เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย นิยาย บท 55

“ระยำ!”

กำปั้นแข็งแกร่งทุบลงบนพวงมาลัยรถสปอร์ตที่ตอนนี้กำลังติดไฟแดงอยู่ในเขตตัวเมืองหลวงด้วยความเดือดดาล ทุกขณะเนื้อหนุ่มเดือดดาลอย่างบ้าคลั่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคฤหาสน์อันแสนเป็นส่วนตัวของเขาจะมีคนนอกบุกรุกเข้ามาก่อความวุ่นวายได้ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็แทบจะเดินชนกันเสียด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มกระแทกคันเร่งแรงๆ ทันทีเมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้น ขณะที่รถแล่นทะยานไปข้างนอกอย่างรวดเร็วนั้น สมองของเขาก็แบ่งออกไปสองพรรคสองพวก มันตีกันยุ่งเหยิงจนคนกลางอย่างเขาปวดหัวตึบ

พวกหนึ่งบอกว่าเขาควรจะกลับไปหายาหยีที่โรงแรมที่พัทยานั่น กลับไปพาเจ้าหล่อนมาด้วย แต่พวกหนึ่งก็ค้านอย่างดุเดือดว่า ยาหยีคือตัวหายนะ การปล่อยหล่อนให้อยู่ห่างจากกายจากใจสักพักหนึ่งจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขา และตอนนี้สิ่งที่ควรจะทำที่สุดก็คือการตามลากคอไอ้ยอดชายและคนที่บังอาจบุกเข้ามาช่วยมันมาขยี้ให้แหลกคามือมากกว่า

กรามแกร่งที่เขียวครึ้มด้วยไรหนวดบดกันแน่นจนเนื้อแก้มกระตุกเป็นริ้วๆ โทสะร้ายวาววับอัดแน่นอยู่ในดวงตาสีเขียวจัดของคอร์เนลมหาศาล

และในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกที่จะมุ่งหน้ากลับไปจัดการกับปัญหายุ่งยากที่บ้านแทนการเลี้ยวรถกลับไปหายาหยีที่โรงแรม

“นายน้อยครับ” เซอร์เกรีบวิ่งออกมารับหน้าเมื่อรถสปอร์ตสีดำของคอร์เนลแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึก ชายวัยกลางคนลอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าเจ้านายหนุ่มของตัวเองกลับมาเพียงลำพัง

“เกิดอะไรขึ้นเซอร์เก ใครมันบังอาจเข้ามาเหยียบจมูกฉันถึงที่นี่”

คอร์เนลก้าวลงจากรถได้ก็ตวาดถามคนสนิทที่ตัวเองไว้ใจเสียงดังลั่น ความผิดหวังอัดแน่นอยู่เต็มกระแสเสียง

“ฉันผิดหวังกับการทำงานของนายมากนะเซอร์เก”

“ผมขอโทษครับ ผมสะเพร่าเอง”

เซอร์เกก้มหน้ารับผิดโดยไม่เอ่ยอุทธรณ์ใดๆ ออกมา คอร์เนลขบกรามแน่น ขณะเดินผ่านร่างของคนสนิทไปหยุดที่อีวานแทน

“บอกมาสิว่ามันมากันกี่คน แล้วมันเข้ามาได้ยังไง”

“เอ่อ...ผม...” อีวานอ้ำอึ้ง เซอร์เกจึงต้องเป็นฝ่ายตอบแทน

“คนของเราเห็นว่ามันมากันสามคนครับ มันปีนเข้ามาทางรั้วที่อยู่ใกล้ๆ กับเรือนคุมตัวนายยอดชาย พวกเราไม่ทันเห็น...”

“ระยำ! ไม่ทันเห็นเหรอ!”

คอร์เนลตวาดลั่น ยกกำปั้นจะต่อยหน้าเซอร์เก แต่พอเห็นอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหลบ เขาจึงสะบัดมันลงข้างตัวแทน แล้วคำรามออกมาเสียงเลือดเย็น

“แล้วพวกนายทำอะไรกันอยู่ฮึ! แทบจะเดินชนกันตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

“ผมขอโทษครับนายน้อย ผมผิดเอง...”

ยังเป็นเซอร์เกคนเดียวที่สามารถพูดออกมาได้ในสภาวะที่คอร์เนลกำลังเกรี้ยวกราดเดือดดาลเช่นนี้

“ฉันไม่ได้ต้องการหาคนผิด แต่สิ่งที่ฉันต้องการรู้ก็คือ พวกมันเข้ามาได้ยังไง!”

มือใหญ่ของคอร์เนลรวบคอเสื้อของเซอร์เกและกระชากชายต่างวัยให้เข้ามาเผชิญหน้า ความเจ็บแค้นที่ถูกลูบคมทำให้ชายหนุ่มเกือบจะทำอะไรรุนแรงลงไป แต่พอคิดถึงความภักดีที่เซอร์เกเคยมีให้ เขาก็ข่มโทสะนั้นเอาไว้ และปล่อยร่างของเซอร์เกจากอุ้งมือ

“แล้วไอ้คนที่นั่งมองกล้องวงจรปิดล่ะ มันทำอะไรอยู่”

“กล้องสามตัวที่อยู่บริเวณนั้นเสียพร้อมกันครับ” เซอร์เกรายงานเสียงแผ่วเบา และก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่จัดการทำให้กล้องวงจรปิดเหล่านั้นไม่สามารถบันทึกภาพได้ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเป็นคนปล่อยยอดชายไปเอง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมด มีใครบางคนสวมรอยเข้ามาชิงตัวนายยอดชายไปเสียก่อน

“เสีย?”

คอร์เนลอุทานเสียงสูง พลางเดินกลับไปกลับมาคล้ายกับหนูติดจั่น ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำด้วยโทสะและความขัดเคืองใจ

‘เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ในเมื่ออาณาจักรของเขานั้นถือว่ามีระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ แต่ทำไมมีคนบุกเข้ามาช่วยนักโทษโดยที่คนของเขาไม่เห็นกันนะ แถมเจ้ากล้องวงจรปิดก็ดันมาเสียพร้อมๆ กันเสียอีก มันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน’

“ต้องมีหนอนบ่อนไส้...” คอร์เนลเค้นเสียงคำรามเล็ดลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา

“นายน้อย ผมไม่รู้เรื่องนะครับ!”

อีวานที่เป็นวัวสันหลังหวะอยู่ร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว คอร์เนลหันมาจ้องเขม็งแต่เซอร์เกก็รีบแก้สถานการณ์เสียก่อน

“ไม่มีใครโทษแกหรอกน่าอีวาน เอ่อ...นายน้อยครับ ผมคิดว่าคนที่เข้ามาช่วยนายยอดชายไปมันต้องเฝ้าดูเรามาหลายวันแล้วแน่นอนครับ และก็น่าจะเป็นอย่างที่นายน้อยสงสัย นั่นก็คือมีหนอนบ่อนไส้ในคนของเราเอง”

คอร์เนลหรี่ตามองคนสนิทเขม็ง

“นายสงสัยใครเซอร์เก...”

เซอร์เกยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบออกมา คอร์เนลมองอย่างเข้าใจความคิด

“ตามฉันไปที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้เซอร์เก”

“ครับนายน้อย”

คอร์เนลก้าวยาวๆ จากไปแล้ว อีวานจึงรีบเข้ามากระซิบกระซาบกับน้าชายด้วยความตื่นกลัว

“ผมกลัวครับน้าเซอร์เก ผมกลัวว่านายน้อยจะรู้...”

เซอร์เกแกะมือของหลานชายออกจากตัว ก่อนจะกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น

“อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยอีวาน ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนของเรานั่นแหละ แค่เพียงว่าเราไม่ได้เป็นคนปล่อยนักโทษไปด้วยมือตัวเองเท่านั้นเอง”

“แล้วน้าเซอร์เกจะรับมือกับนายน้อยยังไงล่ะครับ”

เซอร์เกถอนใจออกมา

“แกไม่ต้องรู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราทำกันลงไปทั้งหมดนี่ก็เพียงเพราะว่าเราจงรักภักดีต่อนายน้อย ท่องไว้ว่าทำเพื่อนายน้อย”

“ครับน้าเซอร์เก”

อีวานก้มหน้ารับคำทั้งๆ ที่เสียงยังสั่นอยู่

ผู้เป็นน้าชายยกมือขึ้นตบไหล่หลานชายเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“อยู่เงียบๆ ทำและพูดตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว”

จบคำเซอร์เกก็ก้าวยาวๆ เดินตามคอร์เนลที่มุ่งหน้าเดินนำไปที่ห้องทำงานนานหลายอึดใจแล้วอย่างรวดเร็ว และเมื่อก้าวเข้ามาหยุดภายในห้องแสนโอ่อ่า คำถามของคอร์เนลก็ดังขึ้นทันที

“บอกมาสิว่านายสงสัยใคร”

“ผมสงสัยคุณยาหยีครับ”

“ฉันไม่เชื่อ ยาหยีไม่มีทางทำแบบนั้น”

‘นึกอยู่แล้วเชียวว่าคอร์เนลจะต้องไม่เชื่อ แต่เขามีแผนสองรองรับความผิดพลาดอยู่ในมือแล้ว’

คอร์เนลก้าวยาวๆ ไปเกาะขอบหน้าต่างห้อง บางสิ่งบางอย่างในคำพูดของเซอร์เกกำลังบีบคั้นเลือดในกายของเขาให้ทะลักออกมา

“คนในบ้านหลังนี้ล้วนจงรักภักดีต่อนายน้อยทุกคน ยกเว้นเพียงแต่...”

“นายจะบอกว่ายาหยีใช่ไหม” คอร์เนลกระชากเสียงถามด้วยความหงุดหงิด

“แต่วันนั้นผมไม่คิดว่าเธอจะทำจริงๆ ผมนึกว่าเธอพูดเล่น”

“หยุดพูดถึงผู้หญิงแพศยาคนนั้นได้แล้วเซอร์เก ฉันไม่อยากฟัง!” คอร์เนลตวาดลั่น ขณะฟาดกำปั้นของตัวเองเข้ากับกำแพงห้องแรงๆ หลายทีติดกัน

“ครับนายน้อย ผู้หญิงคนนั้นต่ำเกินกว่าที่นายน้อยจะต้องทำร้ายตัวเองเพื่อเธอนะครับ”

ชายหนุ่มหยุดต่อยกำแพงห้อง หันขวับมาจ้องหน้าคนสนิทเขม็ง

“ก็แค่ครั้งเดียว ครั้งนี้เท่านั้นเอง”

เซอร์เกมองเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของคอร์เนลชัดเจน เขารู้ดีว่านายน้อยของตัวเองกำลังทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียตอนนี้มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้นายน้อยเจ็บเพราะพิษรักเมื่อจมปลักกับมันจนถอนตัวไม่ขึ้นไม่ใช่หรือ

“ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินตามล่าไอ้ยอดชาย นายก็ต้องลากคอมันมาให้ฉันให้จงได้ เซอร์เก...” เป็นนานเลยทีเดียวกว่าคอร์เนลจะรวบรวมสติสตังกลับคืนมาได้

“ครับนายน้อย รับรองว่าไม่เกินสามวันผมจะต้องได้ตัวนายยอดชายกลับมาแน่นอนครับ แต่ว่า...คุณยาหยีก็จะมาด้วย”

“ฉันจะไปรอที่มอสโก หากแม่นั่นมีปัญญาไล่ตามพ่อของตัวเองไปถึงที่นั่นได้ ฉันก็ยินดีต้อนรับ และรับรองว่าฉันจะต้อนรับแม่นั่นอย่างสมเกียรติเลยทีเดียว” คอร์เนลแสยะยิ้มชิงชัง ดวงตาสีเขียวจัดวาวโรจน์ไปด้วยแรงโทสะ

“ผมกลัวนายน้อยจะใจอ่อนอีก”

ถึงยังไงเซอร์เกก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี คอร์เนลหัวเราะเหี้ยม ขณะเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานหนังแท้ของตัวเอง

“คนไม่มีหัวใจจะใจอ่อนได้ยังไงกันล่ะ วางใจเถอะเซอร์เก ฉันไม่โง่ซ้ำซากแน่ๆ”

“แต่ว่าผม...”

“ออกไปได้แล้วเซอร์เก ไปจัดการส่งคนไปพลิกแผ่นดินตามล่าไอ้ยอดชายให้พบ แล้วพรุ่งนี้เตรียมตัวกลับมอสโกกับฉัน บอกเชอรี่และคนอื่นๆ ให้เตรียมตัวด้วย”

คอร์เนลตัดบททุกการสนทนาด้วยการเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ พร้อมกับหลับตา เซอร์เกยืนจ้องมองท่าทางปวดร้าวที่ซ่อนไม่มิดของคอร์เนลอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างเงียบเชียบ

เสียงปิดประตูห้องที่ถึงแม้จะแสนเบาแต่คอร์เนลที่กำลังตั้งใจฟังมันอยู่ก็ได้ยิน ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดสำแดงฤทธิ์ออกมาจากนัยน์ตาสีเขียวเข้มอย่างรุนแรง กรามแกร่งขบกันแน่นขณะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก

แม้ทุกคำพูด ทุกพยานหลักฐานที่เซอร์เกนำมาแสดงล้วนแต่บอกว่ายาหยีคือหญิงแพศยา ผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของตัวเอง แต่เขาก็ยังอยากพิสูจน์ให้แน่ใจ อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจอีกครั้ง ภาวนาอยู่ภายในอกให้ทุกอย่างที่เซอร์เกพูดเป็นเรื่องโกหก ให้ตอนนี้ยาหยีกำลังนอนรอให้เขาไปรับอยู่ที่โรงแรมหรูริมหาดพัทยา

“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ”

คอร์เนลกระหน่ำโทรเข้ามือถือของยาหยีเกือบยี่สิบครั้งแต่ประโยคที่ได้ยินตอบกลับมาก็ยังเป็นเสียงเดิม นั่นก็คือ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ แต่เขายังไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ หรอก คอร์เนลรีบกดโทรศัพท์ไปยังโรงแรมทันที

“ผมต้องการคุยกับผู้หญิงที่พักอยู่ห้อง 905 เดี๋ยวนี้!”

“ห้อง 905 เหรอคะ เธอออกไปแล้วนะคะ รู้สึกว่าจะออกตามหลังคุณไปแค่ครึ่งชั่วโมงเองค่ะ”

เสียงเจ้าหน้าที่โรงแรมตอบกลับมาหวานจ๋อย แต่คอร์เนลไม่ได้ฟังมันอีก เขากดตัดสายทันที จากนั้นก็ปาเจ้าโทรศัพท์มือถือราคาแพงยิ่งกว่าทองลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ความเดือดดาลแล่นขึ้นมาจุกอก เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่เซอร์เกพูดเป็นเรื่องจริง

‘ยาหยีไปแล้ว...ไปจากเขาแล้วจริงๆ คงจะนัดกับพ่อของตัวเองเอาไว้สินะ’

“นังแพศยา! ฉันจะไม่มีวันให้อภัยอีตัวแบบเธออีกเด็ดขาด” ทุกความเดือดดาล ทุกแรงโทสะ ถูกถ่ายทอดออกมาจากคำพูดและแววตา กำปั้นใหญ่ทุบลงบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันแทบล้มครืน

เพราะอย่างนี้ใช่ไหม เจ้าหล่อนถึงได้พยายามถ่วงเวลาเขานัก พยายามใช้ร่างกายสวยสดผูกมัดให้เขากลับมาช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้พ่อของหล่อนได้หนีไปให้ไกลที่สุด

ไม่เคยรู้สึกเจ็บใจเท่านั้นมาก่อนเลยในชีวิต ผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าไร้เดียงสาและแสดงละครไม่เป็น แต่เจ้าหล่อนกลับทำได้อย่างแนบเนียนทุกอย่าง ทำได้ดีจนเขาตามไม่ทัน แถมสุดท้ายยังตลบหลังเขาซะแสนเจ็บปวด

หากตอนนี้มีใครคนหนึ่งที่ควรจะรับโทษ มันก็ต้องเป็นเขานั่นแหละ เพราะความโง่ของเขาทำให้ทุกอย่างมันพังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี โง่เขลาเบาปัญญาไม่ต่างจากควายไถนาเลยแม้แต่นิดเดียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย