การที่มีจิตใจเจ้าเล่ห์นั้นช่างน่าขยะแขยงโดยไม่ต้องสงสัย เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงทบทวนตนเองดู และพบว่ามโนธรรมของเธอก็ชัดเจนดี
การที่เธอแสดงท่าทีที่ดีต่อเย่ลั่ว ไม่ได้ต้องการประจบประแจง ให้หล่อนไปเอ่ยชมตนเองต่อหน้าเซี่ยจิ่น แต่นั่นเป็นเพราะว่าหล่อนคือป้าของเย่เฟิง
ต่อให้รู้ว่าจอแสดงผลของตนเองถูกพวกหล่อนลงไม้ลงมือดัดแปลง แต่เธอก็ไม่ได้หาเรื่องวุ่นวาย ในตอนสุดท้ายที่เธอสร้างเรื่องขึ้นนั้นก็เป็นเพราะความดื้อรั้นของถังเหวย
นี่เรียกว่าเจ้าเล่ห์เหรอ?
จากการยั่วยุของผู้ช่วยเย่ เซี่ยจิ่นคงจะเกลียดชังเธอมากขึ้นสินะ เฮ้อ......
บริเวณไม่ไกลออกไปนัก ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ร่างของใครคนหนึ่งสูงใหญ่กำยำตรงออกมาอย่างรวดเร็วแล้วชะงักลง แววตาลึกล้ำของเขาจับจ้องไปที่ร่างของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน
หากเซียวเซิ่งรู้ว่าภรรยาของเขากำลังครุ่นคิดว่าตนเป็นคนเจ้าเล่ห์หรือไม่ เขาคงจะต้องหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างแน่นอน ระดับการศึกษานั้นเกี่ยวข้องอะไรกับการใช้กลอุบายกัน?
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหายใจออกมาและไม่ได้เคาะประตู เธอเดินตรงเข้าไปข้างใน
ผู้ช่วยเย่กำลังนั่งทำสมาธิ เมื่อพบว่ามีคนเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นกำลังจะโมโห แต่เมื่อพบว่าเป็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เธอก็ฝืนยิ้มอย่างเป็นมิตรครั้งแรก
“อ้าวเสี่ยวเนี่ยน ฉันกำลังอยากจะคุยกับเธอพอดี นั่งก่อนสิ”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันจะพูดแค่สองสามประโยคก็ไปแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน” ผู้ช่วยเย่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ่านหน้าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เปิดประตูมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเธอจึงล็อกประตูแล้วกลับมานั่งลง “พูดได้”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจ้องไปที่ดวงตาของผู้ช่วยเย่แล้วเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึมว่า “น้ำยาที่ฉีดไปบนหน้าจอ คุณเป็นคนอนุญาตอย่างงั้นเหรอ?”
ผู้ช่วยเย่ชะงักลงทันที เธอเข้าใจได้ว่าทำไมเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถึงสอบได้ศูนย์คะแนนแล้ว หรือเป็นเพราะถังเหวย......
เมื่อเห็นแววตาสีหน้าของเธอดูแปลกไปแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็รู้สึกไม่พอใจและเศร้าใจเล็กน้อย มือที่กำเอาไว้ของเธอสั่นคลอน “ลั่วเย่ ทำไมคุณถึงทำตัวแบบนี้ เซี่ยจิ่นบอกแล้วว่าสักวันหนึ่งเธอจะยอมรับฉัน เมื่อถึงวันนั้นคุณจะไม่รู้สึกทำตัวไม่ถูกเหรอ คุณทำร้ายฉันให้ฉันสอบได้ 0 คะแนน คิดว่าจะสามารถขับไล่ฉันให้ไปจากข้างกายเซียวเซิ่งได้เหรอคะ คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
“เธอว่าอะไรนะ” เมื่อผู้ช่วยเย่เห็นว่าเธอไร้เหตุผลแบบนี้ ก็ทำใบหน้าเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนโต๊ะตบลงเสียงดัง “ใครทำให้เธอสอบได้ 0 คะแนนกัน ความรู้ของเธอระดับไหนควรจะรู้ตัวเองดี จะสอบอีกครั้งตอนนี้หรือไม่? ถ้าเธอสอบผ่านฉันจะเก็บของออกจากที่นี่ทันที”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนชะงักลง มือที่กำแน่นก็ผ่อนคลาย ใช่แล้ว ต่อให้เธอทำอีกครั้งเธอก็อาจไม่ผ่าน
ที่ด้านนอกประตูเมื่อเซียวเซิ่งเห็นว่าภรรยาของตนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเพราะคำของฝ่ายตรงข้าม แววตาอาฆาตปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาแล้วถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง เขายกขาเรียวยาวของเขาขึ้นแล้วทำท่าทางเตะมันออกไป
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับแม่สามี คุณช่วยอัดเสียงของฉันแล้วส่งไปให้เจ้านายคุณหน่อยได้ไหม?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดขึ้น
ร่างของเซียวเซิ่งราวกับถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราว แววตาของเขาเผยความประหลาดใจ ผ่านเข้ามา
ภรรยาของเขาจะพูดอะไรกับแม่?
“ก็ได้ เชิญพูด” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที ผู้ช่วยเย่ก็มองไปทางเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “แต่ถ้าเธอต้องการจะร้องขอความเมตตาฉันคงไม่ส่งคำพูดนี้ไปให้ คุณนายจะไม่ยอมรับคำร้องขอจากเธอแน่นอน ส่งไปก็ไร้ประโยชน์”
“วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่เคยร้องขอใครนอกจากสามีของฉัน” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมีแววตาที่แน่วแน่ กลิ่นอายของความเย่อหยิ่งเผยออกมาจากกระดูกดำ ราวกับดอกกุหลาบที่เบ่งบาน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะดูถูกเหยียดหยามได้
“ตู้ด” ผู้ช่วยแยกกดปุ่มบันทึกเสียง
น้ำเสียงของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสั่นคลอนเล็กน้อย “ชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันไปจากเซียวเซิ่งอย่างแน่นอนนอกเสียจากฉันตาย ฉันจะเป็นเช่นปลิงอยู่ติดกับเขาไปตลอดชีวิต และว่ายน้ำไปยังหัวใจของเขา หยั่งรากลงไปในนั้น และใช้เลือดของเขาในการดำรงชีวิต ใช้เนื้อของเขาเป็นที่อยู่อาศัย พร้อมจะตายไปด้วยกัน จะไม่แยกจากกันทั้งนั้น ถ้าต้องการจะให้ฉันแยกออกจากเขา มีวิธีเดียวนั้นก็......”
“หยุด” สีหน้าของผู้ช่วยเย่ดูเปลี่ยนไป เธอกดปุ่มหยุดทันที
แม่หนูคนนี้ช่างกล้าพูดจริง ๆ ถ้าคุณนายได้ยินคงจะโมโหตายน่ะสิ
“ฉันคือเซี่ยจิ่น” น้ำเสียงอันสง่างามของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น แต่ดูแล้วค่อนข้างเป็นมิตร
“หา......” แม้ว่าจะทำใจไว้ก่อนหน้าแล้วแต่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ยังประหลาดใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับสายโทรศัพท์จากแม่สามี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าและพูดตะกุกตะกัก...... “แม่คะ สวัสดีค่ะ”
“รู้ไหมตอนที่เธอเรียกฉันว่าแม่ ในใจฉันรู้สึกอย่างไร?” เนื่องจากได้รับการศึกษามาอย่างดี ตอนที่เซี่ยจิ่นพูดนั้นแม้เธอจะเกลียดใครน้ำเสียงก็ไม่ได้แสดงออกมายังคงสงบดังเดิม
“ขอโทษค่ะ คงจะรู้สึกไม่สบายหู” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอ่ยอย่างเข้าใจ
“ใช่แล้ว ราวกับมีลูกธนูนับหมื่นเสียดแทงดวงใจ” น้ำเสียงของเซี่ยจิ่นดูซับซ้อนเล็กน้อย เธอเพิ่มระดับเสียงขึ้นว่า “ไปหาที่ ๆ ไม่มีคนแล้วค่อยคุย อย่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท”
“ค่ะแม่”
เมื่อได้ยินว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งดูไม่พอใจนัก เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงกะพริบตาแล้วพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ขอโทษนะคะแม่ หนูเรียกตามสามีเขาเรียกแม่ว่าอะไรหนูก็เรียกแม่ว่าอย่างนั้น”
เซี่ยจิ่นยกมือขึ้นกุมหัวอย่างปวดขมับ
เมื่อเธอถูกพี่สาวคนโตกดขี่ข่มเหงเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้เธอจึงไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้อีก เธอจึงพูดออกมาว่า “อยากเป็นลูกสะใภ้ฉันเหรอ ก็ไม่ได้ยากนักหรอก ไม่ว่าจะจนจะรวยฉันไม่ถือสา มีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือต้องเป็นสาวบริสุทธิ์ เธอบริสุทธิ์หรือเปล่าล่ะ? ถ้าใช่ฉันก็ยอมรับเธอตอนนี้ แต่เธอใช่เหรอ? ถ้าจะโทษ ก็โทษที่เธอไม่ทะนุถนอมความบริสุทธิ์นั้นไว้”
ถ้าจะโทษก็โทษที่ไม่ทะนุถนอมความบริสุทธิ์นั้น
ประโยคนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
การที่ถูกแทงไปยังก้นบึ้งของหัวใจทำให้เธอเจ็บปวดอย่างมาก ดวงตาของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหรี่ลงราวกับถูกโจมตีอย่างหนัก ใบหน้าซีดเผือดทันทีแม้แต่ริมฝีปากของเธอก็ซีดขาว
ต่อให้เธอจะพูดเก่งแค่ไหน ตอนนี้เธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ และไม่อาจล้างมลทินให้กับตัวเองได้ เธอเคยเสียความบริสุทธิ์ไปและยังมีลูกด้วย......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น