่างไม่แยแส “แน่นอน มันเป็นเรื่องที่คุณควรจะภูมิใจ แต่ก็อย่าหลงคิดไปเองล่ะว่า ผมจะเก็บคุณไว้ข้างกายตลอดชีวิต” น้ำเสียงนุ่มนวลแปรเปลี่ยนเป็นเลือดเย็นในพริบตา “เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่มีทางรักคุณ”
อ้อมแขนกำยำที่เคยอบอุ่นน่าหลงใหลแปรเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวน่าทุรนทุรายทันที หญิงสาวกัดปากแน่น ดิ้นรนจนหลุดจากอ้อมกอดของคอร์เนลได้สำเร็จ
“เมื่อกี้หลงคิดว่าคุณก็มีหัวใจเหมือนๆ กับมนุษย์คนอื่นๆ แต่ฉันคงคิดผิดไป เพราะคนเลือดเย็นอย่างคุณไม่มีทางมีหัวใจได้หรอก”
ยาหยีพูดออกมาด้วยความขมขื่น ขณะผุดลุกขึ้นจากเตียง
“นั่นคุณจะไปไหน?”
“ฉันจะกลับหอ”
ร่างอรชรที่กำลังจะหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูห้องชะงักเท้าเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา คอร์เนลขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจ ขณะลุกขึ้นยืนและเดินตามไปดักหน้าแม่สาวน้อยที่ตัวเองคาดหวังว่าจะนอนกอดตลอดทั้งคืนเอาไว้ จ้องหน้าเจ้าหล่อนเขม็ง
“ไหนว่าจะนอนกับผมเพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อยังไงล่ะ ลืมแล้วหรือไง”
ยาหยีหันมาหัวเราะน้ำตาซึม
“ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ แต่รอให้ฉันทำใจให้นอนกับผู้ชายเลือดเย็นได้เมื่อไร แล้วฉันจะกลับมานอนอ้าขาให้คุณ” จบคำพูดที่อัดแน่นไปด้วยความเจ็บช้ำ ร่างของยาหยีก็วิ่งหายออกไปจากสายตาทันที
คอร์เนลยืนอึ้งไปนานเลยทีเดียว เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าวิ่งหนีเอาดื้อๆ แบบนี้ และเมื่อสมองกลับมาทำงานอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงรีบไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ จากนั้นก็รีบวิ่งตามแม่ยาหยีคนงามไปในทันที
“คิดว่าผมจะปล่อยคุณไปง่ายๆ หรือไง ฝันไปเถอะ”
คอร์เนลคำรามออกมาอย่างดุดัน ขณะก้าวเท้าไปตามพรมหนามุ่งหน้าไปยังหน้าตึกใหญ่ด้วยความรีบร้อน
ยาหยีวิ่งกระเซอะกระเซิงออกมาจากห้องทำงานของคอร์เนลโดยไม่รู้ทิศทาง หญิงสาววิ่งแล้วก็วิ่งไปข้างหน้า ขณะที่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด หัวใจกรีดร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บช้ำ ผู้ชายคนนั้นไม่แม้แต่จะแบ่งเศษเสี้ยวความรู้สึกดีๆ ให้หล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“อย่าหลงคิดไปเองล่ะว่า ผมจะเก็บคุณไว้ข้างกายตลอดชีวิต เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่มีทางรักคุณ”
วาจาตรงไปตรงมาของเขาช่างทำร้ายหัวใจของหล่อนอย่างรุนแรง เลือดไหลทะลัก เนื้อหัวใจเหวอะหวะเป็นแผลกว้างลึก เจ็บจนแม้แต่จะหายใจก็ยังลำบาก
สาวน้อยยกมือขึ้นปาดม่านน้ำตาที่ไหลลงมาปิดกั้นการมองเห็นของตัวเอง ขณะที่ยังสาวเท้าไปข้างหน้าไม่หยุด ความโศกเศร้า ความร้าวรานถล่มยับอยู่ภายในอก รู้สึกเหมือนกับตัวเองต่ำยิ่งกว่าไส้เดือนในผืนดินเสียอีก
‘ทำไมเจ็บแบบนี้นะ...เจ็บเหลือเกิน เพียงแค่ได้ยินคอร์เนลพูดว่าไม่มีทางรักหล่อนได้ นี่หล่อนฝันสูงถึงขั้นอยากได้ความรักจากผู้ชายเกินเอื้อมคนนั้นเชียวหรือ ทำไมถึงใฝ่สูงนักนะยาหยี ทำไมถึงไม่ก้มหน้ามองผืนดินที่เป็นที่อยู่ของตัวเอง ไปเงยหน้ามองฟ้าอันสูงส่งทำไมกัน’
“คุณยาหยีจะวิ่งไปไหนครับ”
“ฉันขาเจ็บ อีวานก็เลยช่วยฉัน มันก็เท่านั้นเอง”
เพราะเห็นว่าอีวานผู้ที่มีน้ำใจกับหล่อนหน้าซีดเผือดด้วยความยำเกรงผู้ชายเลือดเย็น บ้าอำนาจตรงหน้า หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายตอบเสียเอง แต่คนตัวโตที่กำลังควันออกหูหาได้ฟังคำพูดของหล่อนไม่ เขายังคงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่อีวานเช่นเดิม
“ผม...ผมไม่ได้ทำอะไรครับ”
“ฉันเห็นนายกอดยาหยี”
“ผมแค่ช่วยเธอครับ เธอเท้าเจ็บ...”
อีวานยังพูดไม่ทันจะจบประโยคก็ถูกหมัดหนักๆ ของคอร์เนลฟาดเข้าใส่ใบหน้าซะก่อน มันแรงจนร่างสูงใหญ่ของอีวานล้มลงไปกองกับพื้น ยาหยีอุทานออกมาด้วยความตกใจ และรู้สึกผิดต่อชายที่นอนเลือดกบปากเหลือเกิน คอร์เนลทำเกินไปจริงๆ
“คนเลว คุณทำร้ายเขาทำไม เขาช่วยฉันนะ...”
หญิงสาวพยายามจะพยุงกายตัวเองเพื่อจะเข้าไปประคองอีวาน แต่ก็ถูกมือใหญ่ของคอร์เนลหิ้วปีกเอาไว้เสียก่อน เขากระชากร่างของหล่อนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ลดศีรษะแสนทระนงลงมากระซิบที่ข้างหูเล็กของหล่อนเสียงเลือดเย็น
“ถ้าไม่อยากให้ใครเจ็บตัว ก็อย่าให้ใครแตะต้องเนื้อตัวอีก จำเอาไว้”
“แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ”
คอร์เนลแสยะยิ้ม หรี่ตาแคบมองหล่อนตลอดทั้งตัว
“อย่าพูดถึงเรื่องสิทธิ์เลยดีกว่า เพราะคุณก็รู้ดีอยู่เต็มอกว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำอะไรกับเนื้อตัวของคุณก็ได้”
“คนทุเรศ ฉัน...ว้าย!” หวีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกคนตัวโตจับร่างของหล่อนขึ้นพาดบนบ่าทรงพลังเอาไว้ มือใหญ่ของเขาตบบั้นท้ายของหล่อนหนักๆ สองสามทีเมื่อเห็นหล่อนเริ่มดิ้นรน
“ถ้าไม่อยากข้ามขั้นจากขาแพลงเป็นขาหักละก็ อยู่เฉยๆ”
เขาสั่งหล่อนเสียงดุดัน ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าของอีวานที่กำลังยืนก้มหน้ามองพื้นอยู่ด้วยท่าทางคุกคามน่ากลัว
“จำเอาไว้นะอีวาน มีแค่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนนี้ได้”
“ครับนายน้อย ต่อไปผมจะระวัง”
อีวานก้มหน้ารับคำสั่งด้วยความยำเกรง คอร์เนลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกนอกจากเดินดุ่มๆ มุ่งหน้ากลับสู่ห้องนอนของตัวเองในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย