เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว หลังจากกลับมาที่นั่ง เธอวางโทรศัพท์ที่ยังถือสายอยู่นั้นคว่ำลงบนโต๊ะ กลัวอูเจินจูจะเห็นอะไรบางอย่างในโทรศัพท์นั้น
“หน้าเธอเป็นอะไรอ่ะ? อูเจินจูใช้มือสัมผัสไปที่ใบหน้าของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “หน้าแดงอมชมพูหรือว่าเธอกำลังร่วมรักกับน้องเขยในโทรศัพท์?”
“โอ้ย~” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตบมือหล่อนแล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่พูดจาไว้หน้ากันหน่อยได้มั้ย?”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกท่านเคยผ่านมากันหมดแล้ว ช่ำชองและรู้ลึกกว่าพวกเราเสียอีก” อูเจินจูพูดอย่างประหม่า
เอ่อ มีเพื่อนแบบนี้หนักใจจริงๆ! เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรีบใช้นิ้วโป้งปิดลำโพงอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวเซียวเซิ่งจะได้ยิน
แต่ถึงเขาจะได้ยินก็ไม่เป็นอะไร เพราะระดับความโหดร้ายของเซียวเซิ่งไม่แย่เมื่อเทียบกับกว่าอูเจินจู
เซียวเซิ่งมักใช้น้ำเสียงจริงจังพูดเลียบเคียงเกี้ยวพาราสีกับภรรยาของตัวเองด้วยคำพูดที่สุดจะเหลือทน แม้ว่าจะร้ายมานักต่อนัก แต่เสน่ห์ของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยยังคงพราวเสน่ห์เหมือนเดิม
แม้แต่คำว่าแผ่นดินไหวบนดาวฤกษ์ คิดออกมาได้ยังไง? น่าอายแทนดวงดาวมากแค่ไหน?
ชีวิตนี้หล่อนเคยไปยั่วโมโหใครเหรอ?
“กินข้าวกินข้าว…”น้าอูรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วตักอาหารให้ลูกสาวกับเสี่ยวเนี่ยน “เสี่ยวเนี่ยน หนูชอบกินสาคูมั้ย?
“เธอชอบกินมาก!” อูเจินจูรีบตอบแทนเพื่อนสนิท “ดูสิ ผิวพรรณของเสี่ยวเนี่ยนขาวใส เรียบเนียนเหมือนสาคู เพราะชอบกินสาคู
เซียวเซิ่งคนในปลายสายเขาจำไว้แล้ว แท้จริงแล้วเธอชอบกินสาคู พรุ่งนี้เขาจะทำให้เธอกินด้วยฝีมือของตัวเอง
เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็จะ3ทุ่มแล้ว ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นยังต้องการไปร้องคาราโอเกะต่อ
หากไม่มีเซียวเซิ่ง เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต้องไปด้วยแน่นอน แต่อีกใจของคนคลั่งรักก็อยากจะอยู่กับคนรัก คิดถึงเซียวเซิ่ง คิดถึงจังเลย…
“คุณลุงคุณน้าคะ หนูขอไม่ไปนะคะ ขอให้เที่ยวอย่างสนุกค่ะ”
“เธอเป็นห่วงว่าจะไม่มีความสุขเหรอ?” อูเจินจูได้ยินก็รู้สึกร้อนใจ
“พวกเราไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันนานแล้วนะ ไปนะเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
“ใช่แล้ว ถ้าเสี่ยวเนี่ยนไม่ไป พวกเราก็ไม่สนุกแล้ว”ชราสองคนเชิญชวนอย่างจริงใจ
เมื่อเห็นทั้งสามคนกระตือรือร้น ทำให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “หนูเพิ่งนัดให้สามีมารับที่ภัตตาคารอาหารตะวันตกตอนสามทุ่ม”
“ไอ้หมอนี่เห็นเซ็กส์ดีกว่าเพื่อน” เจินจูเดาทางเธอออก และพูดทิ้งๆขว้างๆว่า “เมื่อก่อนเธอเคยบอกว่าผู้ชายเหมือนเสื้อผ้า เพื่อนเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ? ผ่านมาไม่นานก็ทิ้งเพื่อนฝูงแล้วเหรอ? เสื้อผ้าสำคัญหรือว่าเพื่อนสำคัญล่ะ?”
“เสื้อผ้าสำคัญสิ เราสามารถเห็นคนไม่มีพี่น้องได้บนท้องถนน แต่ไม่เห็นคนวิ่งเปลือยกาย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดด้วยความดื้อรั้น
“เธอ…”เจินจูเบ่งตาโตด้วยความโกรธ
ปลายสายเซียวเซิ่งมักมีสีหน้าเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ แต่วันนี้ใบหน้าของเขาสดใส เผยให้เห็นรอยยิ้มในแววตาอย่างชัดเจน ไม่มีใครรู้ว่าเขายิ้มเรื่องอะไร แต่ต้องเกี่ยวข้องกับภรรยาแน่นอน ทำเอาทุกคนอยากแต่งงานไปตามๆกัน
“เธอไม่ต้องไปบังคับหล่อน เสี่ยวเนี่ยนมีครอบครัวแล้ว ครอบครัวต้องมาก่อนสิ่งอื่น” น้าอู ลากลูกสาวขึ้นรถ “เสี่ยวเนี่ยนพวกเราไปก่อนนะ”
“บ้ายบาย”
หลังจากที่หล่อนส่งครอบครัวของเจินจูกลับไปแล้ว เสี่ยวเนี่ยนเดินกลับไปที่โต๊ะและหยิบโทรศัพท์แนบข้างหู หล่อนได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากปลายสาย ซึ่งในขณะะนั้นเซียวเซิ่งกำลังพูดคุยกับเพื่อนเขา น้ำเสียงที่แตกต่างมีเสน่ห์ของแต่ละคน
“ที่รัก พวกเขาไปกันหมดแล้ว ฉันไปหาคุณนะ”
“อืม มาสิ”เซียวเซิ่งตอบแล้วเปิดประตูเดินออกมา ขณะนั้นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็มาถึงหน้าประตูพอดี
เซียวเซิ่งยืนนิ่งไม่พูดอะไร แล้วยื่นมือที่ยาวเรียวสวยงามออกไป เมื่อทั้งสองคนประสานมือกัน กระแสไฟฟ้าก็ไหลไปทั่วร่างกายงดงามจนทำให้ผู้คนหัวใจกระพือ
เพิ่งจากกันไม่เท่าไหร่? ความคิดถึงเป็นเหตุ
“มีสิ ครั้งหน้าจะแนะนำให้รู้จักนะ ไปก่อนละ”
“พี่สะใภ้ ทิ้งเบอร์โทรหรือเพิ่มเพื่อนในWeChatไว้หน่อย”
"เหอ..." เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้ว่าเซียวเซิ่งต้องไม่ยอมแน่นอน หล่อนจึงพูดด้วยรอยยิ้มไปว่า “พวกคุณส่งข้อความมาให้เซียวเซิ่งก็ได้ ยังไงฉันก็ได้อ่านเหมือนกัน"
ทุกคนส่งเสียงร้องอย่างผิดหวัง ฉู่หยู้ซียิ้มอย่างชื่นชมและชมหญิงสาวคนนี้รอบคอบ หล่อนไม่ได้พูดทำร้ายใครและไม่ได้หาข้อแก้ตัวในการปฏิเสธที่จะไม่ให้หมายเลขโทรศัพท์
"ไปกันเถอะ" เซียวเซิ่งไม่ต้องการให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดคุยกับพวกเขา เขาจับมือเล็กๆของภรรยาและเดินออกจากที่นั่งชั้นพิเศษด้วยความรวดเร็ว
หลังจากออกจากภัตตาคารอาหารตะวันตกแล้ว เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถึงได้รู้สึกเขินอาย ด้วยใบหน้ารูปไข่ที่บอบบางแดงระเรื่อ “ที่รัก เมื่อกี้ฉันไม่ได้ทำให้คุณอับอายใช่ไหม?”
“ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ผมจะไม่มีวันรู้สึกว่าคุณเป็นคนน่าอับอาย แม้ว่าคุณจะทำเรื่องที่น่าอับอายก็ตาม”
ประโยคนี้ทำให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนประทับใจมาก ผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับประโยคนี้จากสามีของตัวเองจะรู้สึกสบายใจมาก "ถ้าฉันมีข่าวซุบซิบกับชายอื่น คุณจะโกรธฉันไหม?"
"ต้องโกรธสิ!" เซียวเซิ่งมองหล่อนและพูดตรงๆ“สุดที่รักของตัวเองถูกคนชั่วตำหนิ ใครจะไม่โกรธได้ล่ะ? ถ้าให้ผมเลือกระหว่างเรื่องที่เธอทะเลาะกับแม่ของผม กับเรื่องที่เธอมีข่าวซุบซิบกับผู้ชาย ผมจะโมโหเรื่องหลัง
หล่อนสำคัญยิ่งกว่าแม่ของเขาอีก
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตะลึง ความหวานอบอวลไปทั่วทั้งหัวใจ “เซียวเซิ่ง ฉันไม่มีทางที่จะทะเลาะกับแม่ของคุณ และยิ่งไปกว่านั้นคือฉันไม่เจ้าชู้”
“อิม” เซียวเซิงเชื่อเธอ เขาลูบหัวเธอแล้วยิ้มอย่างพอใจ “น่ารักจัง”
แม้เซียวเซิ่งจะพูดว่า"น่ารักจัง" แทนที่จะพูดว่า"ผมรักคุณ" แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความสุข รักหรือไม่รัก ดูได้จากกระกระทำและคำพูด ไม่จำเป็นต้องพูดคำว่าฉันรักคุณก็ได้
“จริงสิ เอียนหยู่โรวยังอยู่ในมายด์ฮาร์ทวิลล่ามั้ย?” จู่ ๆ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ถามถึงหล่อนขึ้นมา ในเมื่อตัดสินใจกลับไปพักที่บ้านแล้ว เธอจึงต้องรู้เขารู้เรา
“คิดซะว่าหล่อนไม่อยู่ก็พอ ขึ้นรถสิฉันจะพาเธอไปดูดาว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น