เทพสงครามพิทักษ์โลก นิยาย บท 1141

ไม่เพียงแต่ทะเลตงไห่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเมืองโดยรอบด้วย ซึ่งจะมีการตั้งโฆษกในอนาคตเพื่อรับผิดชอบแผนงงานนี้ และประเทศนี้ก็กังวลเป็นกังวลเช่นกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

นอกจากสถาปนาและจัดตั้งหน่วยงานดูแลวงการศิลปะการต่อสู้ของต้าเซี่ยอย่างมั่นคงแล้ว หยางเฟิงยังต้องการพาบรรดานักศิลปะการต่อสู้ หรือที่หลายคนเรียกว่า นักบู๊ไปเผยแพร่ต่างประเทศเพื่ออวดศักดิ์ศรีและความสามารถของประเทศของตนเอง เพื่อให้ชาวต่างชาติเหล่านั้นได้เห็นว่ากังฟูของต้าเซี่ยมีความร้ายกาจมากขนาดไหน!

"ท่านจอมพลครับ ผมทราบแล้วครับว่าต้องทําอะไร "

ไป๋หู่พยักหน้าและจากไปอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าต้องทำอะไรอย่างไรในเวลาใด และหยางเฟิงไว้วางใจไป๋หู่ให้ดำเนินการในแง่นั้น เพราะเชื่อมือกันดี หยางเฟิงจึงไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหาขึ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งที่สั่นสะท้านสังคมทุกชนชั้นในระดับประเภทก็ปรากฎขึ้น และผลของข่าวนี้ได้ส่งผลกระทบไปยังผู้คนต่างแดนจำนวนมากอีกด้วย

สมาพันธ์นักสู้ อู๋ซงก่อตั้งขึ้นแล้ว!

การก่อตั้งสมาพันธ์นักสู้ก่อเกิดกระแสสังคม ทำให้เกิดเรื่องชวนสนทนาอันน่าสนใจมากมาย เป็นที่สนใจและจับตามมองของผู้คนในภูมิภาคทะเลตะวันออกทั้งหมด ไม่ใช่แค่ตงไห่เท่านั้น และยังรวมถึงผู้คนมากมายในนครหลวงของต้าเซี่ยด้วย พวกเขาตื่นเต้นและแสดงความรู้สึกต่างๆ ออกมาอย่างท่วมท้น ต้าเซี่ยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปี และข้อความมายมากกล่าวถึงนักศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียง เมื่อมีการจัดตั้งสมาพันธ์ที่รวบรวมเหล่านักศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ไว้ด้วยกับ ผู้คนจำนวนไม่น้อยย่อมไม่พลาดที่จะคอยติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด

ในเวลาไม่นานนัก เมื่อข่าวสารแพร่หลายออกไปนอกภูมิภาคดังกล่าว ผู้คนมากมายต่างแห่กันมาสมัครเข้าร่วม เรียกได้ว่ากระแสของสมาพันธ์กำลังมาแรงมาก แน่นอนว่ายิ่งกระแสสังคมให้ความสนใจมาก ความคาดหวังก็ยิ่งสูงตามมาด้วย

หยางเฟิงส่งมอบหน้าที่ในการโปรโมทและจัดการสื่อต่างๆ ของสมาพันธ์ฯ ให้กับหม่าตงผู้ที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายโดยทันที

ในขณะเดียวกัน อู๋ซงได้ประกาศสโลแกนหนึ่งขึ้นมา – รื้อฟื้นตำนานเกียรติภูมิต้าเซี่ย!

แค่แปดคํานี้ทําให้เลือดของผู้คนหนุ่มสาวเดือดพล่านด้วยความรักชาติและความกระหายจะพิสูจน์ความสามารถของตนเอง พวกเขาตั้งปณิธานจะเรียนรู้และฝึกฝน สืบทอดและส่งต่อ ปกป้องและรักษา เสริมสร้างและต่อยอดให้เกียรติภูมิต้าเซี่ยยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก

เมื่อทราบข่าวสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์นี้แล้ว หยางเฟิงบอกกับหม่าตงว่า "ทำการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ต่อเนื่องเลยนะ เราได้โอกาสนี้แล้ว จงใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าและทำให้ศิลปะการต่อสู้ของต้าเซี่ยรุ่งเรืองกันเถอะ!"

การเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ไม่เพียงแต่ทําให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองของผู้คน นอกจากนี้ หลักการของศิลปะการต่อสู้ยังสามารถใช้ในการป้องกันตัว การทำสมาธิ การศึกษาศาสตร์แขนงต่างๆ และการพัฒนาบุคลิกของผู้เรียนได้อีกด้วย

หยางเฟงอาศัยโอกาสนี้ใข้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อเสริมสร้างอารยธรรมจิตวิญญาณของต้าเซี่ยขึ้นมาอีกทางหนึ่ง เป็นการทำด้วยความรักชาติและเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่ให้เขาได้แสดงออกในแบบที่เขาเป็น

ถ้าทำ ก็ทำให้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นก็อย่าทำ!

นี่เป็นหลักการของหยางเฟิงในการทําสิ่งต่าง ๆ มาโดยตลอด เรื่องคราวนี้ก็เช่นกัน เขาตั้งใจจะทุ่มสุดตัวให้สมกับที่ได้โอกาสล้ำค่านี้มา

------------

หลังจากได้รับคําชี้แนะของหยางเฟิงแล้ว หม่าตงย่อมทุ่มเทเต็มกำลังโดยไม่กังวลอื่นใดนอกเหนือจากงานที่ได้รับมอบหมายและแผนงานที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายต่างๆ แล้ว

ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ความร่วมมือกับแผนการโฆษณาชวนเชื่อของหม่าตง หยางเฟิงยังเรียกตัวหลิวซิงมาข่วยในแผนการนี้เป็นการส่วนตัว โดยหยางเฟิงได้ขอให้สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์กรุ๊ป ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับการประชาสัมพันธ์ของหม่าตง

หลังจากที่หลิวซิงได้รับโทรศัพท์จากหยางเฟิง เขาได้สั่งการให้สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์กรุ๊ปเตรียมการถ่ายทำภาพยนตร์แอ็คชั่นแนวศิลปะการต่อสู้ทันที การใช้ศิลปะการต่อสู้เป็นองค์ประกอบหลักในภาพยนตร์แอ็คชั่นเป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว และเป็นที่นิยมอย่างมากของผู้คนทั่วโลก กอบโกยรายได้มหาศาลมาอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์แอ็คชั่นแนวศิลปะการต่อสู้ที่เดินเรื่องด้วยผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ของจริงย่อมเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย

เขาแสยะยิ้มชวนสยองและพูดกับตัวเองว่า “อู๋ซง สมาพันธ์นักศิลปะการต่อสู้ ช่างน่าสนใจจริงๆ หยางเฟิง ฉันจะเตรียมของเซอร์ไพรส์แกอย่างเต็มที่เลย”

พูดจบแล้ว ผู้คุมกฎก็หายตัวไปในฝูงชน...

ในวันนี้ สมาพันธ์นักศิลปะการต่อสู้ อู๋ซง ได้เปิดโถงหลักของสำนักเพื่อรับศิษย์เข้าร่วมสมาพันธ์อย่างเป็นทางการ กระแสความสนใจและการมีส่วนร่วมของผู้คนนั้นมากยิ่งกว่าเมื่อก่อตั้งสมาพันธ์นักศิลปะการต่อสู้เสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหม่าตงพยายามอย่างเต็มที่ในการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางทั้งหมดที่มีเพื่อให้เข้าถึงประชาชนชาวต้าเซี่ยให้มากที่สุด ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อนักศิลปะการต่อสู้ทั่วทั้งต้าเซี่ย

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ผู้คนหลายพันคนเดินทางจากพื้นที่ต่างๆ ของต้าเซี่ยมาที่ตงไห่เพื่อสมัครเข้าร่วมเป็นศิษย์ของอู๋ซง เพื่อฝึกฝนและเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้!

ในเวลานั้นเอง หยางเฟิงกล่าวอย่างจริงจังกับหม่าตงว่า "หม่าตง การก่อตั้งอู๋ซงไม่ใช่เพื่อรวบรวมศิลปะการต่อสู้และค้นหาผู้แข็งแกร่งสุดยอดของต้าเซี่ย สิ่งที่สําคัญที่สุดของอู๋ซงคือการสอนและถ่ายทอดจิตวิญญาณศิลปะการต่อสู้ การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพื่อการปกป้องครอบครัวและประเทศชาติ หากผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เป็นผู้ไม่มีคุณธรรม ไมว่าคนผู้นั้นจะเรียนรู้และฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แขนงใดก็ตาม บุคคลนั้นจะเป็นผู้ก่อหายนะต่อสังคมและประเทศชาติ!"

หากเกี่ยวกับเรื่องวรยุทธ์หรือศิลปะการต่อสู้ หยางเฟิงรู้ถึงความสําคัญของสิ่งเหล่านี้มากกว่าผู้ใด ในฐานะผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดจุดหนึ่งของต้าเซี่ย เขาไม่อยากให้ศิลปะการต่อสู้เป็นหายนะต่อความสงบสุขของประเทศ

คนที่ไม่มีศิลปะการต่อสู้จะเป็นอันตรายต่อสังคมก็ต่อเมื่อพวกเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้!

ปรมาจารย์ หม่าเป๋ากั่วปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงและผู้นำสูงสุดของสำนักหวงหยวนไท่จี๋ก็รู้สึกแบบเดียวกัน

เมื่อเขาเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ มีคนหนุ่มสาวบางคนที่ไม่ได้คำนึงถึงมารยาทในการประลองศิลปะการต่อสู้ ตามหลักแล้ว เมื่อตัดสินชี้ขาดแล้วให้หยุดมือทันที เนื่องจากถือว่าการประลองสิ้นสุดแล้ว นี่คือหลักการประลองศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท แต่ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้สนใจกฎกติกาข้อนี้เลย เมื่อปรมาจารย์หม่าได้หยุดมือแล้วตามมารยาทหลังการชี้ขาดผลการตัดสิน คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์หม่ากลับไม่ได้หยุดมือและไม่ยอมรับผลการตัดสิน ทำให้ปรมาจารย์หม่าที่ไม่ทันได้หลบหลีกได้รับบาดเจ็บหนัก และเรื่องนี้กลายเป็นชนวนเหตุในการพูดคุยถึงกฎกติกามารยาทในการประลองต่างๆ กันทั่วทั้งต้าเซี่ย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก