ตอนที่ 749: คำเชิญของตระกูลซาร์
“หยางยู่เทียน มานั่งข้าง ๆ อาจารย์นี้ อาจารย์เหลือเวลาอีกไม่มากที่จะมีชีวิตอยู่แล้วและอาจจะอีกแค่ร้อยปี การที่สามารถรับคนอย่างเจ้ามาเป็นลูกศิษย์ได้ ข้าก็ตายโดยไม่เสียดายแล้วล่ะ” ท่านประธานห่อเหี่ยว เขามีเวลาเหลืออีกไม่มาก นอกเสียแต่ว่าเขาจะสำเร็จระดับ 8
เจี้ยนเฉินนั่งลงข้าง ๆ ท่านประธาน
ท่านประธานมองที่เจี้ยนเฉินแล้วพูด “หยางยู่เทียน นอกเหนือจากที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อให้เจ้าได้พบกับผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว ข้ามีบางอย่างที่จะบอกกับเจ้า” ท่าทีของท่านประธานเริ่มเคร่งเครียดแล้วเขาก็พูดต่อ “ตระกูลซาร์ของเมืองแห่งเทพเจ้านั้นมีความทะเยอทะยานสูงมาก ไม่เพียงแต่เขาต้องการจะกลืนกินสองตระกูลที่เหลือเท่านั้น แม้แต่สมาคมเขาก็ยังต้องการที่จะยึดครองด้วย สองสามปีที่ผ่านมา ตอนที่ผู้อาวุโสสูงสุดออกเดินทางนั้น ท่านได้รับบาดเจ็บจากพิษที่ลึกลับ ไม่เพียงแต่ท่านจะได้รับพิษอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ท่านยังเผชิญหน้ากับจอมยุทธหลายคนที่ต้องการจะฆ่าเขา ในท้ายที่สุดนั้น ท่านก็ผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ก่อนที่จะกลับมาที่เมืองแห่งเทพเจ้าและเพิ่งฟื้นตัว ข้าสงสัยมาตลอดว่าตระกูลซาร์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“ในตอนนี้ ข้ากำลังคุ้มกันที่ปราสาทนี้อยู่ ดังนั้นพวกเขาคงไม่กล้าที่จะทำอะไรบ้าบอในตอนนี้ แต่ถ้าข้าได้ตายจากไปในอีกร้อยปีที่จะถึงนี้ พวกเขาต้องต่อต้านสมาคมเป็นแน่ การคงอยู่ของเจ้านั้นเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ของตระกูลซาร์ แม้ว่าพวกเขาจะยังเห็นว่าความแข็งแกร่งของเจ้ายังน้อย แต่เจ้าอาจจะแข็งแกร่งถึงในระดับข้าในอีกร้อยปีนี้ ดังนั้นตระกูลซาร์อาจจะต่อต้านเจ้า ในช่วงเวลานี้ เจ้าควรจะอยู่ที่เมืองแห่งเทพเจ้าและไม่ออกไปไหน ภายในเมืองนี้ พวกเราสามารถรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้”
เจี้ยนเฉินเริ่มรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขาพูด “ขอรับ ท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าใจดี”
“เอาล่ะ ข้าได้บอกสิ่งที่ข้าจำเป็นจะต้องบอกกับเจ้าไปแล้ว เจ้าสามารถไปเตรียมตัวเกี่ยวกับการแข่งขันที่จะมีในอีกครึ่งเดือนนี้ได้ เจ้าจะต้องติดสิบอันดับแรก การไปถึงระดับ 7 เท่านั้นที่จะมีพลังในการต่อต้านเซียนราชาได้ แม้ว่าสิ่งที่ต้องจ่ายตอบแทนอาจจะมาก แต่นี่ก็เป็นทางเดียวเท่านั้นที่เจ้าจะรับมือกับเซียนราชาได้” ท่านประธานโบกมือและอนุญาตให้เจี้ยนเฉินไปได้
เจี้ยนเฉินยืนขึ้นคำนับท่านประธานก่อนจะออกไป
เมื่อเจี้ยนเฉินจากไป ผู้อาวุโสสูงสุดมองไปที่ท่านประธาน “ท่านประธาน ท่านมีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว เราต้องรีบเร่งแผนการของพวกเราหน่อยแล้ว เมื่อท่านสำเร็จระดับ 8 ได้ สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น”
ท่านประธานถอนหายใจอย่างนุ่มนวล เขามองไปที่เพดานและท่าทีของเขาค่อนข้างสับสน “ตั้งแต่ครั้งอดีตที่ผ่านมา ยังไม่มีใครสำเร็จระดับ 8 ได้เลย ท่านประธานคนก่อนของสมาคมได้หาวิธีการมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยได้ผล การสำเร็จระดับ 8 นั้นยากเกินไป แม้ว่าข้าจะมีความรู้สึกว่า บางทีข้าอาจจะสำเร็จระดับ 8 ในชีวิตนี้”
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น มันไม่เกี่ยวว่าจะสำเร็จหรือไม่ พวกเราก็ยังจะลองทำมันอยู่ดี” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“การต่อสู้ระหว่างตระกูลทั้งสามอาจจะเริ่มหลังจากที่วัตถุเซียนทำงาน พวกเรามาทำตามแผนการหลังจากที่การต่อสู้ของพวกเขากำลังจะจบลง ถ้าข้าพลาดในท้ายที่สุด ข้าจะใช้ชีวิตของข้าแลกกับการร่ายทักษะต้องห้ามเพื่อกำจัดพวกที่เป็นภัยกับสมาคม” ท่านประธานตกลงใจอย่างแน่วแน่ในแววตา
..
เจี้ยนเฉินมีบ้านของตนเองในสำนักงานใหญ่ หลังจากออกมาจากที่ที่ท่านประธานอยู่ เขาก็กลับมาที่บ้านและในตอนนี้เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เตียงอย่างเงียบ ๆ และครุ่นคิดอยู่
ตระกูลซาร์ต้องการที่จะต่อต้านสมาคม ในขณะที่เขาเป็นอุปสรรคสำคัญที่ป้องกันไม่ให้ตระกูลซาร์ควบคุมสมาคมได้ เขาได้กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกนั้นและจะถูกกำจัดในไม่ช้า เจี้ยนเฉินไม่เคยตกที่นั่งลำบากเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้สถานการณ์ได้ลุกลามเกินกว่าที่เขาคาดไว้
“ตอนนี้ทุกคนยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า ถ้าสถานการณ์ย่ำแย่มาก ข้าจะออกไปจากเมืองแห่งเทพเจ้าหลังจากที่ข้าสำเร็จระดับ 7 ข้าจะสมมุติตัวตนของข้าว่าเป็นนักสู้และหลังจากที่ข้าแข็งแกร่งมากพอ ข้าจะเปิดเผยตัวตนของข้าในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงต่อตระกูลซาร์ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว ข้าก็จะมีพลังที่แม้แต่สมาคมยังต้องเกรงกลัว” เจี้ยนเฉินคิดกับตนเอง
ในตอนนี้ มีบางคนกำลังเคาะประตูอยู่ด้านนอก
เจี้ยนเฉินเพ่งไปที่ประตูและหยุดคิดทันที เขาพูด “เข้ามา ! “
เมื่อประตูเปิดออก ชายชราในชุดขาวได้เดินเข้ามาจากข้างยอก เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมนั้นเอง
เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืนทันทีและคำนับอย่างเคารพ “หยางยู่เทียนขอคารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด ! “
ผู้อาวุโสสูงสุดปิดประตูเบา ๆ และจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความสงสัย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็โบกมือเบา ๆ และเหรียญสีม่วงก็ลอยออกมาจากแหวนมิติของเจี้ยนเฉินและไปหยุดอยู่บนมือของเขาทันที
ภาพที่เห็นนี้ทำให้เจี้ยนเฉินประหลาดใจ ภาพที่เขาได้รับเหรียญในตอนแรกนั้นลอยเข้ามาในจิตใจของเขา ทำให้เขาเริ่มระมัดระวังตัว
ท่าทีของเจี้ยนเฉินสับสน สิ่งที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดพูดก่อนที่เขาจะจากไปได้ก้องกังวานอยู่ในจิตใจของเขา เขาไม่มั่นใจว่าผู้อาวุโสสูงสุดรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือยัง แต่มันก็ทำให้เจี้ยนเฉินครุ่นคิดว่ามันหมายถึงอะไร
ในวันถัดมา ชายวัยกลางคนในชุดขาวได้มาพบเจี้ยนเฉินแล้วพูด “ท่านอาจารย์หยางยู่เทียนที่เคารพ หัวหน้าตระกูลซาร์เชิญให้ท่านไปพบที่ตระกูลในฐานะแขก”
“ตระกูลซาร์ ! ” เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนพูดออกไปว่า “ข้าทราบแล้ว เจ้าออกไปได้”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนออกไป ท่าทีของเจี้ยนเฉินก็หม่นหมอง หลังจากที่ครุ่นคิดสักครู่ เขาพูด “แม้ว่าตระกูลซาร์จะมีเจตนาที่ไม่ดีต่อข้า แต่เราก็ยังไม่ได้ถึงขั้นแตกหัก อีกทั้งตระกูลซาร์ยังเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของเมืองแห่งเทพเจ้าและเหนือกว่าตระกูลทั้งแปด เมื่อพวกเขามาเชิญข้าในวันนี้ พวกเขาคงไม่พยายามที่จะทำร้ายข้า ถ้าข้าไม่ไป บางที่มันอาจจะแย่ต่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราในภายภาคหน้า ยังไงก็เถอะ ข้าว่า ข้าคงต้องไป ข้าจะไปแจ้งท่านอาจารย์ไว้ ก่อนที่ข้าจะไป”
..
ในเวลาเดียวกันนั้น ในขอบเขตภูเขาที่ห่างไปหลายล้านกิโลเมตร ชายชราหัวยุ่ง 5 คนนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำ
“บ้าเอ้ย พวกผู้พิทักษ์ทั้งสี่จากนิกายดาบโลหิตนั่นตามเราแจเลย พวกมันไล่ล่าเรามานานแล้วและไม่ยอมปล่อยให้เราไปเลย” ชายชราสบถออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยโทสะ ในขณะที่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่น่ากลัว
….
“ข้ามีเลือดของพ่อแม่ของเจี้ยนเฉิน ซิตูใช้เลือดนี้เป็นตัวนำในการร่ายทักษะคำทำนายสุดยอดซะ”
Related
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ
จบแล้วหรอ...
ทำไมยังไม่ลงบทใหม่...
ลงครั้งละ สี่ ห้า บท ได้ไหม...
กรุณาลงบทครั้งละหลายบทหน่อยนะครับ ชอบ ๆ...
รออ...
ตอน 1419-1420 หายครับ...
จบแล้ว......
มีต่อไหมครับ...
เมื่อไรจะอัพเดทค้าบ รอนานแล้ว...
ต่อๆๆๆ...