“……”เด็กหนุ่มไม่แยแสสนใจ
ญาณีล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาโดยตรง!
ไวศิษฎ์ตกใจกับการกระทำของเธอ“เห้ย!ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันสิ”
พอคลำเจอโทรศัพท์ของเขาก็หยิบออกมาอย่างทันที ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว จ้องมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น“ไม่ได้ยินที่ตำรวจบอกเหรอ? ว่าต้องพาครอบครัวมา นายกะจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตหรือไง?”
“คุณก็อยู่นี่ไม่ใช่หรือไง?”ไวศิษฎ์สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน“อย่าติดต่อไปหาเขานะ!”
ญาณียื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าของเขา เหมือนกับสั่งว่าให้“ปลดล็อก!”
“ผมไม่อยากเจอเขา!”
“เขาก็คงไม่อยากเจอนายเหมือนกันนั่นแหละ!”ญาณีท่าทางเหมือนกับพี่สาวคนคนโต“รีบปลดล็อกเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!”
ไวศิษฎ์หมดคำพูด ปลดล็อกอย่างหมดหนทาง ญาณีไม่เปิดหน้ารายชื่อ กดหมายเลขก่อนจะโทรศัพท์ออกไปตรงๆเลยทันที
ในเวลานี้ ภีมพลยังคงเดินเล่นอยู่ที่สวนสนุกเป็นเพื่อนกับนภาลัย เธอกินปิงถังหูหลูเม็ดสุดท้ายเสร็จแล้ว
ภีมพลซื้อสายไหมให้กับเธอหนึ่งอัน ยื่นไปตรงหน้าของเธอ“ให้คุณ”
ท่าทางเหมือนกับหุ่นยนต์ คำพูดสองคำเหมือนกับหุ่นยนต์ นภาลัยถลึงตาโต“นี่คุณอยากจะให้ฉันเป็นเบาหวานหรือไง? เพิ่งจะกินปิงถังหูหลูหมดไปเองนะ”
“แสดงว่าคุณไม่เอาสินะ?”ภีมพลพูดถาม
“กินไม่ไหวแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก่อนที่จะให้ของกับผู้หญิง จะต้องถามก่อนใช่ไหม?”
“……”เธอตอบไม่ถูก“คุณจงใจใช่ไหม?!”
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ภีมพลมือหนึ่งถือสายไหม มือหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ตอนที่เขาเห็นสายที่แสดงอยู่นั้น ก็อึ้งตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่ไหนแต่ไรศิษฎ์ไม่เคยเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อนเลย
ภีมพลตะลึงไปหลายวินาที
นภาลัยชำเลืองตามองเขาด้วยความสงสัย“รับสิ”
นิ้วเรียวยาวของเขาสไลด์ปุ่มรับสาย พอได้ฟังเนื้อหาจากภายในสาย ภีมพลก็พูดขึ้น“ได้ จะไปเดี๋ยวนี้”
เกรงว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาพูดคุยกับญาณีด้วยท่าทีที่ดีขนาดนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
พอวางสายแล้ว เขาก็พูดกับนภาลัย“วันนี้เที่ยวต่อไม่ได้แล้ว ผมต้องไปที่สถานีตำรวจ ผมจะให้คนขับรถส่งคุณกลับไปก่อน”
วินาทีต่อมา ภีมพลก็เดินตรงไปยังห้องสอบสวน
ทั้งสองคนที่อยู่ข้างนอกไม่ได้พูดคุยกัน ญาณีมองนภาลัย นภาลัยหลบสายตาของเธอ หยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนดูติ๊กต็อก
ญาณีสีหน้ายุ่งยากซับซ้อน ภายในใจบอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่
ดูท่าภีมพลคงจะไม่ได้มองว่าเธอเป็นคนนอกสินะ
ไม่นาน ภีมพลก็ออกมา จ้องมองไวศิษฎ์ด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“ผมไม่ได้ให้คุณมาหรอกนะ แต่พี่ญาณีดึงดันจะติดต่อคุณให้ได้”น้ำเสียงของเด็กหนุ่มดูถูกดูแคลนอย่างมาก ไม่ได้จ้องมองเขาตรงๆตั้งแต่แรก
ท่าทีของเด็กหนุ่มทำให้แววตาสีดำของภีมพลเปลี่ยนไปนิ่งลึกอย่างไร้ขอบเขต แววตาแฝงไปด้วยรังสีอันตราย
ญาณีกลัวว่าเขาจะโมโห จึงรีบพูดโน้มน้าวขึ้นมา“ภีมพล คุณไม่ต้องไปโกรธไวศิษฎ์หรอก เรื่องนี้โทษเขาไม่ได้จริงๆ เป็นความผิดของผู้ชายคนนั้น ศิษฎ์แค่ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น ตอนนั้นฉันก็อยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นพยานให้ได้!จริงๆนะ!”
ภีมพลจ้องมองไวศิษฎ์ ครึ่งหน้าปูดบวม กระดาษที่อุดจมูกเอาไว้ก็ย้อมจนเป็นสีแดง ไม่ว่าท่าทางที่แสดงออกมาจะปล่อยใจสบายๆขนาดไหนก็ปกปิดความอัดอั้นลำบากใจเอาไว้ไม่มิดอยู่ดี การทะเลาะวิวาทกันในครั้งนี้ เขาพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด
“ภีมพล……”ญาณีไม่อยากทำให้เรื่องมันต้องมาพังลงแบบนี้ ถึงยังไงเธอก็เป็นคนโทรศัพท์ไป
“ถ้าใจกล้าก็สู้ให้ชนะสิ อย่าก่อเรื่องซะจนมาอับอายขายขี้หน้าที่สถานีตำรวจแบบนี้”ภีมพลน้ำเสียงเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก