เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 585

ตอนที่ 585: ความจงรักภักดีจากหกตระกูลหลัก (2)

มีหลายร้อยคนภายในลานบ้านตระกูลกริฟ แต่ในขณะที่พื้นที่ทั้งหมดปราศจากการสนทนา อาจได้ยินเสียงหายใจหนัก ๆ เท่านั้น

ทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเดียวได้จ้องไปที่เซียนปฐพีทั้งสิบที่ถูกโจมตีลงไปนอนกองกับพื้น ด้วยสายตาที่เบิกกว้างด้วยความไม่อาจเชื่อ

ฮานิและจัสมินรู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน เนื่องจากพวกเขาไม่ทราบว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด เช่นนั้นทั้งสองจึงจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเงียบเชียบเป็นเวลาเนิ่นนาน

ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เซียนปฐพีกว่าสิบคนได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่นับว่าเป็นความแข็งแกร่งมหาศาลเช่นไรกัน ?

“ว้าว ! ญาติผู้พี่ ท่านแข็งแกร่งจริง ๆ! แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าเซียนปฐพีก็ตาม นี่เป็นความสามารถที่แท้จริงของเซียนสวรรค์ ? วิเศษมาก ! ทันใดนั้นเสียงที่ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นทำลายความเงียบที่ลงมาบริเวณนั้น ไป๋เหลียนส่งเสียงชื่มชมเจี้ยนเฉิน ด้วยความชื่นชมดังกล่าว ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง

เซียนสวรรค์ เพียงสองคำดังกล่าว มันเป็นดั่งค้อนขนาดใหญ่ที่กระแทกเข้ากับหน้าอกของทุกคนและทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน และตอนนี้เมื่อพวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉิน ทุกคนตอนนี้ต่างเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

ไม่มีผู้ใดอยากจะเชื่อสายตาของพวกเขา เด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาเป็น … เซียนสวรรค์ คนเช่นนี้คือผู้ที่ดำรงอยู่สูงที่สุดภายในอาณาจักรวายุคราม ที่แม้แต่ราชาแห่งอาณาจักรก็จะต้องปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินอย่างจริงใจและเกรงใจ

จัสมินและฮานิได้แต่ตกตะลึง สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน ตอนนี้พวกเขาได้ตระหนักว่า หัวหน้าผู้นี้ที่พวกเขาพูดคุยด้วยนั้นเป็นเซียนสวรรค์มาโดยตลอด

ภายในอาณาจักรวายุคราม ทั้งหมดมีเพียงเซียนสวรรค์ 4 คนที่เหลืออยู่ และแต่ละคนก็มีความเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่มีใครเทียบได้

หัวหน้าของเราคือเซียนสวรรค์ ? จัสมินและฮานิได้ร้องออกมาภายในจิตใจของเขา กับความคิดที่หมุนไปรอบ ๆ จิตใจของพวกเขา หัวใจของพวกเขาได้เต้นรัวราวกับว่ามันจะกระเด้งออกมาจากอกของพวกเขา

คนเดียวที่ได้รับรักษาความนิ่งสงบของพวกเขานอกเหนือจากเจี้ยนเฉินและกลุ่มของเขา มีเพียงซานเทียน และรองหัวหน้าของพวกเขา ทั้งสามคนที่รู้จักตัวตนของเจี้ยนเฉินและไม่ตื่นตระหนกตกใจเลย

ตอนนี้เซียนปฐพีที่ถูกเจี้ยนเฉินโจมตีจนลงไปกองกับพื้นดินได้พยายามลุกขึ้นยืนด้วยเท้าของพวกเขา งานง่าย ๆ เช่นนี้ทำขึ้นได้ยากกว่าการโจมตีของเจี้ยนเฉินนับแสนครั้ง แต่ตอนนี้ที่พวกเขาลุกขึ้นมาแล้ว เซียนปฐพีได้แต่มองเจี้ยนเฉินด้วยความตกใจและหวาดกลัวซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เจ้า – เจ้าเป็น … เซียนสวรรค์ ! ชายวัยกลางคนที่มีเกราะสีดำร้องออกมาด้วยเสียงที่สั่นระริก – ชายคนนี้ คือหัวหน้าของหนึ่งในตระกูลทั้งหก

เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่เซียนปฐพีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เขาพูดว่า เมื่อเจ้ามาทั้งหมดแล้ว” และเจี้ยนเฉินก็ยังคงอุ้มลูกเสือสีขาวอยู่ในมืออยู่แนบหน้าอกของเขา ตัดสินใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายหนึ่งกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี “ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าออกไปโดยง่าย ร่วมมือกับข้าและประสบความสำเร็จ หรือต่อต้านข้าและพินาศ มันอยู่ที่การตัดสินใจของเจ้า

เซียนปฐพีนับสิบต่างมองด้วยสายตาไม่พอใจในคำพูดของเขา แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าพูดต่อต้านออกมา ความแข็งแกร่งของเซียนสวรรค์นั้นไกลเกินกว่าที่จะเข้าใจได้เลย และมันก็เพียงพอแล้วที่จะบังคับให้พวกเขาทั้งหมดหยุดนิ่งด้วยความหวาดกลัว หากเซียนสวรรค์ต้องการที่จะฆ่าพวกเขา มันก็จะเป็นได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับการฆ่ามด เช่นเดียวกับที่มดจะไม่สามารถมีกำลังที่จะป้องกันตัวเองต่อมนุษย์ คนเหล่านี้จะไม่ได้มีกำลังที่จะหลบหนีไปได้

ด้วยคำพูดของเขา เจี้ยนเฉินได้นำความเงียบมาสู่ลาน

ครู่ต่อมาชายสูงอายุ ก็เดินไปข้างหน้าก่อนที่จะคุกเข่าลงต่อหน้าเขาและพูดออกมาด้วยความนับถือว่า โอ้ นายท่าน เรียกข้าว่ากริฟ ตระกูลกริฟของข้าได้รับเกียรติให้เป็นมือเป็นเท้าของท่าน และเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี”

ผู้อาวุโสคนนี้เป็นเซียนปฐพีและเป็นหัวหน้าตระกูลทั้งหมดที่พวกเขายืนอยู่

เจี้ยนเฉินยิ้ม ขณะที่เขาพยักหน้า ดีมาก กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจะไม่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างไม่เป็นธรรม

การได้รับใช้ท่านนั้นนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับตระกูลกริฟของข้า ข้าจะร้องขออะไรได้อีก ? กริฟฟ์พูดอย่างจริงจัง การเข้าร่วมกลุ่มของเซียนสวรรค์นั้นเป็นความฝันที่เป็นจริงสำหรับคนส่วนใหญ่ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับภูผาเป็นที่พึ่งพิง ทว่าพวกเขาจะได้รับสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ขณะนี้เอง มันมีความหมายว่า แม้พวกเขาอาจสูญเสียสถานะเดิม ทว่าการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้น จะยังคงเพิ่มสถานะของพวกเขาต่อไปอย่างมหาศาล

และจากนั้น เจี้ยนเฉินจึงมองไปยังเซียนปฐพีส่วนที่เหลือ เจ้าตัดสินใจแล้วหรือยัง ? ข้าไม่ได้มีเวลามากพอที่จะรอ

อย่างไรก็ตามคำเหล่านี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

ถ้าเราออกจากเมืองเมฆาแล้ว พลังที่เราสร้างขึ้นภายในเมืองนี้จะ … หนึ่งในชายชราไม่เต็มใจที่จะทิ้งฐานพลังที่เขาสร้างขึ้นมาพร้อมกับเลือดเนื้อและหยาดเหงื่อเป็นเวลาหลายปี

อำนาจจำนวนน้อยเช่นนี้เพียงพอสำหรับเจ้าที่จะไม่เต็มใจงั้นหรือ ? เจ้าสายตาสั้นแค่ไหน ปฏิบัติตามหัวหน้าของเราและเขาจะนำทางเจ้าไปสู่ความยิ่งใหญ่ อำนาจที่ทุกคนมีอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เมื่อเทียบกับอำนาจในอนาคตที่หัวหน้าของเราจะพาพวกเราไปทุกคนนั้นไม่อาจเทียบกันได้ เป็นซานเทียนที่กล่าวออก

ดังนั้นความสงสัยในหัวใจทุกคนค่อย ๆ เริ่มมลายหายไป

ตอนนี้เจี้ยนเฉินได้มอบงานทั้งหมดให้กับพวกเขาทุกคน จากนั้นแต่ละคนต่างก็แยกกันออกไป และทำตามหน้าที่ควรทำ ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ยังคงอยู่เบื้องหลัง – แม้แต่หมิงตง ซานเทียนและคนอื่น ๆ จากไปเช่นกัน

ตอนนี้กลุ่มตระกูลทั้งหกและกลุ่มทหารรับจ้างอื่น ๆ ได้เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีแล้ว เขาจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องอยู่ในเมืองเมฆาอีกต่อไป มันไม่มีสิ่งใดที่จะดึงดูดเจี้ยนเฉิน ในเวลาเพียงสามวันอันสั้น เจี้ยนเฉินได้ผูกขาดอำนาจทั้งหมดของเมืองไว้อย่างสมบูรณ์

พี่ชาย ท่านแข็งแกร่งมาก ! คนเหล่านี้เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีโดยไม่ต้องถาม ! ถ้านี่เป็นเมืองเฟิงหยาง นั้นย่อมยิ่งกว่า เพียงแค่คนเดียวในบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ก็เทียบเท่ากับสามตระกูลชั้นนำ ! ไป๋เหลียนพูดอย่างตื่นเต้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเรื่องที่นางไม่สามารถจินตนาการได้แม้ในความฝันของนาง

เจี้ยนเฉินมีรอยยิ้มอันนุ่มนวลบนใบหน้าของเขา เมื่อเห็นความตื่นเต้นที่อยู่บนใบหน้าของไป๋เหลียน ความจริงที่นางเรียกเขาว่าพี่ชายนั้นทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกอบอุ่นมาก นอกเหนือจากหน้าที่ของเขาในการปกป้องไป๋เหลียนจากอันตราย เจี้ยนเฉินนั้นยังรู้สึกว่าเขามีหน้าที่ในฐานะพี่ชายที่จะทำให้นางมีความสุข

ไป๋เหลียน เพราะเจ้ายังไม่ได้กลั่นอาวุธเซียนของเจ้า เจ้าต้องให้แน่ใจว่าเจ้าให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะพลัง ตราบเท่าที่เจ้าแข็งแกร่งแล้วจะสามารถทำสิ่งที่เจ้าต้องการได้ ถ้าเจ้าขาดแคลนแกนอสูรเพื่อบ่มเพาะพลัง เจ้านั้นสามารถที่จะร้องขอข้าได้เสมอ เจี้ยนเฉินพูด

ความละอายได้แผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของนาง พี่ชาย ไม่ใช่ว่า ข้าไม่พยายามอย่างหนักพอ เป็นเพราะความสามารถของข้าที่มันไม่เหมือนท่าน ไม่ว่าข้าจะพยายามบ่มเพาะให้มากเท่าไหร่ แต่ความเร็วของข้านั้นก็ช้าเหลือเกิน ข้าอายุ 18 ปี แต่ทว่าข้ากลับไม่ได้ก้าวขึ้นไปที่พลังเซียนขั้นที่ 6 และข้าเกรงว่า มันยังคงเป็นเวลานาน กว่าที่จะถึงขั้นที่ 11 แต่แล้วรอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง หลังจากที่นางหัวเราะ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบเท่าที่ข้ามีพี่ชายเหมือนท่านช่วยปกป้องข้า นั่นย่อมไม่มีใครจะกล้าข่มขู่ข้า

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ