"ที่พ่อพูดมาหมายความว่ายังไงครับ" รันเวย์ถามแม่และพี่ชาย เพราะตอนนี้พ่อหลับไปแล้ว
"แม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน" สายตาของผู้เป็นแม่มองไปดูลูกชายคนโต เพราะตอนนั้นเซอร์เวย์อยู่กับพ่อ
"ก็เรื่องเด็กผู้หญิง ที่ท่านพูดก่อนหน้านั้นล่ะครับ"
"พ่อเราก็เลยคิดเป็นตุเป็นตะงั้นเหรอ"
"แต่ผมว่าไปตรวจไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับแม่" ถ้าคนที่พูดไม่ใช่พ่อหรือไม่ใช่คนในครอบครัว เขาคงจะบอกว่างมงาย แต่นี่พ่อซึ่งเป็นระดับอาจารย์หมอที่ทุกคนนับถือ ท่านคงรู้อะไรมาแน่
"คงไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะคุณรันให้ฉันกินยาคุม" หญิงสาวแค่อยากจะยืนยัน ว่ามันเป็นไปได้ยาก
"เราให้เมียกินยาคุมเหรอ"
"จะรีบมีไปทำไมล่ะครับ ผมก็อายุแค่นี้เอง" เขาพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิด
เธอต้องทำสีหน้ายังไงเหรอ น้อยใจ ไม่พอใจ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรไปทำกิริยาแบบนั้น หญิงสาวก็เลยทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆ เพื่อรอเวลา..
เวลาผ่านไป..ตอนนี้ทุกคนออกมารออยู่ด้านนอก แต่ก็หาอะไรทานรองท้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว
"แม่จะให้พี่เราย้ายพ่อไปไว้ในห้องพักฟื้นเย็นนี้" นางเห็นว่าลูกชายและลูกสะใภ้แถมยังมีหลานเล็ก ไม่ยอมไปพักในห้องที่เตรียมไว้ให้ เพราะทุกคนยังคงเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู ก็เลยคิดว่าย้ายสามีเข้าไปในห้องพักฟื้นดีกว่า ลูกและหลานจะได้ไม่ต้องลำบากกันแบบนี้
นายแพทย์เซอร์เวย์ทำตามผู้เป็นแม่บอก โดยการย้ายพ่อมาที่ห้องวีไอพีแบบปลอดเชื้อ เพราะท่านเพิ่งผ่าตัดมากลัวว่าจะติดเชื้อ
"ปลื้ม!" ปิ่นมุกคว้าตัวลูกชายไว้เมื่อเห็นว่ากำลังจะเข้าไปหาคุณปู่
"หาปู่" ตอนนี้เขาพูดเป็นประโยคได้แล้วแต่ก็ยังไม่ยาว
"ไม่ได้ครับ" พ่อซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ อุ้มลูกขึ้นมาไว้กับตัวเอง
"มาหาย่าดีกว่าลูก"
"ผมว่าคุณแม่ไปนอนพักเอาแรงหน่อยจะดีกว่าไหมครับ" นอร์เวย์เห็นว่าแม่เหนื่อยมาหลายวัน ยังจะมาเหนื่อยกับหลานอีก
"หาปู่ งื้อออ หาปู่"
"ใครจะหาปู่" ขณะที่หลานกำลังร้องไห้ คนเป็นปู่ก็ได้พูดออกมา
"คุณพ่อตื่นแล้วเหรอครับ" ลูกและหลานที่นั่งกระจายกันอยู่ในห้องนี้ รีบเข้ามาดูเมื่อได้ยินเสียง
"พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว จะมาเฝ้าอะไรกันเยอะแยะขนาดนี้"
"ลูกอยากอยู่เฝ้าก็ให้ลูกเฝ้าเถอะคุณ"
ขณะที่พูดกับภรรยาสายตาท่านไม่ได้มองดูคู่สนทนาหรอก แต่ มองไปดูผู้หญิงที่ช่วยให้ท่านฟื้น เพราะตอนที่ตื่นมาก่อนหน้านั้นลูกชายคนโตเล่าให้ฟังว่าลูกสะใภ้เล็กได้พูดอะไรออกมาบ้าง ก่อนที่ชีพจรของท่านจะกลับมา
"ถ้าพ่อหายดีแล้ว เดี๋ยวจะให้แม่จัดงานแต่งให้พวกเราทั้งสามนะ"
"อะไรนะครับ//อะไรนะคะ" เสียงนี้ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน
"ก็พวกเรายังไม่เคยแต่งงานเป็นทางการกันสักคน มีแต่แอบไปแต่งและจดทะเบียน" ท่านพอมีแรงที่จะพูดก็เลยพูดออกมาให้ได้เยอะที่สุด
รัญณายังคิดว่าท่านนับผิดหรือเปล่า เพราะลูกสะใภ้ที่ท่านยอมรับมีแค่สอง
"เรื่องที่พ่อบอก ไปจัดการหรือยัง" สายตาท่านกรอกมองไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีลูกชายคนเล็กยืนอยู่ ที่ต้องได้กรอกสายตาเพราะศีรษะของท่านหันไปไหนยังไม่ได้
"ผมไม่ได้บอกว่าไม่อยากมีสักหน่อย"
"คุณไม่ต้องพูดแล้ว" ทั้งเอายาคุมมาให้ทั้งพูดต่อหน้าแม่ ยังจะมาบอกอีกเหรอว่าตัวเองไม่ได้พูดแบบนั้น
"ผมไม่ได้บอกว่าไม่อยากมี แต่ผมแค่บอกว่าเรายังอายุน้อยกันอยู่"
"แต่ความหมายมันก็เหมือนกันนั่นแหละ"
"มันจะเหมือนกันได้ยังไง"
ขณะที่ลูกชายกำลังทำความเข้าใจกับภรรยา ผู้เป็นแม่ได้แต่มอง เพราะไม่คิดว่าพอมีลูกมีเมีย เขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาขนาดนี้
"แม่ก็ดีใจที่จะมีสมาชิกในบ้านเพิ่ม"
คุยกันในห้องตรวจเสร็จ ทั้งสามก็กลับมาที่ห้องพักฟื้น เพื่อที่จะมาแจ้งข่าวดีให้ทุกคนได้รู้
พอทุกคนรับรู้ว่าสะใภ้คนเล็กกำลังตั้งครรภ์ สายตาของทุกคนไม่ได้มองมาที่เจ้าตัว แต่มองไปดูผู้เป็นพ่อที่นอนอยู่บนเตียง
"อยากรู้ใช่ไหมล่ะว่าทำไมพ่อถึงรู้เรื่องนี้ ..พวกเราเคยได้ยินคำว่าปฏิหาริย์ไหม คำนี้มันเพิ่งจะเกิดขึ้นกับพ่อ" ถึงแม้เสียงท่านจะเบามากแต่ทุกคนก็ตั้งใจฟัง และท่านก็พูดไปถึงว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มัดจุกน่ารัก มาบอกให้ท่านตื่นได้แล้ว ถ้าท่านไม่ยอมตื่นเด็กคนนั้นจะไม่ยอมมาอยู่ด้วย
แล้วเด็กคนนั้นก็เอื้อมมือมาจับแขนท่านไว้ บอกว่าอยากจะมาอยู่ด้วย ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่ท่านอยากจะฟื้นขึ้นมาบอกทุกคน ..ว่าเด็กคนนั้นได้พูดอะไรอีก
"เด็กพูดอะไรหรือคะ" ภรรยาถามเมื่อเห็นสามีเงียบไป
"เด็กบอกผมว่า อย่าเกลียดแม่หนูเลยนะ แม่หนูไม่มีที่ไปอีกแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียขัดดอก