ตอนที่ 1063: ความโลภของตระกูลเจียงหยาง
เจี้ยนเฉินหรี่ตาเล็กลงทันทีด้วยความโกรธอย่างควบคุมไม่ได้ซึ่งพุ่งพวยอยู่ในใจของเขา สายตาที่เขามองไปที่เจียงหยาง ชิง จูรินั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก และกลายเป็นอริแทน
โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มในตอนนี้เป็นของโหยวเยว่ มันสำคัญมากในการฝึกฝน นางสามารถดูดซับพลังแสงจันทร์ได้อย่างรวดเร็วผ่านทางโถงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น นางจะพัฒนาไปได้ช้ามากในอนาคตถ้านางไม่มีมัน
โถงศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกใช้เป็นวิธีการที่โหยวเยว่จะป้องกันตัวเองเช่นกัน และเจี้ยนเฉินก็จะได้ไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยของนาง
ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงโกรธมากในตอนนี้ที่คนของตระกูลเจียงหยางต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ไปจากโหยวเยว่
“มันจริงหรือไม่ ? เจ้าต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไปงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นทันทีและจ้องไปที่เจียงหยาง ชิง จูริ เขาทำท่ากดดันและไม่เคารพจูริ เขาทำเฉยเมยเกี่ยวกับเรื่องที่เจียงหยาง ชิง จูริเป็นทวดของเขา
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวก็นั่งอยู่ที่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะหยุดหรือเพิ่มเติมความโกรธของเจี้ยนเฉิน เขาดื่มชาอย่างสบายสบายและไม่ได้พูดอะไร เหมือนว่าเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เจียงหยาง ชิง จูริคิดอยู่แล้วว่าเจี้ยนเฉินต้องเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างเป็นมิตร เขาพูดอย่างไม่รีบร้อน “เซียงเทียน มันไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด ตระกูลนั้นคิดว่าโหยวเยว่ยังมีความแข็งแกร่งที่ต่ำ โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มนั้นก็เป็นสมบัติที่ประเมินค่ามาได้ และมันทำให้ทำคนในทวีปโลภที่จะอยากได้มันไป ถ้ามันยังอยู่กับโหยวเยว่ มันอาจจะนำปัญหาไม่รู้จบมาหรืออาจจะถูกคนที่ทรงพลังเอาไปก็ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ตระกูลตัดสินในที่จะให้โหยวเยว่มอบโถงศักดิ์สิทธิ์ให้ตระกูล เพื่อที่โถงศักดิ์สิทธิ์จะได้ไม่หายไปไหน”
“ถ้างั้นพูดอีกอย่างก็คือ เจ้าต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อประโยชน์ของโหยวเยว่ว่างั้น?” เจี้ยนเฉินเหยียด
เจียงหยาง ชิง จูริสามารถสัมผัสได้ถึงความประชดประชันในน้ำเสียงของเจี้ยนเฉิน ท่าทางของเขายังคงเหมือนเดิม แต่ในตอนนี้เขาเต็มไปด้วยควมขมขื่น เขารู้ว่าการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ไปจากโหยวเยว่นั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้
เจียงหยาง ชิง จูริพูดหลังจากที่เงียบไปสักพัก “เซียงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวล โหยวเยว่สามารถสบายใจได้ในเรื่องนี้ ในตอนนี้เจ้าเป็นคนของตระกูล ดังนั้นตระกูลจะไม่ทำอะไรที่เป็นการต่อต้านเจ้า การที่ให้โหยวเยว่มอบโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแต่ประโยชน์และไม่ได้เป็นอันตรายอะไรเลย นางก็ยังจะเป็นเจ้าของของโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่”
“ข้าขอบคุณในความมีน้ำใจที่เจ้ากับโหยวเยว่ โถงศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแรงและไม่ได้เปราะบางเหมือนโถงศักดิ์สิทธิ์อื่น ถ้ามีโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่กับนาง แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ทำอะไรนางไม่ได้ ดังนั้นการที่จะทิ้งโถงศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ตระกูลผู้พิทักษ์จึงไม่จำเป็น” เจี้ยนเฉินพูด
หัวใจของเจียงหยาง ชิง จูริเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีเมื่อเขาได้ยินว่าแม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ทำอะไรโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไม่ได้ เขาคิด “โถงศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังจริงจริง มันเทียบเท่าได้กับโถงศักดิ์สิทธิ์ที่โมเทียนหยุนทิ้งเอาไว้ที่เมืองทหารรับจ้าง ถ้าตระกูลได้มีการป้องกันจากโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นแล้ว พวกเรายังจะต้องกลัวตระกูลผู้พิทักษ์อื่นและเมืองทหารรับจ้างอยู่อีกหรือ ? ” อารมณ์ของเจียงหยาง ชิง จูริพุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที ตระกูลผู้พิทักษ์มีโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง แต่ไม่มีอันไหนที่ต้านการโจมตีจากเซียนจักรพรรดิได้ ถ้าพวกเขาได้ครอบครองอันที่พวกเขา ตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง สามารถเมินเฉยต่อเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะและมารราคะได้ จะมีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เทียบเคียงกับพวกเขาได้คือเมืองทหารรับจ้าง
แม้แต่ในตอนนี้ เจียงหยาง ชิง จูริก็จำได้อย่างชัดเจนถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเมืองทหารรับจ้างเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ตระกูลผู้พิทักษ์ส่งเซียนจักรพรรดิไปมากกว่ายี่สิบคน กลุ่มนั้นมีจำนวนมากกว่าเซียนจักรพรรดิของเมืองทหารรับจ้างหลายเท่า แต่เมืองทหารรับจ้างกลับส่งคนออกมาคนเดียว พร้อมกับโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง เขาหยุดเซียนจักรพรรดิทุกคนของตระกูลผู้พิทักษ์ได้ และสั่นคลอนไปทั่วทั้งทวีป
หญิงงามวัยกลางคนที่เป็นเซียนผู้คุมกฎเริ่มพูดเมื่อเห็นว่าเจียงหยาง ชิง จูริไม่พูดอะไร “เจียงหยาง เซียงเทียน ตำนานกล่าวไว้ว่าวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่เป็นเพียงวิธีเดียวที่เหนือกว่าเซียนบนทวีปเทียนหยวน และมันก็เหมาะกับผู้หญิง ในเมื่อคู่หมั้นของเจ้าเป็นลูกศิษย์ของนางฟ้าเฮายู่ นางต้องได้รับวิธีการฝึกฝนมาแล้ว ทำไมไม่ให้นางมอบมันกับพวกเราล่ะ? มันจะเป็นการช่วยเหลือตระกูลได้เป็นอย่างมาก และมันยังทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลของพวกเราเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าผู้หญิงทุกคนในตระกูลใช้วิธีการฝึกฝนนั้น พวกเราจะสามารถก้าวข้ามอีกทั้งเก้าตระกูลไปได้ในไม่ช้า”
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวยืนขึ้นช้าช้าหลังจากที่เจียงหยาง ชิง จูริจากไป เขาถอนหายใจยาวไปที่ท้องฟ้า เขาเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้
“เจี้ยนเฉิน คำขอสองอย่างจากเจียงหยาง ชิง จูริและคนอื่น ๆ เป็นกฎของตระกูลจริงจริง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถช่วยเจ้าพูดได้ เจ้าไม่เข้าใจตระกูลผู้พิทักษ์ กฎของพวกเราเข้มงวดและมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังไม่กล้าที่จะแหกกฎง่าย ๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวถอนหายใจ
“ข้าไม่สนว่ากฎของตระกูลผู้พิทักษ์จะเข้มงวดเพียงใด ข้าจะไม่ให้พวกเขาเอาอะไรก็ตามไปจากเยว่เอ๋อ และข้าหวังว่าท่านคงจะไม่ช่วยพวกเขาหลังจากนี้” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
“เจ้าไม่ตำเป็นต้องกังวลไป เจ้าเป็นคนของสาขาซู ดังนั้นสาขาจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ รวมถึงทวดเจียงหยาง ซู เซียวของเจ้าด้วย” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวอธิบายออกมาอย่างเคร่งเครียด
“เจี้ยนเฉิน ทวนหยวนเซียว พวกท่านกังวลมากเกินไปแล้ว แม้ว่าข้าจะยกโถงศักดิ์สิทธิ์และวิธีการฝึกฝนไป พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ โถงศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ในการควบคุมของอาจารย์ ข้าแค่ควบคุมมันส่วนหนึ่งเท่านั้น วิธีการฝึกฝนยิ่งยากไปกว่านั้นอีก แม้ว่าพวกเขาจะได้มันไป พวกเขาก็ไม่สามารถใช้วิธีการฝึกฝนในเมื่อพวกเขาต้องการร่างกายที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งการจะได้ร่างกายนั้นมาก็คือผ่านการปรับปรุงจากท่านอาจารย์ด้วยตัวเอง” โหยวเยว่พูด
“พวกเขาอาจจะไม่เชื่อแบบนั้น นางฟ้าเฮายู่อาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่นางก็เหลือแค่วิญญาณ ความสามารถของนางไม่ยอดเยี่ยมเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว” เจียงหยาง ซู หยวนเซียว พูดหลังจากที่คิดไปบ้าง เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “เจี้ยนเฉิน ผนึกในจิตใจของคงเอ๋อยังไม่ได้รับการปลด ตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการที่จะให้เจ้ากลับไป และจากนั้นผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ก็จะร่วมกันเพื่อปลดผนึกได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะหาเวลาไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์โดยไม่สนใจว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรกับพวกเขา เพื่อที่เจ้าจะสามารถปลดปล่อยคงเอ๋อจากความเจ็บปวดเป็นพันปีของเขาได้”
เจี้ยนเฉินตกลงหลังจากที่หยุดไป “ข้าจะไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์ในสามวันนี้ ทั้งหมดเพื่อท่านทวดเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ
จบแล้วหรอ...
ทำไมยังไม่ลงบทใหม่...
ลงครั้งละ สี่ ห้า บท ได้ไหม...
กรุณาลงบทครั้งละหลายบทหน่อยนะครับ ชอบ ๆ...
รออ...
ตอน 1419-1420 หายครับ...
จบแล้ว......
มีต่อไหมครับ...
เมื่อไรจะอัพเดทค้าบ รอนานแล้ว...
ต่อๆๆๆ...