เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 529

ตอนที่ 529 กลับไปสำนักคากัต

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนก็ได้ออกมาจากตระกูลหวงกู่ หัวหน้าตระกูลยังคงจับตาดูพวกนั้นด้วยสายตาที่คมกริบ ไม่นานเขาก็ได้ขึ้นไปบนชั้นสูงสุดของหอคอย ตระกูลหวงกู่นั้นได้ตีค่าหวงหลวนเอาไว้มาก แม้แต่บรรพชนของตระกูลพวกเขาเองยังสนใจในตัวนางและอยากจะดึงนางเข้าร่วมตระกูลของพวกเขา เมื่อมีการยกเลิกการหมั้นแบบนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องแจ้งแก่บรรพชนของเขา

ชายผู้นั้นเดินขึ้นไปยังชั้นสูงสุดก่อนที่จะหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ” ลูกหลานเจี้ยงเต๋ามาที่นี่เพื่อรายงานกับท่านบรรพชน”

หลังจากเงียบไปสักพักน้ำเสียงของผู้อาวุโสผู้นั้นก็ดังขึ้นจากอีกด้านของประตู ” พูด ! “

“ท่านบรรพชน ตระกูลหวงนั้นได้ยกเลิกการหมั้นระหว่างหวงหลวนและตระกูลหวงกู่ของเรา และได้เลือกผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงมาแทนตำแหน่งของเรา” เจี้ยงเต๋าตอบกลับด้วยความเคารพ

“อะไรนะ? ยกเลิกเพื่อผู้พิทักษ์ของอาณาจักรฉินหวงเช่นนั้นหรือ ? ! ” น้ำเสียงของบรรพชนที่อยู่อีกด้านของประตูนั้นดูโกรธเคือง

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเช่นนั้น เจี้ยงเต๋าก็สับสนเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขารู้ดีว่าบรรพชนนั้นได้ตีค่าหวงหลวนเอาไว้สูง แต่เขาไม่คิดว่าบรรพชนจะหงุดหงิดเรื่องนางขนาดนี้

แม้ว่าเขาจะสับสนแต่เขาก็ไม่กล้าไถ่ถามถึงเรื่องนั้น เขาตอบกลับไปแทน “ขอรับ ท่านบรรพชน ชายจากตระกูลหวงเพิ่งได้นำข่าวนี้มาแจ้ง”

บรรพชนได้เงียบอยู่สักพัก และได้พูดขึ้นมา “ดีมาก ข้ารับทราบเรื่องนี้แล้ว เจ้ากลับไปได้ ! ” ครั้งนี้น้ำเสียงของบรรพชนนั้นฟังดูสงบ

“ขอรับ ท่านบรรพชน ! ลูกหลานเจี้ยงเต๋าขอลา ! ” เจี้ยงเต๋าคารวะก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไป

หลังจากที่เจี้ยงเต๋าได้ออกไปแล้ว ประตูก็ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นผู้อาวุโสผู้ซึ่งสวมชุดสีฟ้าและมีใบหน้าที่มืดหม่น ในขณะที่เขาก้าวออกมาจากประตูนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเรื่อย ๆ

“ตระกูลหวงได้จับคู่หวงหลวนกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง รึว่าผู้พิทักษ์นั้นจะรู้ว่าเด็กสาวผู้นี้ครอบครองจิตวิญญาณน้ำในร่างกายของนาง ? ไม่ นั่นไม่มีทาง ถ้าเขาไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์ทานตะวัน เขาไม่มีทางที่จะรู้ความลับเรื่องนี้ได้” บรรพชนพึมพำกับตัวเอง หลังจากลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็กัดปากของตัวเอง “ไม่ จิตวิญญาณน้ำในร่างกายนางมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ข้าต้องสืบสวนในเรื่องนี้” บรรพชนได้หายไปในเสี้ยวพริบตาจากตำแหน่งนั้น โดยที่เขาได้ออกจากหอคอยและมุ่งหน้าเข้าไปยังป่าหมอก

ที่ชายขอบของอาณาจักรเกอซูน เจี้ยนเฉินที่บินมาพร้อมกับหมิงตงเป็นระยะทางกว่าพันกิโลเมตรก่อนที่พวกเขาจะได้มาถึงจุดหมายของพวกเขา – สำนักคากัต

พวกเขาร่อนลงที่บริเวณใกล้ ๆ สำนักคากัต จากนั้นทั้งสองก็ได้เดินเข้าไปยังสำนัก ไม่นานในตอนที่พวกเขากำลังจะเดินผ่านประตู ยามที่ประตูก็ทำการขวางทางพวกเขาทันที

“ใต้เท้า โปรดพิสูจน์ว่าท่านเป็นศิษย์ของที่นี่ ไม่อย่างนั้นแล้วข้าคงให้ท่านเข้าไปไม่ได้ นั่นเป็นกฎของสถาบัน” ยามบอกได้เลยว่าบุคคลทั้งสองที่สวมชุดหรูหรานี้เป็นคนสำคัญมาก ดังนั้นพวกเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

เจี้ยนเฉินยิ้มก่อนที่จะหยิบเข็มกลัดจากแหวนจัดเก็บของเขาออกมา “พวกเราเข้าไปได้หรือยัง ? ” ในอดีตนั้นเจี้ยนเฉินเคยเป็นศิษย์ของสำนักคากัต ดังนั้นเรื่องการพิสูจน์และกฎนี่นั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา

“เชิญเข้าไปเถิด ใต้เท้า” เมื่อเห็นแบบนั้นยามทั้งสองก็ไม่ได้ขัดขวางพวกเขาทั้งคู่แต่อย่างใด ยามพวกนั้นผายมือออกพร้อมกับรอยยิ้ม

เมื่อไม่ปัญหาใด ๆ เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็ได้เดินเข้าไปในสำนักคากัต แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะจากไปนาน แต่สำนักคากัตนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิดเลย การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคงจะเป็นต้นไม้ที่โตขึ้นหลังจากที่ผ่านมาหลายปี

ข้างในสถาบันนั้นค่อนข้างมีชีวิตชีวา มีศิษย์จำนวนมากมายที่กำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ทั่วทั้งบริเวณสำนัก พวกนั้นส่วนมากก็อายุได้ประมาณ 18-19 ปี และก็มีบางคนที่อายุมากกว่านั้น

“เจี้ยนเฉิน นี่คือสำนักที่เจ้าร่ำเรียนมาอย่างนั้นหรือ ? นี่ดูไม่ดีเท่าไหร่เลย มีศิษย์น้อยนิดที่เข้าถึงได้ในระดับเซียนเท่านั้น — บางคนยังไม่มีอาวุธเซียนเลยด้วยซ้ำ ! ” หมิงตงพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่เชื่อเมื่อเขามองไปรอบ ๆ บริเวณนั้น

เจี้ยนเฉินหัวเราะ “เจ้าคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเจ้างั้นหรือ และได้เป็นเซียนปฐพีด้วยอายุเช่นเจ้างั้นหรือ ? แม้ว่าจะมีอัจฉริยะหลายคนบนทวีปเทียนหยุน แต่อาณาจักรเกอซุนนั้นมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น แค่คนสองคนนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่ที่นี่จะมีพวกนั้นอยู่ ? “

หมิงตงเห็นว่าคำพูดของเจี้ยนเฉินนั้นดูมีเหตุผลและเขาก็เห็นด้วย “นั่นก็จริง แต่เจี้ยนเฉิน ใครกันที่เจ้าพาข้ามาพบในวันนี้ ? รึว่าคน ๆ นั้นเตะตาเจ้า ? “

“เจ้าจะรู้ในไม่ช้า ไปหาอาจารย์ใหญ่กันเถอะ เขารู้ว่าจะข้าจะหาสหายผู้นั้นได้ที่ไหน สหายผู้นี้ของข้านั้นมีพรสวรรค์น้อยนิด แต่ดูเหมือนเขาจะได้รับพร ด้วยร่างกายของเขาเป็นสิ่งที่ข้านั้นชื่นชมอย่างมาก” เจี้ยนเฉินยอมรับ

“ฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าล่ะอยากเห็นเพื่อนของเจ้าคนนั้นเสียจริง ๆ” หมิงตงหัวเราะพร้อมกับทำท่าทีสนใจ

ทั้งสองได้เดินต่อไปยังหอคอยที่อยู่ใจกลางสถาบัน หอคอยนี้เป็นที่ที่เปล่งพลังมากที่สุดในสถาบันนี้และเป็นที่ที่อาจารย์ใหญ่สำนักคากัตพำนักอยู่

“นี่พวกเจ้ากำลังพูดถึงสิ่งใดกัน ? ! ” ทันใดนั้นน้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นพร้อมกับมีเด็กสาวสวมกระโปรงสีฟ้ามองอย่างเย็นชามาที่ทุกคน

ผู้หญิงคนนี้นั้นสวยเป็นอย่างมาก แม้ว่านางจะไม่สวยจนจะทำให้ทั้งอาณาจักรก้มหัวให้ แต่นางก็เป็นผู้หญิงที่สวยซึ่งยากจะพบเจอ ที่ข้าง ๆ ผู้หญิงคนนั้นชายหนุ่มหล่อเหลาผู้ซึ่งอายุประมาณ 22-23 ปียืนอยู่

ในขณะที่ชายและหญิงสาวผู้นั้นกำลังเดินเข้ามาหาฝูงชน ศิษย์ทุกคนที่กระซิบกระซาบกันก่อนหน้านี้ก็เงียบลงทันที พวกเขาเริ่มทำการทักทายสองคนผู้มาใหม่

“นี่คือกาดิซิ่วหลีและศิษย์พี่กาดิเหลียง ! “

“ศิษย์น้องกาดิซิ่วหลีและศิษย์พี่กาดิเหลียง ! “

ในตอนนั้นเองลูกหลานของตระกูลกาดิทั้งสามผู้มีชื่อเสียงในสำนักคากัตก็ปรากฏตัวขึ้น ศิษย์ทุกคนในสำนักแห่งนี้รู้อยู่แล้วว่าทั้งสามคนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กาดิหยุนนั้นอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบัน กาดิซิ่วหลีและกาดิหยุนนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน พวกเขาเป็นเซียนระดับสูงขั้นสุดยอด อีกแค่นิดเดียวก็จะได้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ จากลำดับหนึ่งในสิบของผู้ที่แข็งแกร่งของสำนักแห่งนี้ ทั้งสามคนนั้นถือครองเอาไปถึงสามตำแหน่ง

“น้องสาม อย่าไปสนใจพวกเขาเลย การแข่งขันของพี่ใหญ่นั้นกำลังจะเริ่มขึ้น พวกเราควรรีบไปดูการต่อสู้นั่น” กาดิเหลียงพูดกับกาดิซิ่วหลีที่อยู่ข้าง ๆ เขา จากนั้นเขาก็ดึงกาดิซิ่วหลีไปยังทิศทางที่สนามต่อสู้อยู่ ทั้งสองออกไปด้วยสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่บนใบหน้าของพวกเขา

เมื่อกาดิซิ่วหลีถูกดึง รอยยิ้มที่ไม่พึงพอใจก็ได้ปรากฏบนใบหน้าของนาง ในความคิดของนางแล้วนางยังไม่ลืมเกี่ยวกับความแค้นที่เจียงหยางเซียงเทียนสร้างไว้เมื่อหลายปีก่อน พี่น้องทั้งสองคนนั้นรู้ความเป็นไปของโลกภายนอก แต่นางแทบจะเชื่อไม่ได้เลยว่านางและพี่ของนางนั้นเคยสู้กับคนที่มีความสามารถเช่นนั้นด้วย

เซียนสวรรค์นั้นเป็นบางอย่างที่ทั้งสามได้แต่ใฝ่ฝันที่จะเป็นเท่านั้น

ศิษย์ที่กำลังถกเถียงกันอยู่ตามทั้งสองคนนั้นไปยังสนามต่อสู้ ไม่กี่เมตรห่างออกไป เจี้ยนเฉินและหมิงตงกำลังรับฟังสิ่งที่พวกนั้นพูดกันทั้งหมดอยู่

“เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นผู้มีอิทธิพลขนาดนี้ ชิ ๆ เจ้าจะสุดยอดถึงเพียงใดเมื่อสามารถเอาชนะเซียนที่มีอาวุธเซียนซึ่งในตอนนั้นเจ้ายังอยู่ในขั้นแปดเท่านั้น นั่นดีกว่าข้าตอนอายุเท่านั้นเสียอีก” หมิงตงคอยเย้าแหย่เจี้ยนเฉินจากข้าง ๆ

เมื่อได้ยินแบบนั้นเจี้ยนเฉินนึกย้อนกลับไปพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ตอนนั้นก็แค่เป็นการละเล่นของเด็กเท่านั้น ในอดีตพี่น้องทั้งสามนั่นกับข้านั้นมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น แต่หลายปีผ่านมานี้ ข้าไม่คิดว่าทั้งสามจะยังอยู่ที่สำนักแห่งนี้อยู่ มาเถอะ ไปดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ