ตอนที่ 302: ตำนานของยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ
เจี้ยนเฉินหยิบขวดสีขาวหยกไว้ในมือของเขาอย่างเงียบ ๆ และเทมันลงในปากของเขา ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้พลังเซียนธาตุแสงเพื่อรักษาตัวเองได้ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้โอสถในการรักษา. นอกจากนี้เมื่อร่างกายเขามีหมื่นต้านพิษ เขาจึงไม่กลัวพิษใด ๆ
โอสถนั้นไม่ได้อยู่ในรูปแบบเม็ด มันเป็นของเหลวซึ่งมีรสชาติค่อนข้างขม เจี้ยนเฉินเทของเหลวลงไปในปากในครั้งเดียวแล้วกลืนเข้าไป ช่วงเวลาที่มันเข้าสู่ร่างกายของเขา ความรู้สึกอบอุ่นเดินทางผ่านร่างกายของเขาอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย
เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา เขาหลับตาเพื่อให้กระบวนการบำบัดเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายังคงระมัดระวังอย่างมากต่อโลกภายนอก แม้ว่าตอนนี้เขากับหญิงสาวจะอยู่ในเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน แต่ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะไปรู้ว่าหญิงสาวคนที่มาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยคนนี้จะจู่โจมเขาด้วยกระบี่ของนางหรือไม่
หญิงสาวมองดูเจี้ยนเฉินหลับตาในขณะที่เขาได้รับการเยียวยาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน นางเดินไปที่กองไฟอย่างเงียบ ๆ นางนั่งกอดเข่าและจ้องมองไฟที่ลุกโชนด้วยดวงตาที่สดใสและชาญฉลาด ไม่มีใครสามารถมองออกได้ว่านางกำลังคิดอะไร
ถ้ำเงียบสงบผิดธรรมชาติ จะได้ยินเพียงเสียงของกองไฟปะทุเท่านั้น เมื่อใส่กิ่งก้านไม้ลงไปมันก็จะส่งเสียงแหลมเป็นครั้งคราว
ในขณะที่เจี้ยนเฉินยังคงรักษาตัวต่อไป หญิงสาวคนนั้นก็ไม่เคยจ้องมองเขาอีกเลย นางกลับนั่งอยู่ข้างกองไฟและคอยดูเปลวไฟเต้นต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย
2 ชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นและพยายามคลานเข้าไปนั่งขณะที่แขนของเขาพิงกำแพงหน้าผา
หลังจากใช้เวลา 2 ชั่วยามไปกับการรักษา เขาได้ดูดซึมตัวโอสถไปทั่วร่างกาย แม้ว่าเขายังไม่หายดีเต็มที่ แต่ตอนนี้อาการของเขาก็ทรงตัวแล้ว
เขาสังเกตหญิงสาวสวมชุดสีเหลืองนั่งอยู่ข้างกองไฟ ดวงตาของเขาผูกติดกับธนูทองบนหลังของนาง ” บอกข้าหน่อยได้ไหมว่าธนูทองบนหลังของเจ้ามันคืออาวุธแบบไหน ? ทำไมมันถึงแข็งแกร่งมาก ? และผู้ชายที่กำลังไล่ล่าเจ้าด้วยสมบัติผนึกภูเขา มันเป็นอาวุธชนิดใดกัน ? เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นว่ามันไม่ใช่อาวุธเซียนของเจ้า แต่มันมีพลังที่ยอดเยี่ยมมาก” เจี้ยนเฉินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่หัวใจของเขาวิ่งไปหาคำตอบ
เมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินตื่นแล้ว หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองเจี้ยนเฉินก่อนที่จะหันหลังกลับไปที่เปลวไฟที่ไหวระริกทันทีโดยไม่พูดอะไรเลย
เจี้ยนเฉินไม่ได้ถามอีก เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นความลับ และหากหญิงสาวไม่เต็มใจบอกเขาเขาก็จะไม่อ้อนวอน
“อาวุธเหล่านั้นคือยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ” หลังจากนั้นครู่หนึ่งหญิงสาวก็พูดขึ้นมาเอง
“เงื่อนไขในการสร้างยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนั้นไร้ความปรานี มันมีไม่มากในทวีปเทียนหยวนและได้มีการกล่าวว่ายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเป็นอาวุธของเซียนผู้คุมกฎ หลังจากเซียนผู้คุมกฎสิ้นชีวิต แทนที่อาวุธเซียนของพวกเขาจะสลายตัวไปด้วย มันกลับคงรูปแบบเดิมอย่างสมบูรณ์แบบ” หญิงสาวเริ่มอธิบายอย่างช้า ๆ ขณะถือคันธนู หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางก็พูดอีกว่า ” ชื่อของคันธนูนี้คือธนูสุริยันจันทรา นี่คืออาวุธของตระกูลหวงของเราที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นมรดกที่สืบทอดของตระกูลโบราณของเราสำหรับรุ่นต่อไป”
“ถ้ายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎถูกสร้างขึ้นโดยอาวุธเซียน มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง
“สมบัติผนึกภูเขาในมือของชิเซียงกราน ก็เป็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเช่นกัน แม้ว่ามันจะไม่แข็งแรงเท่ากับธนูสุริยันจันทราของข้า แต่เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าของเขาในวัฎจักรที่ 2 เขาจึงได้เปรียบ ตอนที่เขาใช้สมบัติผนึกภูเขา เขาจึงแข็งแกร่งกว่าข้ามากแม้ว่าข้าจะมีธนูสุริยันจันทราก็ตาม” หญิงสาวอธิบาย
“ม่านพลังนั่นคืออะไรกัน ? ” เจี้ยนเฉินถามต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะม่านพลังนั้นเขาก็คงจะฆ่าชิเซียงกรานไปแล้ว
“ม่านพลังนั้นเป็นสิ่งที่เซียนผู้คุมกฎมอบให้เขา ความสามารถในการป้องกันนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง แม้แต่ธนูสุริยันจันทราของข้าก็ไม่สามารถทำลายมันได้” หญิงสาวหรี่ตาลง นางรู้สึกอยากปวดหัวทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องม่านพลังของชิเซียงกราน
“มีวิธีใดบ้างที่เราจะทำลายมันหรือให้มันจางหายไป ? ” เจี้ยนเฉินถาม
หญิงสาวกล่าวว่า “หากมีอยู่ ข้าก็ไม่สามารถทำได้ หากม่านพลังนั้นถูกโจมตีด้วยการโจมตีในระดับที่สูงเกินกว่าที่มันจะสามารถรับมือได้มันก็จะแตกสลาย นอกจากนั้นม่านพลังนั้นก็จะจางหายไปตามกาลเวลา แต่มันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการที่จะเกิดขึ้น เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้” นางกัดฟันและพูดด้วยความโกรธว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะม่านพลังปกป้องชิเซียงกรานไว้ ข้าคงจะยิงเขาตายไปนานแล้ว ตระกูลชิช่างชั่วร้ายมาก พวกเขาใช้งานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อขโมยยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของตระกูลหวงของเรา โชคไม่ดีที่พวกของเราตกเป็นเหยื่อของแผนการชั่วร้ายของตระกูลชิเพื่อให้ข้าหนีมา แค่รอจนกว่าเราจะออกไป ข้าจะให้ลุงเฟิงและลุงหยุนล้างแค้นความตายของสมาชิกในตระกูลของข้า” หญิงสาวให้คำมั่นด้วยความแค้น
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเจี้ยนเฉินก็หัวเราะ “ข้าแน่ใจว่าข้าได้ยินชิเซียงกรานพูดว่าเขาจะส่งคนไปจัดการกับลุงทั้งสองของเจ้า เจ้าก็จะไม่เหลือคนคุ้มครอง”
นางกำมือแน่นและตะโกนว่า “ตระกูลชิช่างน่าขยะแขยง ! พวกเขาพยายามที่จะเอาธนูสุริยันจันทราของเราไป พวกเขาต้องวางแผนทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว ! “
ในขณะนี้หญิงสาวสวมเสื้อสีเหลืองกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินด้านนอกทางเข้าถ้ำด้วยความกังวล นางกังวลเกี่ยวกับคำพูดที่เจี้ยนเฉินบอกกับนางว่าตระกูลชิเตรียมพร้อมอย่างแน่นอนในครั้งนี้ และในขณะที่ลุงเฟิงและลุงหยุนแข็งแกร่งมาก ตระกูลชิคงไปหาคนที่จะมาต่อกรกับพวกเขา หากเชื่อในสิ่งที่ชิเซียงกรานพูดก็หมายความว่าพวกเขามีคนที่จะจัดการกับลุงทั้งสองแล้ว หากเป็นเช่นนี้นางก็ไม่เหลือใครให้ไว้ใจ ในสถานที่แห่งนี้ชิเซียงกรานยังคงมีม่านพลังป้องกัน ดังนั้นธนูสุริยันจันทราของนางจึงไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้แม้มันจะมีพลังมากกกว่า สมบัติผนึกภูเขายังเป็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเช่นกัน หากชิเซียงกรานใช้มันต่อสู้กับธนูสุริยันจันทราของนาง นางก็จะไม่มีโอกาสได้โจมตีเขา
แม้ว่าอาจกล่าวได้ว่านางสามารถใช้ธนูสุริยันจันทราสู้กับม่านพลังของเขาได้ แต่ส่วนใหญ่นางจะจนมุมในระยะเวลาอันสั้น นางไม่สามารถใช้ธนูได้ตลอดเวลาเพราะมันจะทำให้พลังเซียนของนางลดลงอย่างรวดเร็ว
“หืมม ข้าจะปกป้องธนูสุริยันจันทราอย่างแน่นอน หากมันเลวร้ายมาก ข้าจะต้องพึ่งพาเมืองทหารรับจ้างและรอความช่วยเหลือ ข้าไม่แน่ใจว่าตระกูลชิจะกล้าต่อสู้กับเมืองทหารรับจ้างเพื่อมัน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในขณะนี้อาจได้ยินเสียงแปลก ๆ ภายในถ้ำ ทันใดนั้นเด็กสาวจึงหันไปทางเสียงอย่างสับสนขณะที่นางจ้องมองเข้าไปในถ้ำลึก ” ช่างแปลกเหลือเกินมันจะมีเสียงได้ยังไง ? เจ้าทึ่มได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เขาคงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้”
นางรู้สึกไม่สบายใจ นางจึงเริ่มเคลื่อนที่เข้าไปด้านในถ้ำอย่างเงียบ ๆ
ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แม้ว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังเดินลึกเข้าไปในถ้ำ นางก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรไม่ดีหรือมีอันตรายรออยู่ เนื่องจากเสียงน้ำที่กระทบลงบนพื้น เจี้ยนเฉินจึงไม่สามารถตรวจจับเสียงฝีก้าวของนางได้
หญิงสาวคนนั้นยังคงเดินเข้าไปด้วยสีหน้าแปลก ๆ นางเดินเข้ามาด้วยท่าทีระมัดระวัง เมื่อนางเห็นภาพภายในอย่างชัดเจน ใบหน้าของนางก็แข็งทื่อทันที ในทันใดนั้น นางก็เห็นว่าเจี้ยนเฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังเปลือยเปล่า
“อ๊า ! เจ้าคนเลวทราม ! ” หญิงสาวคนนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วและส่งเสียงกรี๊ดดัง
” เจ้า ! ” น้ำเต้าที่อยู่เหนือหัวของเจี้ยนเฉินตกลงมาถึงพื้นอย่างกะทันหัน มันมาพร้อมกับเสียงแตก เจี้ยนเฉินรีบหยิบชุดเสื้อผ้าจากวงแหวนมิติแล้วพุ่งไปที่มุมมืดของถ้ำ เขาเริ่มสวมชุดโดยไม่สนใจหยดน้ำเปียกบนร่างกายของเขา
เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสาวก็เอามือปิดตาทั้งสองของนางแล้วมองไปที่อื่น ใบหน้าที่สวยงามของนางแดงซ่านทันทีขณะที่หัวใจของนางเต้นระทึก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ
จบแล้วหรอ...
ทำไมยังไม่ลงบทใหม่...
ลงครั้งละ สี่ ห้า บท ได้ไหม...
กรุณาลงบทครั้งละหลายบทหน่อยนะครับ ชอบ ๆ...
รออ...
ตอน 1419-1420 หายครับ...
จบแล้ว......
มีต่อไหมครับ...
เมื่อไรจะอัพเดทค้าบ รอนานแล้ว...
ต่อๆๆๆ...