ความคิดของหวงฟางเป็นไปอย่างสวยหรู แต่เอียนหยู่โรวกลับไม่ให้ความร่วมมือ“แม่ หนูเป็นคนมีหัวจิตหัวใจนะ คบหากับเซียวเซิ่งมาตั้งสี่ปี หนูรักเขาขนาดนี้ จะอยากเลิกกับเขาได้ยังไงกัน……”
“โอ๊ยแม่คุณทูนหัวของฉัน ลูกต้องเข้าใจในหลักความเป็นจริง เซียวเซิ่งเขาเปลี่ยนไปแล้ว ให้เอาช้างสิบตัวมาฉุดก็กู่ไม่กลับแล้ว!”
เมื่อเห็นลูกสาวกำลังจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง หวงฟางลูบไปที่ศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน ยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ“วันข้างหน้าหากเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแม่ลูกตายไป ขี้คร้านเซียวเซิ่งจะเอาเกี้ยวมารับลูกถึงที่……ลูกยังจะกลัวอะไรอีก?”
หัวสมองเอียนหยู่โรวว่างเปล่า ไม่มีความคิดอะไรทั้งนั้น ทำได้แค่เชื่อฟังคำของคนเป็นแม่
พอรุ่งสาง เธอก็กดโทรไปหาเซียวเซิ่งตามที่แม่ได้บอกกล่าว ตั้งใจจะเจรจาต่อรองกับเขา แต่กลับไม่มีคนรับสาย ไม่มีทางเลือก เธอก็จึงต้องโทรไปหาพ่อบ้านเซี่ย
พ่อบ้านเซี่ยนั้นสุภาพมาก“ ผมไม่กล้าไปรบกวนคุณชายหรอกครับ คุณคุยกับเลขาเล่ย์ก็ได้ โอเล่ย์ตัดสินใจแทนคุณชายได้ทุกอย่างครับ”
แน่นอนว่าเอียนหยู่โรวรู้ว่าบางครั้งโอเล่ย์ก็จัดการทุกอย่างแทนเซียวเซิ่งได้ แต่โอเล่ย์เป็นนักกฎหมาย และมาจากครอบครัวทนายความ พูดคุยกับคนแบบนี้ มันรู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้
ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเอียนหยู่โรวหยานก็ตัดสินใจ“ถ้าอย่างนั้นก็ติดต่อโอเล่ย์ให้หน่อยแล้วกัน ”
“ได้ครับ”
หลังจากที่วางสาย พ่อบ้านเซี่ยก็ถอนหายใจ หัวเราะแหะๆอยู่สักพัก จากนั้นก็โทรหาโอเล่ย์ “นี่อาเล่ย์ คุณชายของเรากับเอียนหยู่โรวได้พูดคุยกันแล้ว ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดก็จบสิ้นสักที อย่าว่าแต่คุณชายเลย ฉันเองก็ใจคอห่อเหี่ยวไปหมดแล้ว คุณรีบร่างสัญญาฉบับหนึ่งขึ้นมา อีกเดี๋ยวก็ให้เธอเซ็นมันซะ เรื่องนี้จะได้จบๆสักที ”
“ได้ครับ”โอเล่ย์ก็ดีใจมากเช่นกัน“อันที่จริงก็ไม่มีรายละเอียดอะไรให้ร่างมากนักหรอก ให้เงินก้อนโตไปจำนวนหนึ่งก็น่าจะจบ”
“กลัวว่าเธอจะไปอาละวาดกับคุณท่านและคุณนายมากกว่า”พ่อบ้านเซี่ยขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดอย่างใจกว้าง“เธอจะยื่นข้อเสนออะไรมา ก็พยายามให้เธอพึงพอใจที่สุดแล้วกัน ”
“ครับ”หลังจากที่วางสาย โอเล่ย์หยิบเอาสัญญาที่ร่างเรียบร้อยไว้นานแล้วออกมาตรวจเช็กดูอีกครั้ง จากนั้นก็เดินทางไปโรงพยาบาลในทันที……
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตื่นมาในตอนเก้าโมงเช้า เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเซียวเซิ่งยังนอนขี้เกียจอยู่ ตัวเองก็นอนซบในอ้อมแขนของเขา เงยหน้าขึ้นก็ชนเข้ากับปลายคางของเขา
ขนตาของเซียวเซิ่งขยับไหว ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดวงตาที่งัวเงียเผยให้เห็นถึงความงดงามที่มี ทันทีที่เห็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เขารู้สึกพึงพอใจอย่างที่สุด บีบไปที่แก้มของเธอ แล้วปิดเปลือกตาผล็อยหลับไปอีก
หัวใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกระตุกวูบ ขบริมฝีปากแน่น สายตามองไปยังใบหน้าที่หล่อเหล่าอย่างไม่วางตา พบว่าขนาดขนตาของเขาก็ยังดูสวยงาม ทุกเส้นงามงอน มือของเธอจู่ๆก็อยู่ไม่สุข แอบสัมผัสไปที่ขนตางามงอนนั้นของเขา คิดว่าตัวเองได้กำไรแล้ว ลุกขึ้นจากเตียงอย่างสมใจ
มาถึงที่ห้องน้ำ เธอก็นึกไปถึงเมื่อครั้งที่เซียวเซิ่งนอนแช่น้ำและดื่มไวน์สีเหลืองอ่อน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา คิดๆไปแล้ว เรื่องราวระหว่างพวกเขาก็มีอยู่มากมายเหมือนกัน ถึงคราวที่ต้องจากกันไป เธอก็อาลัยอาวรณ์ไม่น้อย
หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังเซียวเซิ่งอีกครั้ง
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านบานหน้าต่างขนาดใหญ่ สาดแสงที่อ่อนโยนลงมา ทำเอาใบหน้าของเขาราวกับเปล่งประกายแสงได้ โดยเฉพาะริมฝีปากบางนั้น งดงามอย่างสมบูรณ์แบบ สีชมพูอ่อนๆ ราวกับเป็นผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง……
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแอบกลืนน้ำลายลงคอ ละสายตาออกก้าวเท้าเดินไปได้สองก้าว แต่แล้วจู่ๆก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังริมฝีปากของเขาอีกครั้ง ราวกับถวิลหาอย่างมาก ปรกติเวลาที่พวกเขาจูบกัน เธอไม่ได้มองริมฝีปากของเขาเลย แต่นี่มองไปแค่แวบเดียวทำไมถึงลืมไม่ลงไปได้ ?
ในที่สุดเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ฮึดสู้ขึ้นมา ตั้งใจจะใช้โอกาสที่เซียวเซิ่งกำลังหลับอยู่ แอบขโมยจูบเพื่อเป็นที่ระลึก
เดินมาถึงที่ข้างเตียง เธอหันซ้ายมองขวาราวกับเป็นขโมย จากนั้นก็ก้มหน้าลงขยับเข้าไปใกล้ริมฝีปากของเขา จากระยะห่างที่เคลื่อนเข้าหากัน เธอได้กลิ่นกายเฉพาะตัวของเขา ราวกับน้ำค้างบนยอดหญ้าในยามเช้าที่หอมหวน
ขนตาเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกะพริบปริบๆ กลั้นหายใจ แตะไปที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ……
“ตามสบายครับ”โอเล่ย์ปัดเศษกระดาษที่ติดอยู่บนไหล่ออก ยิ้มอย่างมีเลศนัย“ท่านประธานของเราเป็นคนดีมีคุณธรรม เห็นแก่ไมตรีจิตของคุณเอี๋ยนถึงได้ใจกว้างแบบนี้ แต่คุณนายของเราเธอเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด ถึงตอนนั้นไม่ให้อะไรเลย แล้วยังเรียกคืนเอากับพวกคุณอีก ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อยากจะเซ็นสัญญาเมื่อไร ก็ติดต่อผมมาแล้วกัน”
พูดจบ โอเล่ย์ก็ถือกระเป๋าเอกสารแล้วจากไป เหลือเพียงแม่ลูกสองคนที่ละโมบโลภมากต่างหันมองหน้ากัน นิ่งอึ้งไม่ได้สติอยู่เป็นเวลานาน
เพราะเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขโมยจูบเซียวเซิ่ง ก็จึงมานั่งตำหนิตัวเองอยู่ที่สวนดอกไม้อยู่นาน หากสวี่เจียนรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป จะต้องเสียใจแค่ไหนกัน……ต้องโทษเซียวเซิ่งที่มาล่อลวงเธอ แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี ? รู้สึกผิดจริงๆ
พ่อบ้านเซี่ยกลับมาจากการไปซื้อของ ทันทีที่จอดรถเสร็จก็เห็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาศีรษะตัวเองโขกไปที่แปลงดอกไม้ ตกใจจนวิญญาณแทบหลุด“คุณเอี๋ยน คุณเป็นอะไรไป?”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเงยหน้าขึ้น ดวงตาเหม่อลอยกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง เห็นพ่อบ้านเซี่ยถือกล่องใบหนึ่ง จึงเอ่ยถาม“ นี่อะไรคะ? ”
“นี่คือครีมบำรุงผิวใต้วงแขน”เซี่ยเอ่อยิ้มอย่างอ่อนโยน“คุณชายของเราให้ความสำคัญกับขนใต้วงแขนเป็นอย่างมาก คุณเองก็รู้ใช่ไหม?”
“อ้อ รู้ค่ะ”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตอบรับไปคำหนึ่ง จู่ๆที่หัวสมองก็มีแผนการที่จะแก้แค้นเอาคืนขึ้นมา ให้ความสำคัญกับขนใต้วงแขนใช่ไหม?
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอเล่ย์กลับมาถึงที่มายด์ฮาร์ทวิลล่า ก็ได้ยินเซียวเซิ่งกำลังโมโห
หงยวี่ตกใจจนหนีหัวซุกหัวซุน แหกปากร้องแล้วเข้าไปมุดอยู่ในพุ่มไม้ตรงสวน โอเล่ย์ลากเธอออกมา ถามอย่างตื่นตกใจ“ เกิดอะไรขึ้น? ”
หงยวี่ตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม เมื่อเห็นว่าเป็นโอเล่ย์ก็ถึงได้โล่งใจ พูดอย่างหดหู่ใจ“พุทโธ่ เสี่ยวเหนียนหยูก่อเรื่องขึ้นแล้ว คุณชายเขาให้ความสำคัญกับขนใต้วงแขนมากไม่ใช่เหรอ?เสี่ยวเหนียนหยูใช้จังหวะที่เขาหลับอยู่โกนขนด้านซ้ายออกจนเกลี้ยงเลย”
โอเล่ย์“……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น