เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 45

Chaotic Sword God ตอนที่ 45 ลั่วเจี้ยนพ่ายแพ้

เอาล่ะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว น้องสี่ต้องระวังให้มาก ความแข็งแกร่งของลั่วเจี้ยนนั้นไปถึงขั้นกลางของระดับเซียน เจียงหยางหู่รีบรุดไปช่วยเพื่อน ๆ ของเขา แม้ว่าการที่ได้เห็นเจี้ยนเฉินอยู่ในเขตแดนชั้น 3 จะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เขารู้แต่เขาไม่มีเวลาพอที่จะไปซักถามว่าความเป็นมาและเหตุผล

เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า แรกเริ่มเดิมที เจียงหยางหู่และกลุ่มของเขานั้นเสียเปรียบมากทีเดียว แต่ตอนนี้ มันราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในบ้านตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เพราะการดำรงอยู่ของเถี่ยต้าซึ่งราวกับมีสายลมแห่งความโปรดปรานกำลังโชยมา ที่ตอนนี้มันเป็นพวกเขาที่สบโอกาสบ้างแล้ว

มองไปยังใบหน้าที่มืดลงของลั่วเจี้ยน เจี้ยนเฉินหัวเราะ ลั่วเจี้ยน ดูเหมือนว่าแผนการที่จะขโมยแกนอสูรนั้นจะได้จบลงเสียแล้ว และเจ้าจะเป็นฝ่ายที่ต้องสูญเสียแกนอสูรมาให้เราแทน

ใบหน้าลั่วเจี้ยนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เพียงชั่วพริบตานั้นปรากฏประกายตาบางอย่างที่อันตราย เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะแย่งชิงแกนอสูรไปจากข้า

เจี้ยนเฉินมองไปที่ลั่วเจี้ยนด้วยท่าทีรังเกียจ ก่อนจะกล่าวบางอย่างว่า เช่นนั้นแล้วไม่ลองดูล่ะ เรามาดูกันว่าข้ามีพลังมากพอที่จะฉกฉวยแกนอสูรไปจากเจ้าได้หรือไม่ เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไรหลังจากนั้น ในขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มที่จะแกว่งไปแกว่งมาก่อนพุ่งโจมตีไปที่ลั่วเจี้ยนอย่างรวดเร็ว มือของเขาถือแท่งเหล็กและแทงไปที่หน้าอกของลั่วเจี้ยนราวกับอสรพิษ โดยใช้ประโยชน์จากความมืดมิดในยามค่ำคืน

รังสีอำมหิตพาดผ่านสายตาของลั่วเจี้ยนไป ในขณะที่เขาจับกระบี่เขียวแกมน้ำเงินนั้นขึ้น เขากวัดแกว่งด้วยท่าทางที่ต้องการจะจัดการเจี้ยนเฉินอย่างเจ็บแสบ เนื่องจากลั่วเจี้ยนเป็นเซียนและไม่เพียงแต่เขาอยู่ขั้นกลางของระดับเซียน แต่เขายังมีพลังเซียนที่มีคุณสมบัติของธาตุลม การโจมตีนั้นรวดเร็วกว่าในคราแรกนัก ดังนั้น เมื่อเขาเหวี่ยงกระบี่ออกไปแล้ว หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นภาพมายาในทันที

เห็นกระบี่ที่กำลังจะลงบนหัวของเขา เจี้ยนเฉินหลบไปด้านข้างและยังคงแทงแท่งเหล็กนั้นไปที่หน้าอกของลั่วเจี้ยน

ใบหน้าของลั่วเจี้ยนเปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่เขาตระหนักถึงความเร็วของแท่งเหล็กว่าอยู่ในระดับสูงมาก ในยามสำคัญ กระบี่ของเขาก็ยังห่างไกลเกินไปที่จะยกมันขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ความเร็วของปฏิกิริยาของเขาไม่ได้ช้าเกินไป เขาดูดซับพลังเซียนธาตุลมเข้าไปในร่างกายของเขา เขาใช้แรงเพื่อที่จะย้ายร่างกายทางด้านหลังและนำกระบี่ของเขากลับขึ้นมาอีกครั้ง

ความเร็วของลั่วเจี้ยนแปรเปลี่ยนเป็นเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่แท่งเหล็กของเจี้ยนเฉินสัมผัสเสื้อผ้า ลั่วเจี้ยนได้หลบหนีไปจากการโจมตีของเจี้ยนเฉิน ทันทีที่เขาได้หลบหนีการโจมตีนั้น ทันใดนั้น เขาเริ่มรวบรวมพลังเซียนในมือของเขาอีกครั้งเพื่อที่จะโจมตีเจี้ยนเฉินอีกครั้งด้วยกระบี่

การโจมตีของลั่วเจี้ยนช่างเรียบง่ายนักในสายตาของเจี้ยนเฉิน ไม่ได้ใช้ทักษะหรือกลยุทธเพียงอย่างเดียวที่ถูกนำมาใช้ อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินยังคงไม่กล้าที่จะดูถูกมันมากเกินไป

เจี้ยนเฉินกระโดดไปในอากาศเพื่อที่จะหลบกระบี่ของลั่วเจี้ยน ทันใดนั้นเขาดีดตัวออกจากต้นไม้และพุ่งตรงไปที่ลั่วเจี้ยน แขนของเขาสั่นไหว ก่อให้เกิดภาพสะท้อนจาง ๆ ปรากฏอยู่ข้างหลังเขา แขนเจี้ยนเฉินพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงและความเร็วของแท่งเหล็กนั้นก็ราวกับว่ามีสายฟ้ากำลังฟาดใส่ลั่วเจี้ยน ดังนั้นแล้วแม้กระทั่งสายตาก็ยังไม่อาจที่จะมองเห็นได้ทัน

ตาหลิวเจียนเบิกกว้างขึ้น ตระหนักถึงแท่งเหล็กที่มาถึงเขาแล้ว คราวนี้ลั่วเจี้ยนกลับไม่อาจที่จะปกป้องตัวเองจากการโจมตีของเจี้ยนเฉินหรือแม้แต่สามารถที่จะหลบมัน ในยามที่แท่งเหล็กเจาะลึกลงไปในหน้าอกของเขา

ใบหน้าของลั่วเจี้ยนแข็งขึ้น ในขณะที่เขาจ้องไปยังแท่งเหล็กที่เสียบอยู่ ดังนั้นแล้วท่าทีตกตะลึงจึงปรากฏบนใบหน้าของเขา ไม่เพียงสีหน้าที่ไม่อาจเชื่อได้ปรากฏขึ้นเท่านั้น แต่มีความสิ้นหวังและความกลัวเช่นกัน เมื่อแท่งเหล็กได้เจาะเข้าไปในตัวเขา เขาไม่สามารถที่จะต้านทานมันได้ เขาไม่มีการป้องกันเนื่องจากแท่งเหล็กมีความเร็วเป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วนั้นที่เกินกว่าเขาสามารถที่จะตอบสนองต่อการโจมตีนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนธาตุลม แต่แท่งเหล็กนั้นกลับเสียบเขาโดยที่เขาไม่อาจต้านทานได้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุให้เขาบาดเจ็บสาหัส

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นมันเกินความคาดหมายของผู้คนนัก ขณะที่เจี้ยนเฉินใช้แท่งเหล็กแทงเข้าหน้าอกของลั่วเจี้ยน ทุกคนได้หยุดเคลื่อนไหว พลังบริสุทธิ์จำนวนมากของพลังเซียนถูกส่งผ่านไปยังแท่งเหล็กและเข้าไปยังร่างกายของลั่วเจี้ยน ด้วยการถอนแท่งเหล็กนั้นออก และลั่วเจี้ยนก็ล้มลงไปกองกับพื้น

เมื่อเจี้ยนเฉินได้ส่งพลังเซียนเข้าไปยังร่างกายของลั่วเจี้ยน มันก็เหมือนกับว่าร่างกายของเขาระเบิด พลังบางอย่างที่ไหลเวียนในร่างกายลั่วเจี้ยนกลับมีคลื่นพลังบางอย่างที่สร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในของเขา

อั๊ก ! ทันใดนั้นลั่วเจี้ยนกระอักเลือดออกมา ความเจ็บปวดที่รุนแรงซึ่งเขารู้สึกจากภายในร่างกายของเขา มันเป็นสิ่งที่แปลกและและเขาไม่เคยได้สัมผัส เขาปล่อยให้เลือดนั้นไหลออกมาไม่หยุด ในขณะที่เขากลิ้งอยู่บนพื้นดิน

เสียงกรีดร้องของลั่วเจี้ยนนั้นโหยหวนอย่างผิดปกติและนั่นก็เรียกความสนใจของทุกคนที่ยังคงต่อสู้ อย่างไรก็ตามในขณะที่สายตาของพวกเขามองไปยังลั่วเจี้ยนที่ม้วนตัวอยู่กับพื้น ทุกคนยกเว้นเถี่ยต้าต่างเงียบด้วยความตกตะลึง สิ่งที่พวกเขากำลังเฝ้าดู เป็นเหตุให้พวกมันตกตะลึงไม่น้อย และอีกหลายคนก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาของพวกเขาเอง

แม้ว่าหลังจากนั้นจะจัดการกับลั่วเจี้ยนได้สำเร็จ แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้คิดจะปล่อยคนกลุ่มนั้นไป ถือแท่งเหล็กของเขา ขณะที่เขายืนอยู่ตรงกลาง เขาคิดว่ามันเป็นโชคดีที่เขาได้พบกับพี่ชายของเขา เจียงหยางหู่ในเวลานี้ หากเขาได้พบเจียงหยางหู่ช้ากว่านี้สักนิด จากนั้นแล้วเจี้ยนเฉินกลัวว่าพี่ชายของเขาจะสูญเสียแกนอสูรทั้งหมดไปให้กับกลุ่มของลั่วเจี้ยนและถูกทิ้งไว้ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส

ด้วยเจี้ยนเฉินเข้าร่วมมาในการต่อสู้ครั้งนี้ หากแต่มันเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญนัก แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่ได้เป็นเซียนเหมือนคนอื่น ๆ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนตอนนี้

ด้วยคำถามนั้น เขาครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “น้องสี่ เจ้าควรเป็นคนตัดสินใจ ถ้าไม่ได้เจ้า ข้ากลัวว่าสุดท้ายแกนอสูรของกลุ่มเราคงจะถูกขโมยไป

บนใบหน้าเจี้ยนเฉินปรากฏรอยยิ้ม มุมปากของเขาได้กดลึกลงไป ในขณะที่เขากล่าวว่า ในกรณีนี้ เราคงต้องมอบความเมตตาให้พวกเขาบ้าง อย่างน้อยที่สุดเราควรจะเก็บรวบรวมแกนอสูรทั้งหมดในเข็มขัดมิติของเขา

ทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วโดยทุกคน และภายใต้ดวงตาที่จ้องมาอย่างอาฆาตและความเกลียดชังของกลุ่มลั่วเจี้ยน พวกเขารีบคว้าเข็มขัดทั้งหมดของพื้นที่และเก็บรวบรวมแกนอสูรที่อยู่ภายใน หลังจากการตรวจสอบแล้ว ทั้งแปดคนนี้มีจำนวนแกนอสูรทั้งหมดถึง 130 อัน

เมื่อเห็นแกนอสูรจำนวนดังกล่าว แม้กระทั่งเจี้ยนเฉินก็ยังประหลาดใจในจำนวนนั้น เจียงหยางหู่อุทานในการชมเชยว่า ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะมีแกนอสูรมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าพวกมันปล้นหลาย ๆ คนก่อนหน้าเรา มิฉะนั้นแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของพวกมัน พวกมันคงไม่สามารถได้รับแกนอสูรมากเช่นนี้ภายในระยะเวลา 3 วัน

เจี้ยนเฉินพยักหน้าในการยอมรับ ก่อนที่จะพูดว่า พี่ใหญ่ เราจะแยกออกเป็น 6 ส่วน เช่นนั้นแล้วเราจะแบ่งด้วยจำนวนที่เท่ากัน

นั่นไม่ดี เจี้ยนเฉินหันไปทางผู้พูดคนใหม่จากกลุ่มของเจียงหยางหู่ เจียงหยางเซียงเทียน เหตุผลเดียวที่เราสามารถที่จะได้รับแกนอสูรเหล่านี้เป็นเพราะเจ้าและเพื่อนของเจ้าอยู่ที่นี่ เราไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้นเจ้าจึงไม่ควรแบ่งแกนอสูรกับเรา มันควรเป็นของพวกเจ้าสองคน

ข้อเสนอแนะของพวกเราได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว โดยอีกสองนักเรียน หนึ่งของพวกเขาทันทีกล่าวว่า โอ้ นั่นถูกต้องแล้ว เจียงหยางเซียงเทียน ถ้ามันไม่ได้เป็นเพราะเจ้าและเพื่อนของเจ้า ด้วยความแข็งแกร่งของเรา 4 คนคงไม่เพียงพอที่จะเอาชนะ ข้ากลัวว่าเราคงจะไม่สามารถปกป้องแกนอสูรของพวกเราได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ที่แกนอสูรของเรา ความปลอดภัยเช่นนั้นเราก็พอใจแล้ว แกนอสูรที่เจ้าได้จากลั่วเจี้ยนและเพื่อนของเขาเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ.

ใช่ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าได้รับแกนอสูรนั้นมาด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าและเพื่อนของเจ้า แล้วพวกเราจะทำสิ่งที่น่าละอายโดยไปแบ่งกับพวกเจ้าได้อย่างไรกัน?

ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายสดใส ในขณะที่เขามองไปที่ใบหน้าของพวกเขาหาสัญญาณของการโกหก แต่เขาพบเห็นแต่ท่าทีบริสุทธิ์ใจเท่านั้น ไร้ซึ่งท่าทีไร้ความจริงใจ ความเคารพของเขาที่มีต่อคนทั้งสามก็เพิ่มขึ้นมา แต่เขาย่อมชื่นชมพี่ชายของเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าพี่ชายของเขาจะสามารถที่จะหาสหายที่ดีอย่างนี้ได้ถึงสามคน แม้ว่าเจียงหยางหู่จะมีร่างกายและสมองเสือ แต่เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าพี่ชายของเขาไม่ได้โง่ทั้งหมด

เจี้ยนเฉินหัวเราะและกล่าวว่า ทุกคนมีส่วนร่วมในการสถานการณ์เช่นนี้ ถ้ามันไม่ได้พวกท่านถ่วงเวลาไว้ หากพวกเขาได้ร่วมมือกับลั่วเจี้ยนเพื่อที่จะโจมตีข้า ข้ากลัวว่ามันคงเป็นข้าเองที่จะต้องพ่ายแพ้ ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ เช่นนั้นแล้ว เอาเป็นว่า ข้าและเถี่ยต้าจะรับเอาแกนอสูรครึ่งหนึ่งและพวกท่านก็แบ่งกันในส่วนที่เหลือ เช่นนั้นยอมรับได้หรือไม่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ