เป็นไปได้ว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้ว่าเซียวเซิ่งช่วยหนุนหลังใหัตัวเอง ทันใดก็ซาบซึ้งใจขึ้นมา หรือเป็นไปได้ว่าคิดอยากจะแก้แค้นเอียนหยู่โรว ก็เป็นได้ว่าอยากจะได้รับความรัก......สุดท้าย เธอจึงยินยอมคล้อยตามแล้ว ไม่พูดอะไรสักคำเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเซิ่ง ค่อยทานสิ่งต่างๆที่ชายหนุ่มยื่นให้ ไม่ว่าอะไรก็ทาน ไม่เลือก
ทานจนอิ่มแล้ว เธอก็ไม่ได้อยากจะสลัดตัวออกไป แต่ทว่าแอบอิงไหล่กว้างของเซียวเซิ่ง ดวงตาชื้นกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ภายในใจเซียวเซิ่งอ่อนยวบลง ก้มหน้าลงมาจูบไปบนหน้าผากของเธออยู่บ่อยๆ
ฟ้ารู้ว่าเขานั้นรักเธอขนาดไหน โดยเฉพาะตอนที่เธอเป็นเด็กดีนั้น รักมากจนฝังเข้ากระดูก เขาคิดว่า พวกผู้ชายเหล่านั้นที่มักจะรังเกียจภรรยาตัวเอง ที่แต่งงานน่าจะไม่ใช่เพราะรักจริง โชคดีคนที่เขาแต่งงานด้วยไม่ใช่เอียนหยู่โรว ไม่งั้นละก็คงเป็นโศกนาฏกรรม
กลับกันทั้งชีวิตนี้เขาไม่มีทางรังเกียจเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน รักมากจนไม่รู้ว่าจะรักยังไงหมด......
มองดูทั้งสองรักกัน หวานชื่นอย่างนั้น ต่อให้หน้าของเอียนหยู่โรวจะหนาแค่ไหนก็ถูกแทงจนเจ็บปวด ความจริงแล้วถ้าเธอรู้ความหน่อย รู้ว่าเป็นกว้างขวางคอไม่ดี ก็คงจะไม่เจ็บปวดขนาดนั้น น่าเสียดายเธอไม่รับรู้สิ่งนี้ ด้วยท่าทางของภรรยาเอก ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นจนอาหารมื้อนี้ได้สิ้นสุดลง
หลังอาหาร เซียวเซิ่งจูงมือเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมาเดินเล่นบนทางเล็กๆในสวนดอกไม้ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนคิดว่าเป็นไปได้ว่านี่คงจะเป็นความอบอุ่นครั้งสุดท้าย ถึงแม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้เริ่มต้น แต่ก็อยากจะมีจุดจบ ดังนั้นให้ความร่วมมืออย่างดี......
เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ความเขียวขจีแซมด้วยดอกไม้สีแดง ความอบอุ่นพัดมา ใบไม้อ่อนของต้นไม้ส่องประกายใต้แสงไฟ ในสวนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของต้นไม้ใบหญ้าทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“มา อุ้มสักหน่อย”เกรงว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเดินนานแล้วจะเหนื่อย เซียวเซิ่งจึงอุ้มเธอขึ้นมา ไม่สนว่าเธอจะยินยอมหรือเปล่า
เซียวเซิ่งชอบอุ้มเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเหมือนกับเด็กน้อย มือหนึ่งวางเอาไว้ตรงบริเวณก้น อีกมือหนึ่งพยุงหลังของเธอเอาไว้
เหมือนกับว่าเรื่องราวทุกอย่างถูกลิขิตเอาไว้แล้ว เซียวเซิ่งชื่นชอบอย่างไม่มีเหตุผล เติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปของเนี่ยนเอ๋อร์ตอนเป็นเด็ก ในตอนแรกเธอไม่ค่อยจะยินยอมที่ถูกอุ้มแบบนี้ แต่ว่าไม่นานก็โอบรัดรอบคอเขาเอาไว้ ให้ความร่วมมืออย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่รู้ว่ามารดาของตัวเองเป็นใคร จากที่หวงฟางบอกมา เธอเป็นเด็กที่ที่เกิดมาจากผู้หญิงข้างนอกของพ่อคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นคลอดยากจึงตายแล้ว บิดาจึงนำเธอมาให้คุณย่าเลี้ยง หลังจากที่คุณย่าเสียไปแล้ว.....ก็แค่เด็กไม่มีแม่ พ่อก็ทำงานยุ่งมาก ใครจะอุ้มเธอล่ะ?
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เซียวเซิ่งมือหนึ่งอุ้มเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้ มือหนึ่งรับโทรศัพท์ ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากสักนิด
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเป็นคนที่มีเหตุผล แน่นอนว่ารู้จักการหลีกเลี่ยง รูดตัวลงมาจากแขนของเขา เตรียมที่จะเดินออกไปไกลหน่อย แต่เซียวเซิ่ง กลับจูงมือเธอเอาไว้ อยู่ในลักษณะท่าทาง“ผมอยู่ต่อหน้าคุณไม่มีความลับอะไร”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงได้แต่ยอมแพ้ เดินเคียงไหล่ไปกับเขา ถูกร่างกายสูงใหญ่ของเขาทำให้รู้สึกว่าตัวเล็กลง มองดูแล้วเหมือนกับนกน้อยที่มาเกาะอยู่บนตัวคน เซียวเซิ่งสูงมาก สูงแค่ไหนนั้นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้สืบเสาะ เธอนั้นแค่หนึ่งร้อยหกสิบห้า มองเขายังต้องเงยหน้า45องศา
เอียนหยู่โรวฟุบอยู่ที่หน้าหน้าต่าง แอบมองทั้งสองที่อยู่ในสวน เห็นหนุ่มหล่อสาวสวย เป็นไปตามธรรมชาติ วินาทีนั้นเกลียดชังขึ้นมาทันที ความอิจฉาภายในใจพุ่งขึ้นมาจนถึงขีดสุดในทันที อยากจะพุ่งเข้าไป ตบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอย่างเต็มแรงสักฉาด
เซียวเซิ่งดีกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขนาดนั้น ไม่รู่ว่าเธอจะเปลี่ยนความคิดหรือเปล่า ไม่หนีไปแล้วล่ะ? นี่เป็นปัญหาหนึ่งที่เอียนหยู่โรวเป็นกังวล ดังนั้นเธอต้องคิดหาวิธีเติมน้ำมันเติมน้ำส้มสายชูลงไป......
เซียวเซิ่งคุยโทรศัพท์อยู่นาน เหมือนกับว่ากำลังรับมือกับลูกค้าต่างชาติ พูดภาษาฝรั่งเศษ น้ำเสียงไพเราะและน่าดึงดูด
พบว่าตัวเองได้หลงใหลในน้ำเสียงของเขาแล้ว เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกล่าวโทษตัวเองอย่างมาก พอดีคิดอยากจะเข้าห้องน้ำ เธอจึงคิดจะใช้โอกาสนี้ออกห่างเซียวเซิ่งไป แต่ว่ายังไม่ทันได้เดินถึงสองก้าว ก็ถูกเซียวเซิ่งดึงกลับไป มือเดียวอุ้มขึ้นมาบนแปลงดอกไม้ แล้วก็คุยโทรศัพท์ต่อ
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นว่าไม่มีวิธีแล้ว พูดเบาๆใกล้กับบริเวณหูของเขา “ฉันจะไปห้องน้ำ”
เซียวเซิ่งได้ยินแล้วพยักหน้า ดวงตาดำคลับมองมาที่เธออย่างจริงจัง “ปล่อยในสวนดอกไม้นี่แหละ ผมจะช่วยคุณดูคนเอง”
จะเป็นลมตาย คำพูดแบบนี้ทำไมเขาถึงได้พูดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ? เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหน้าแดงลามไปจนถึงใบหู กระโดดจากแปลงดอกไม้ตกใจจนหนีไป เหมือนกับสัตว์เล็กที่ตกใจกลัว
“ฉันควรทำตัวอย่างไรชัดเจนดี ไม่ต้องมาชี้แนะ!”พูดอย่างโมโหจนจบ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก้าวเท้าเดินตรงไปยังห้องตัวเอง
ความจริงแล้ววันนี้เธอรู้สึกว่าเซียวเซิ่งแปลกมาก เมื่อก่อนนี้ เขาก็ไม่ได้ชอบรุกล้ำแบบนี้ แต่ว่าต่างทำตอนที่เอียนหยู่โรวไม่อยู่ แต่ว่าวันนี้เขาไม่ได้หลีกเลี่ยง ปัญหาคือเขาพึ่งจะมอบดอกไม้ให้เอียนหยู่โรว คาดว่าน่าจะพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่การกระทำที่โต๊ะอาหารนั้น ไม่ได้สนใจเอียนหยู่โรวสักนิด......เป็นเพราะอะไรกันแน่ น่าปวดหัวตายจริงๆเลย!
แต่กระนั้นความสงสัยของเธอก็ได้ถึงคลายลงแล้ว หงยวี่ไม่รู้ออกมาจากมุมไหน ยิ้มอารมณ์ดีมองมาที่เธอ “ปลาดุกน้อยผู้ยิ่งใหญ่ ฉันมีความลับหนึ่งอย่างจะบอกคุณ”
“อย่าได้บอกกับฉันเชียวนะ ขอร้องล่ะ”ภายในใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนวุ่นวายมากพอแล้ว ไม่อยากเสียเวลากับเธอ
“อย่าทำแบบนี้สิ”หงยวี่เหมือนกับเจ้าหมาหน้าย่น จับแขนของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้ พูดอย่างลึกลับว่า “เรื่องนี้เกี่ยวกับความสุขทั้งชีวิตของคุณเลยนะ”
เห็นว่าเธอพูดได้พิลึกดี เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงสนใจขึ้นมา “ก็ได้ งั้นคุณพูดมาก่อน มีค่าพอฉันจึงจะฟาด”
“ฉันพูดก่อนละก็......”หงยวี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “งั้นสิบแส้ รับรองว่ามีค่าพอ”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ใช่ว่าไม่อยากจะออกแรง เพียงแค่รับไม่ได้กับความซาดิสม์ของหงยวี่ กำลังลังเลว่าจะรับปากดีไหม ในหูของเธอได้ยินเสียงจังหวะการเดินหนักๆดังมา สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปพร้อมกัน เซียวเซิ่งมาแล้ว!
“แย่แล้ว รีบวิ่ง”เหมือนกับขโมยยังไงอย่างงั้น ทั้งสองพร้อมใจกันวิ่งไปด้านหลังกระถางต้นไม้ต้นหนึ่ง ตกใจจนใจเต้นระส่ำระสาย
เสียงเดินใกล้เข้ามา มองลอดผ่านใบไม้ไป เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองเห็นรูปร่างหล่อเหลาของเซียวเซิ่ง ทันใดนั้นภายในใจรู้สึกถึงรสชาติของความสุขอย่างแปลกประหลาด......รู้สึกมีความภาคภูมิใจบางอย่าง “หนุ่มหล่อคนนั้นคือผู้ชายของฉัน”
เซียวเซิ่งคุยโทรศัพท์อยู่ตลอด จึงไม่ได้สังเกตที่กระถางดอกไม้ เสียงการเดินค่อยๆไกลออกไป ชีวิตน้อยๆของทั้งสองถือว่ารักษาเอาไว้ได้......
------------
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น