"อึก..หะ..เหม..ฮือออ~" ทั้งที่ยังหวาดกลัวกับท่าทางและการกระทำของเหมราชไม่หาย แต่หัวใจดวงน้อยกลับกระตุกวูบเมื่อเห็นเขาขับรถออกไป นาร์เนียป้องปากสะอื้นไห้อย่างหนักราวกับจะขาดใจ สับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่ประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน
"..." ภาคินหมุนตัวกลับมามองใบหน้าแดงก่ำของเด็กสาวเงียบๆ พร้อมกับเช็ดคราบเลือดเกรอะกรังออกจากมุมปาก ความรู้สึกในตอนนี้มันแตกต่างจากความรู้สึกเมื่อสิบกว่านาทีที่แล้วอย่างชัดเจน และยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมอารมณ์ความรู้สึกมันถึงเปลี่ยนไป
"จะกลับบ้านไหม ฉันจะไปส่ง"
"อึก..ยะ..อย่ามายุ่งกับหนู" นาร์เนียหันหลังให้ แล้วเดินทอดน่องไปตามถนนเส้นยาวที่มีรถราวิ่งสวนกันไปมา การที่เธอใช้ภาคินเป็นเกราะปกป้องตัวเองจากอารมณ์โทสะของเหมราช ไม่ได้หมายความว่าเธอเลือกภาคิน แต่ในตอนนี้เขาเป็นที่พึ่งเดียวของเธอ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าหนักๆดังตามหลังมา ทำให้เธอรีบเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มแดงก่ำ หันกลับไปมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง เมื่อเห็นว่าคนที่เดินตามหลังมาเงียบๆคือภาคินจึงรีบหันหน้ากลับมา เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อหนีให้ไกลจากผู้ชายร้ายกาจ
"ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอทะเลาะกับมัน" ภาคินเร่งฝีเท้าตามมา รั้งแขนเด็กสาวไว้เมื่อเห็นเธอกำลังจะวิ่งหนีอีกครั้ง "ฉันแค่อยากเอาชนะไอ้เหม แล้วเธอก็เป็นจุดอ่อนของมัน"
"อึก..ละ..แล้วหนูเกี่ยวอะไรด้วย..อึก..ทะ..ทำไมหนูต้องเป็นคนที่เจ็บที่สุดด้วย..อึก..ฮือออ~"
"ฉัน..." ภาคินอึกอักที่จะตอบคำถามนั้น ท่อนแขนแกร่งค่อยๆรั้งตัวเด็กสาวเข้ามากอดแนบอก "ฉันรู้สึกผิดพอเห็นเธอร้องไห้ บางที...ฉันอาจจะตกหลุมพรางของตัวเอง"
"อึก..มะ..ไม่ต้องมากอดหนู" นาร์เนียขืนตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม คำขอโทษของภาคินไม่สามารถเรียกร้องให้บางสิ่งบางอย่างที่พังไปแล้วกลับมาสวยงามเหมือนเดิมได้ สิ่งที่เขาควรทำคือเลิกวุ่นวายกับเธอ ไม่ใช่พูดคำว่าขอโทษในตอนที่ทุกอย่างมันพังไปแล้ว
"ยะ..อย่ามายุ่งกับหนู..อึก..อยากทะเลาะกันก็ตามสบายเลย..แต่อย่าใช้หนูเป็นเครื่องมือ"
"ฉันแค่อยากทำให้ไอ้เหมมันเจ็บ ไม่ได้อยากทำให้เธอเจ็บกว่ามันแบบนี้"
"เหมเจ็บหนูก็เจ็บ..อึก"
"..." คำพูดที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งความรู้สึกของเด็กสาวทำให้ภาคินเงียบไป ทั้งที่แสดงอาการหวาดกลัวเหมราชขนาดนั้น แต่เธอก็ยังซื่อสัตย์กับคนรักของตัวเอง
เด็กสาวเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแดงก่ำอีกครั้ง พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไห้แล้วหันหลังเดินออกมา ในขณะที่ภาคินยังยืนมองเงียบๆอยู่ที่เดิม เมื่อนาร์เนียแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พร้อมจะพูดคุยจึงไม่เดินตามไป
@คอนโดของเหมราช
สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวที่ไหลลงมาสู่ใบหน้าช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น แต่ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มในใจได้ ร่องรอยความเจ็บปวดยังเด่นชัดบนใบหน้า ดวงตาแดงก่ำถ่ายทอดทุกความรู้สึกในใจโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ" มือหนาเปียกชุ่มเช็ดน้ำออกจากใบหน้าลวกๆ เหมราชหลับตาแน่น ปกปิดทุกความรู้สึกในใจ ไม่อยากยอมรับว่ากำลังอ่อนแอเพราะความรัก
"นะ..หนูไม่ค่อยหิวค่ะ เดี๋ยวดึกๆลงไปกินนะคะ" นาร์เนียตะโกนตอบผู้เป็นแม่ที่ร้องถามเข้ามา พยายามประคองเสียงไม่ให้สั่น
"เป็นอะไรรึเปล่านาร์เนีย ทำไมเสียงอู้อี้แบบนั้น มาเปิดประตูให้แม่เข้าไปหน่อย"
"หนูคัดจมูกนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักหน่อยนะคะ"
"แน่ใจนะว่าไม่ได้ร้องไห้ ทะเลาะกับเหมรึเปล่า ลูกเป็นแบบนี้แม่ไม่สบายใจนะ"
"อึก" เพียงแค่ได้ยินชื่อของเหมราช น้ำตาที่พยายามกลั้นก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง นาร์เนียป้องปากสะอื้นไห้ ก่อนจะตะโกนตอบเสียงสั่น "มะ..ไม่ได้ทะเลาะกันค่ะ หนูแค่ไม่สบายนิดหน่อย คุณแม่ลงไปทานข้าวเถอะค่ะ"
"ถ้าไม่ได้ทะเลาะกันก็ดีแล้ว เดี๋ยวแม่แบ่งกับข้าวไว้ให้นะ ถ้าหิวก็ลงไปกิน"
"ค่ะ" เธอรับคำเสียงเครือ พร้อมกับดึงหมอนข้างมากอดไว้
นภาถอนหายใจเบาๆด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แม้จะไม่ได้ถามเซ้าซี้แต่ก็พอเดาได้จากน้ำเสียงของลูกสาวเธอว่าไม่ได้ป่วยแต่กำลังร้องไห้ ถึงอย่างนั้นคนเป็นแม่อย่างเธอก็เลือกที่จะมองดูอยู่ห่างๆด้วยความห่วงใย เพราะเธออยากให้นาร์เนียเรียนรู้ที่จะผ่านปัญหาไปให้ได้ด้วยตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียนักเลง