เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 910

ตอนที่ 910: การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

ในตอนแรก หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่ได้สนใจอะไร นางเชื่อว่าคงเป็นบางคนที่ชื่อเหมือนกันเท่านั้นแต่เมื่อนางเห็นภาพวาด ตาของนางก็หรี่เล็กลง นางคว้าไปที่อากาศที่ว่างเปล่าด้วยมือขวาของนางและภาพวาดนั้นก็ลอยออกจากมือของฉินฉินไปที่นางทันที

กลุ่มของตระกูลเทียนฉินทั้งหมดตกใจเมื่อพวกเขาเห็นหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เอารูปของเจี้ยนเฉินไป พวกเขามองไปที่นางอย่างสงสัย

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จ้องมองคนที่อยู่ในรูปอย่างเหม่อลอย ในขณะที่อารมณ์หลายอย่างเกิดขึ้นที่ใบหน้าของนาง นางพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ทำไมเจ้าถึงได้มีรูปวาดของเขา ? “

“ท่านอาจารย์ ท่านรู้จักท่านเจี้ยนเฉินด้วยหรือ ? ” ตาของฉินฉินเบิกขึ้น และจ้องไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างตาไม่กระพริบ

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์คืนรูปวาดของเจี้ยนเฉินให้ฉินฉินและไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าที่มีผ้าคลุมหน้าของนางได้ซ่อนความรู้สึกของนางเอาไว้ทั้งหมด

บางคนที่อยู่ที่นี่เริ่มที่จะกังวลขึ้นมาทันทีเมื่อพวกเขาเห็นว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทำแบบนั้น พวกเขากลัวว่าเจี้ยนเฉินได้เคยไปทำอะไรให้นางโกรธ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบกับความสัมพันธ์ฉันลูกศิษย์อาจารย์กับฉินฉิน

แม้ว่าบางคนจะคิดแบบนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไร เนื่องจากชื่อเสียงและฐานะของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์

ฉินฉินมอบภาพวาดให้ฉินเซียวก่อนที่จะจากไปกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หลังจากที่ร่ำลาทุกคนอย่างรวดเร็วเพื่อไปที่เกาะสามเซียน

ท้องฟ้าด้านหน้าแนวภูเขาโบราณนั้นมหัศจรรย์มาก มันสว่างจ้าและไม่มีเมฆและมีสีฟ้าคราม กลุ่มของสัตว์อสูรสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในขณะที่พวกมันพุ่งทะยานอย่างอิสระไปในท้องฟ้า พวกมันส่งเสียงร้องดังและชัดออกมาเป็นครั้งคราว มันก้องกังวานไปรอบ ๆ และสะท้อนไปไกล

เสียงคำรามดังของสัตว์อสูรถูกได้ยินเป็นครั้งคราวภายในป่า ในขณะที่สามารถเห็นสัตว์อสูรกำลังรีบเร่งล่าเหยื่อด้วยความเร็วได้ลาง ๆ บางครั้งยังได้ยินเสียงของการต่อสู้ลาง ๆ พร้อมทั้งคลื่นพลังที่มหาศาล

นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรระดับสูงและไม่ต่ำกว่าระดับ 5

ในตอนนี้ ท้องฟ้าสีครามเริ่มที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรง เกิดพลังงานที่มหาศาลขึ้น ประตูมิติหลากสีก็เกิดขึ้นมา

ร่างสามร่างก้าวออกมาจากประตูมิติ คนที่นำเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดขาว เขาดูค่อนข้างธรรมดาแต่เขาให้ความรู้สึกเหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งกับรอบ ๆ เขาหลอมรวมกับมิติรอบ ๆ เขาอย่างสมบูรณ์ มันง่ายมากที่คนอื่นจะจับพลังแห่งการมีอยู่ของเขาได้

ด้านหลังเขามีหญิงกลางคนในชุดขาว นางสง่างาม นางก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่านางเป็นส่วนหนึ่งกับรอบ ๆ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม พลังแห่งการมีอยู่ของนางนั้นก็แตกต่างจากผู้ชายคนนั้นมาก

คนสุดท้ายเป็นชายชราที่ปกคลุมไปด้วยผิวเหี่ยวย่น เขาดูเหมือนจะอายุเกิน 70 ปีไปแล้วและเขาดูเหมือนจะถูกเข้าใจผิดได้โดยง่ายว่าเป็นศิษย์พี่ของคนทั้งสองที่อยู่ข้างหน้า

“คงเอ๋อ เจ้ายังจำสถานที่แห่งนี้ได้หรือไม่ ? ตระกูลของพวกเราซ่อนอยู่ในมิตินี้ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาถึงบ้านแล้ว” เจียงหยาง ซู อวี้หยวนพูดอย่างมีอารมณ์ในขณะที่น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในตาของนาง

เจียงหยาง ซู หยุนคงมองไปรอบ ๆ ที่คุ้นตาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาพูด “ข้ากลับมาบ้านแล้วในที่สุด ข้ากลับมาบ้านแล้วในที่สุด ไม่คิดเลยว่าจะมีช่วงเวลาที่ข้าจะสามารถกลับมาที่บ้านได้”

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาในขณะที่เขามองไปที่อารมณ์ของอีกทั้งสองคน เขาดึงเหรียญตราออกมาอย่างรวดเร็วและลำแสงก็ถูกยิงออกมาจากมัน แสงไปปะทะกับมิติที่อยู่ห่างหลายร้อยเมตรออกไป

มิติที่อยู่จรงนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดตัวออกอย่างช้า ๆ และเผยให้เห็นประตูสูง 30 เมตร ผ่านประตูนั้นไป สิ่งก่อสร้างธรรมดาสามารถถูกเห็นได้

นั่นเป็นสถานที่ของตระกูลเจียงหยางของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบตั้งอยู่

“อวี้หยวน คงเอ๋อ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวนำคนทั้งสองเข้าไปที่ตระกูลทันที

กระบี่ยาว10 เมตรตั้งอยู่ในดินในพื้นที่ต้องห้ามด้านหลังตระกูล มันส่องแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างออกมาและเปล่งประกายไปด้วยปราณกระบี่ที่ทรงพลัง มันดูเหมือนผู้คุมกฎที่สุดยอด

กระบี่ถูกล้อมไว้ด้วยม่านพลังที่ทรงพลังมาก ม่านพลังนั้นปกคลุมกระบี่เอาไว้ทั้งหมด และปกคลุมพลังที่มหาศาลของมันเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตว่าในตอนที่เจียงหยาง ซู หยุนเซียวได้เปิดประตูมิติของตระกูล กระบี่ได้สั่นไหวแบบไม่ทันสังเกตได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้ขยับเลยแม้แต่มิลลิเมตรเดียวมาหลายร้อยปีแล้ว

ในตอนที่พวกเขาออกจากมิติไป ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ได้เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในพื้นที่ต้องห้ามเริ่มค่อย ๆ สงบลง ก่อนที่จะหยุดลงสนิท มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลยตั้งแต่แรก

สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเจียงหยางอดไม่ได้ที่จะโล่งอกเล็กน้อยที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้สงบลงอีกครั้ง มีเพียงเจียงหยาง ซู อวี้หยวนและเจียงหยาง ซู หยวนเซียวเต็มไปด้วยความเสียใจเป็นที่สุด

เจียงหยาง ซู เซียวดูเหมือนจะคิดบางอย่างได้เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันทีในขณะที่เขาร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว “บางที อาจจะเป็นเพราะ…”

“บางที อาจจะเป็นเพราะอะไร ? เจียงหยาง ซู เซียว เจ้ารู้เหตุผลว่าทำไมยุทธภัณฑ์จักรพรรดิถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงขึ้นมาทันทีหรือ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดถามทันที พวกเขาที่เหลือทั้งหมดมองไปที่เจียงหยาง ซู เซียว

แววตาของเจียงหยาง ซู เซียวเป็นประกายอย่างไม่สบายใจ เขาไม่ได้พูดอะไร และมุ่งตรงไปที่ทางเข้าของตระกูล

ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นมองหน้ากันและกัน ก่อนที่จะตามหลังเขาไปอย่างใกล้ชิด

พวกเขาออกจากตระกูลพร้อม ๆ กันและเมื่อเขามาถึงด้านนอก พวกเขาเห็นเจียงหยาง ซู หยวนเซียว เจียงหยาง ซู อวี้หยวน และเจียงหยาง ซู หยุนคงเป็นสามคนแรก พวกเขาจำเจียงหยาง ซู หยุนคงได้อย่างรวดเร็ว

“หยุนคง เป็นเจ้านั่นเอง ! ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมยุทธภัณฑ์จักรพรรดิถึงได้เริ่มที่จะมีปฏิกิริยารุนแรงในเมื่อไม่มีอะไรเลย ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นเอง” ผู้อาวุโสสูงสุดคำรามออกมา ท่าทีของเขาไม่ค่อยดีเท่าไร

“ในหลายปีมานี้ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้มีปฏิกิริยารุนแรงมาแล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเพราะเจ้าเข้าไปที่พื้นที่ต้องห้ามและไปรบกวนมัน ในขณะที่ครั้งที่ 2 ก็เป็นเพราะเจ้าที่เข้ามาที่ตระกูลในวันนี้”

ท่าทางของเจียงหยาง ซู หยวนเซียว และเจียงหยาง ซู อวี้หยวนเริ่มน่ากลัว พวกเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“บางทีคนที่ตระกูลพูดก็อาจจะถูก เจียงหยาง ซู หยุนคงเป็นหายนะของตระกูลเจียงหยาง ? เขามีแต่จะนำภัยพิบัติมาที่ตระกูลเท่านั้น ? ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในตระกูล เขาก็ถูกปฏิเสธจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและทันทีที่มันหลุดออกมาเป็นอิสระได้ มันก็จะนำภัยพิบัติอย่างรุนแรงมาสู่ตระกูล” ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นพูดขึ้นมา สายตาที่เขามองไปที่เจียงหยาง ซู หยุนคงเริ่มค่อนข้างไม่เป็นมิตรทันที

“เฮ้อ” เจียงหยาง ซู เซียวถอนหายใจออกมายาว ในขณะที่เขาพูดออกมา “คงเอ๋อ เข้าจะไม่สามารถเจ้าไปที่ตระกูลได้อีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ