พอได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน เย่หรงยืนขึ้นด้วยความตกใจในทันที เขามั่นใจว่าหยางเฟิงต้องมาจัดการเขาแน่ แต่เขาไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ และคนของเขาจะทำอะไรไม่ได้เลยขนาดนี้
ที่นี่มีองครักษ์ตระกูลเย่หลายพันคนอยู่ องครักษ์พวกนั้นทำอะไรหยางเฟิงกับคนอื่นไม่ได้เลยหรือไงกัน
“แล้วหยางเฟิงล่ะ มันอยู่ที่ไหน”
เย่หรงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอำมหิต ท่าทางเขาต้องลงมือเองแล้ว
"หยางเฟิง..."
พอพูดได้แค่นี้ พ่อบ้านก็พูดไม่ออกแล้ว เขาไม่รู้จะพูดยังไงให้เจ้านายของเขาเข้าใจ
“ขอโทษด้วยนะ ท่านเจ้าบ้านตระกูลเย่ ผมผ่านประตูทางเดินเข้าห้องทำงานเข้ามาแล้วน่ะ”
เสียงขี้เล่นหยอกเย้าของหยางเฟิงดังขึ้นที่มุมหนึ่งของทางเดินหน้าห้องทำงาน เขาค่อย ๆ เดินออกจากมุมมืดมาให้เย่หรงได้เห็นเต็มตาว่าคนพูดคือหยางเฟิงจริงๆ
เป็นไปไม่ได้ หยางเฟิงทำได้ยังไงกัน
แน่นอนว่าเย่หรงตะลึง ตกใจ และพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปทำได้ ยอดฝีมือที่คอยคุ้นกันเขาจำนวนหลายร้อยคนนอกห้องทำงานแห่งนี้ไม่ใช่ยอดฝีมือทั่วไประดับองค์รักษ์ตระกูลเย่ ฝีมืออยู่ระดับเหนือกว่าขั้นปรมาจารย์กันทุกคน
หยางเฟิงจัดการคนระดับนี้จำนวนขนาดนี้ได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
เย่หรงกําหมัดแน่น เขาหันหลังกลับมาทางหน้าต่าง เดินไปเปิดประตูหน้าต่างมองออกไป ที่ตรงนั้นสามารถมองเห็นลานกว้างและทางเดินหลักได้
เมื่อเขามองออกไปเห็นองครักษ์หลายร้อยคนนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ด้านนอกห้องทำงานของเขา ที่มากไปกว่านั้นคือ เขาจำได้ว่าในบรรดาหลายร้อยร่างที่นอนอยู่นั้น นั่นคือร้อยยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ ยอดฝีมือระดับเหนือกว่าปรมาจารย์ที่เขาจัดเตรียมไว้
ไม่มีใครรอด ไม่มีเหลือเลยสักคนเดียว!
บัดซบเอ๊ย!
ทันมใดนั้น สีหน้าของเย่หรงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว
หยางเฟิงคนนี้ คนที่ทำได้ขนาดนี้...
ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ยอดฝีมือระดับเหนือกว่าขั้นปรมาจารย์หลายร้อยคนยังหยุดเขาไม่ได้เลย!
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งปรากฏออกมาเบื้องหลังเย่หรง เงาร่างนั้นตั้งท่าพร้อมต่อสู้เพื่อปกป้องเย่หรง แต่เย่หรงกลับยกมือขึ้นห้าม แล้วออกคำสั่งว่า
“ตอนนี้ อย่าเพิ่งออกมา พอมีโอกาสเมื่อไหร่ จัดการมันในท่าเดียวเลย!”
พอพูดจบ เย่หรงเดินตรงไปเปิดประตูห้องทำงานของเขาออก
เขาไม่รู้ว่าหยางเฟิงมั่นใจในฝีมือร้ายกาจของตัวเองจนเกินไป ไม่แยแสจนเกินไป หรือเตรียมตัวมาอย่างดีจนไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเลย
หยางเฟิงเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก เย่หรงยอมรับในเรื่องนี้ เพราะไม่เพียงแต่หยางเฟิงจัดการกับสำนักหง เด็ดแขนเขาไปข้างหนึ่งแล้ว องค์รักษ์ชั้นยอดหลายร้อยที่เขาบ่มเพาะมาก็ไม่ใช่คู่มือของหยางเฟิงเลย
ด้วยฝีมือระดับนี้ เย่หรงเกรงว่าหยางเฟิงจะเป็นยอดฝีมือในระดับขั้นเปลี่ยนผ่านเทพเซียน!
หลังจากหยางเฟิงเข้ามาในห้องทำงานแล้ว เขาก็นั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางเอกเขนก ไม่สนใจไยดีในความสุภาพต่อเจ้าบ้านตามมารยาทเลย
เย่หรงมองหยางเฟิงด้วยความระแวดระวัง ก่อนจะถามออกไปว่า “หยางเฟิง แกต้องการจะทำอะไรกันแน่”
มีสำนวนโด่งดังในประเทศบ้านเกิดของพวกเขาว่า “คนดีไม่มา คนที่มาท่าทางไม่ดี” แน่นอนว่าหยางเฟิงมาคราวนี้ในเวลานี้ เข้ากับสำนวนบทนี้ชัดเจนเลย
“คุณมาจากสำนักยมบาลใช่ไหม”
หยางเฟิงไม่ได้พูดอะไรอ้อมค้อม เขาถามอย่างตรงไปตรงมาเลย
“แกพูดบ้าอะไรของแก ฉันไม่เคยได้ยินชื่อสำนักนี้เลย!”
พอได้ยินคำถามของหยางเฟิง สีหน้าของเย่หรงเปลี่ยนไปในพริบตา และเขารีบปฏิเสธทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก
อ่านไม่ได้ครับ...