เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถูกรัศมีความน่ากลัวของเซียวเซิ่งกดดันลงมาจนใจสั่นแล้ว ถอยออกไปสองก้าวอย่างอัตโนมัติ เกรงว่าจะถูกความเหี้ยมโหดของเขาทำร้ายเข้าแล้ว เธอยอมรับว่าแท้จริงแล้วยังเกรงกลัวเขาอย่างมาก
แต่ทว่าเซียวเซิ่งไม่ได้หยุดลง หมัดที่กำแน่นอยู่ข้างกายปล่อยลง ยกมือชี้ไปที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน กำลังคิดจะด่าสักสองประโยค ไม่ทันไรมองเข้ามาในแววตาที่กำลังหวาดกลัวของเธอ ทันใดนั้นความโมโหก็ไม่เหลืออยู่แล้ว มือจะยกขึ้นก็ไม่ใช่ จะวางลงก็ไม่ใช่
ในวินาทีนี้ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพบว่าบริเวณแขนเสื้อของเขาตุงขึ้นมาเล็กน้อย ด้านในเหมือนกับแอบซ่อนปืนหนึ่งกระบอกเอาไว้ ตกใจจนใจแทบจะร่างลงมา ขาทั้งสองข้างต่างสั่นเทา หลังมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ว่าโมโหจนอยากจะควักปืนออกมายิงเธอนะ?
ตายเพราะปากจริงๆ เมื่อสักครู่ “โลงศพ”คำนั้น ยังเก็บกลับมาทันไหม?
เห็นเธอหวาดกลัวแบบนี้ เซียวเซิ่งทั้งอยากจะโมโหทั้งอยากจะหัวเราะ หันหลังกลับเดินขึ้นบันได เดินเข้าไปในห้องโถงถึงได้หยุดลง หยิบดอกกุหลาบออกมาจากในแขนเสื้อ
ดอกไม้ที่มอบให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนนั้นประกอบด้วยดอกลิลลี่ ดอกทิวลิป และดอกเยอบีร่า เพียงแต่ตรงใจกลางช่อดอกไม้ได้ปักกุหลาบแดงเอาไว้ แสดงถึงความรักที่มีหนึ่งเดียว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาส่งดอกไม้ให้เอียนหยู่โรว ได้ดึงกุหลาบแดงที่แสดงถึงความรักออกมา แสดงว่าได้ดึงหัวใจและจิตวิญญาณของดอกไม้ช่อนั้นออกมาแล้ว เอียนหยู่โรวได้ไปเป็นเพียงเศษดอกไม้เท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไร
“เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน คุณไม่ใช่คนที่จะสามารถรับมือได้ง่ายๆเลย”มองเซียวเซิ่งเดินไกลออกไป เอียนหยู่โรว ที่กอดดอกไม้เอาไว้ แอบยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “ดอกไม้ที่เขามอบให้ฉัน เก็บมาจากโลงศพอย่างนั้นเหรอ? ถ้านั่นคือมอบให้คุณ คุณคงจะไม่พูดแบบนี้หรอก? ไร้การอบรมสั่งสอน เด็กเดรัจฉานไม่มีแม่คอยสั่งสอนก็ประหลาดแบบนี้แหละ......”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็รู้สึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองไม่รู้จักระงับคำพูด ไม่พูดอะไรออกมาเลย แล้วแต่เธอจะว่าไป
“ต่อไปก็ระวังคำพูดหน่อย นรกชั้นแปดจะได้ไม่เกาะลิ้นเอา!จะว่าไป ไม่ว่าแกจะสาปแช่งยังไง แต่ดอกไม้นี้สั่งมาจากร้านชั้นดี พี่เขยของคุณรักฉันมากว่าไหม? หึหึ......”
ใช่ รักมาก ดอกไม้ช่อใหญ่ขนาดนั้นจะแพงขนาดไหนนะ? เงินทองบางครั้งก็สามารถนำมาวัดความรักที่มีได้ ภายในใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ หันหลังกลับเดินไปตามถนนก้อนกรวดด้านข้าง
ไฟตามถนนของในสวนได้สว่างขึ้นแล้ว เงาของกิ่งไม้สะท้อนลงมาบนพื้น กระดำกระด่าง เงียบสงบจนทำให้คนที่โดดเดี่ยวยิ่งโดดเดี่ยวกว่าเดิม คนที่ใจลอยยิ่งใจลอยกว่าเดิม
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนคิดมาตลอดว่าอยากจะได้ครอบครัวที่สงบสุข มีเอี๋ยนต้าฟา สวี่เจียนกับเธอสามคนอยู่ด้วยกัน ในอนาคตค่อยคลอดลูกให้กับสวี่เจียนสักคน อยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่ายไปจนแก่เฒ่า ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ความหวังอันเรียบง่ายอย่างหนึ่ง ทำไมทำให้เป็นจริงถึงได้ยากแบบนี้?
มิน่าล่ะคนโสดถึงได้ยิ่งมากขึ้น เซียวเซิ่งคนมีเงินแบบนี้ คนคนเดียวใช้ทรัพยากรตั้งมากมาย แม้แต่น้องเมียก็ไม่เว้น ชั่วร้ายจริงๆ
มองไปบนร่างของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่ขมขี่น ริมฝีปากสีแดงของเอียนหยู่โรวเผยอขึ้นมา ในแววตาที่สะท้อนออกมานั้นยากจะคาดเดา :เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน สี่ปีก่อนคุณไม่ได้ครอบครองเซียวเซิ่ง สี่ปีให้หลังคุณยังคงไม่ได้ครอบครองอยู่ดี เพราะว่าคุณไม่รู้ว่าเดิมทีแล้วเขาควรจะเป็นของคุณ
สบายใจจริงๆ ทุกครั้งที่แย่งสิ่งของของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมาได้ เธอรู้สึกเหมือนได้เติมเต็ม
เอียนหยู่โรวยิ้มออกมาอย่างได้ใจ เงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นแววตาเย็นชาของเซียวเซิ่ง ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไป รีบก้มหน้าทำเป็นคนดี
ภายใต้ความเสแสร้งของเธอ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องอะไร เห็นแก่ตัว ไร้การอบรมสั่งสอน แต่เซียวเซิ่งก็ยังคงชื่นชอบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน จุดนี้ทำให้เอียนหยู่โรวรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก
กลับมาถึงห้อง เอียนหยู่โรวนำเอาดอกไม้วางไว้บนเตียง ลากหงยวี่มาดูอย่างปลื้มใจ “ตอนนี้ฉันก็วางใจได้แล้ว รู้จักทำดีกับภรรยาตัวเองแล้ว คุณดูสิดอกไม้ที่มอบให้ฉันสวยไหม?”
“โอ้ว สวยมากจริงๆ เปล่งประกายจนแสบตาคนโสดอย่างฉัน”หงยวี่เหมือนกับโทเจียซาพระแก่ชราใน《ไซอิ๋ว》กะพริบตาอย่างต่อเนื่อง ช่างตลกขบขัน
พ่อบ้านเซี่ยรีบบอกให้คนรับใช้เสิร์ฟอาหาร อาหารสีสันหลากหลายที่มีกลิ่นหอมก็ถูกจัดวางขึ้นมาเต็มโต๊ะ มองดูแล้วหรูหราอย่างมาก มีดซ้อมสะท้อนแสงแวววาว มีความรู้สึกว่าช่างน่าเวทนา สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นสิ่งที่เอียนหยู่โรวชอบทาน ไม่ถูกปากเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสักนิด ถึงแม้ว่าจะได้ทานก็คงจะไม่มีความสุข
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่รู้เลยว่า เซียวเซิ่งเพื่อจะทำให้เธอพอใจ จึงได้จัดชุดอาหารที่ทำจากรากบัวเอาไว้สำหรับเธอ น่าเสียดายเพราะว่าความโกรธ จึงพลาดความสมบูรณ์แบบไปแล้ว......
เซียวเซิ่งหยิบมีดกับซ้อมขึ้นมา ยังไม่ทันได้เริ่มทานก็วางลง “คุณอยากทานอะไรก็ไปทำเอง รอคุณ”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนนิ่งไปสักพักถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าเซียวเซิ่งพูดกับเธอ ทันใดนั้นก็มีทางสว่างแล้ว ยืนขึ้นมาเดินไปยังห้องครัว เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดลง “ไม่ต้องรอฉัน ฉันเกรงว่าจะรบกวนเวลาการทานอาหารอันมีค่าของคุณเซียวกับภรรยา”
กลิ่นอายของความชั่วร้ายอันน่ากลัว ยังดีกว่าเมื่อสักครู่อยู่เล็กน้อย เซียวเซิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน หยิบนิตยสารการเงินมาเล่มหนึ่ง อ่านจริงจังตั้งใจ
เธอนึกว่าฉันอยากจะรอเหรอ? ที่สำคัญคือถ้าไม่มีเสียงเคี้ยวของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแม่ลูก เขาทานข้าวไม่ลง ทำยังไงได้?
“เสี่ยวเนี่ยน คุณพูดเหมือนเป็นคนอื่นไกลไปได้? แน่นอนว่าต้องรอคุณอยู่แล้ว ต่างเป็นคนในครอบครัวเดียว!”เอียนหยู่โรวพูดต่อ ถึงแม้ว่าภายในใจจะเกลียด แต่บนใบหน้าทำเป็นยิ้มแย้มเบิกบาน
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่มองไปที่เธอ เดินเข้าห้องครัวไป หยิบมะเขือเทศมาหนึ่งลูก ล้างสาหร่ายกับเห็ดมาเล็กน้อย ใช้มีดซอยออกมาอย่างคล่องแคล่ว ทำซุปผักน้ำใสหนึ่งถ้วย แล้วก็ทอดไข่หนึ่งใบ ตักข้าวมาครึ่งถ้วย ยกมาที่โต๊ะทานข้าว แล้วก็ไม่มากความ เริ่มทานก่อนเลย
เอียนหยู่โรวยิ้มอย่างเย็นชา มองดูคนที่ถูกเลี้ยงมาอย่างไม่เคยเจอโลกภายนอก:เจ้าบ้านเพื่อจะรอเธอไม่ขยับตะเกียบ แต่เธอสิ วางอาหารลงก็ทานแล้ว!น่ารังเกียจจริงๆ ถ้าอยู่ที่บ้านละก็ คงจะถูกคุณแม่ตบสักฉาดไปแล้ว
------------
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น