เทพศึกมังกรหวนคืน นิยาย บท 134

“สารอีเทอร์”

อิ่นซินรู้ว่ามีอะไรอยู่ในผ้า ต้องการต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต

แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเลย

อาการวิงเวียนศีรษะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ในที่สุดชายคนนั้นก็ถอยออก เธอไม่มีกำลังและล้มลงกับพื้นทันที

“คุณ!”

อิ่นซินนอนอยู่บนพื้น จ้องมองอิ่นป่ายด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

ในเวลานี้ อิ่นป่ายได้เดินเข้ามาตรงหน้าเธอแล้วพูดจาเยาะเย้ย “อิ่นซิน เธอเป็นเครื่องสังเวยของครอบครัวเรา ไปอยู่กับคุณชายอู๋เถอะ คนของตระกูลอิ่นก็ต้องเสียสละเพื่อตระกูลอิ่น ไม่ใช่เหรอ?”

ในเวลานี้ อิ่นซินได้นอนอยู่บนพื้นแล้ว ร่างกายอ่อนแรงมากจนพูดไม่ไหว สติสัมปชัญญะของเธอเริ่มเลือนรางลงเรื่อยๆ

เธอคลำหาโทรศัพท์มือถือโดยสัญชาตญาณ

“ที่รัก”

อิ่นซินต้องการโทรหาฉินเฟิง แต่ก็ทนไม่ไหวหมดสติไปก่อน

“ฮึ จะมาสู้กับฉัน!”

อิ่นป่ายยิ้มเหยียดหยาม เขาส่งสัญญาณให้ลูกน้อง “พาเธอออกไป พาไปส่งให้คุณชายอู๋ นี่คือของขวัญจากพวกเราตระกูลอิ่นสำหรับคุณชายอู๋”

“ครับ”

มีคนนำอิ่นซินไปวางไว้ในรถทันที

ระหว่างทาง

“เฮ้อ”

เมื่อเห็นภาพนี้คุณท่านอิ่นก็ถอนหายใจ แต่เขาไม่เสียใจ กลับรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ “เสี่ยวซิน นี่เธอกำลังเสียสละให้กับตระกูลของเรา พวกเราจะจดจำเธอไว้จากรุ่นสู่รุ่น”

เวลาหกโมงเย็นสามสิบสองนาที

ฉินเฟิงไปรับฉินกั่วกั่วกลับมาแล้ว กินข้าวก็แล้ว แต่รอแล้วรอเล่าอิ่นซินก็ยังไม่กลับมา

“เกิดอะไรขึ้น ปกติเธอเลิกงานตอนห้าโมงครึ่ง เวลานี้ก็น่าจะกลับมาถึงแล้วนะ”

ฉินเฟิงมองดูเวลา อิ่นซินเป็นคนรักษาเวลา โดยทั่วไปจะไม่กลับดึก แต่ทำไมวันนี้ถึงดึกขนาดนี้ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?

ฉินเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาอิ่นซิน

“ตู๊ดตู๊ด ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียนกำลังปิดเครื่องอยู่...”

ปิดเครื่องอยู่เหรอ?

ฉินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น มีบางอย่างผิดปกติ อิ่นซินเป็นคนบ้างาน เพื่อความสะดวกในด้านธุรกิจ โทรศัพท์ของเธอแทบจะไม่ปิดเครื่องเลย อีกอย่างครั้งนี้เธอก็ไปหาตระกูลอิ่น

“พ่อคะ มีอะไรหรือเปล่า?”

ฉินกั่วกั่วไม่ได้กินอะไรเลย เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังเล่นไม้เล่นมือ รออิ่นซินกลับมา

“เด็กดี หนูกินก่อนเถอะ พ่อจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”

ฉินเฟิงลูบศีรษะกั่วกั่วแล้วเดินออกจากประตูด้วยสายตาอาฆาตแค้น คนของตระกูลอิ่นจะไม่ลงมือทำอะไรอิ่นซินเพราะมีสายเลือดเดียวกันงั้นหรือ?

บางทีคราวนี้อิ่นซินอาจจะคิดผิดไป

“ฉีหยุน”

ฉินเฟิงโทรศัพท์ออกไป

“ท่านนายพล”

“มารับผมเดี๋ยวนี้ ด่วน”

เสียงอันเย็นชาดังออกมา ทำให้ร่างกายของฉีหยุนสั่นสะท้าน เพราะเขารู้สึกได้ว่า ฉินเฟิงกำลังโกรธ

“ครับผม”

ฉีหยุนตอบทันที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉีหยุนก็มากับรถรถแลนด์โรเวอร์ คันหนึ่งซึ่งเป็นรถออฟโรด เขาไม่รู้ว่าฉินเฟิงกำลังจะไปไหน แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน รถออฟโรดก็ไปได้เร็วที่สุด

ฉินเฟิงขึ้นรถ นั่งบนที่นั่งข้างคนขับ “ไปที่ตระกูลอิ่น”

“ครับผม”

บรืน

ฉีหยุนเหยียบคันเร่ง มุ่งหน้าไปยังตระกูลอิ่น

ในขณะนี้ตระกูลอิ่นกำลังอยู่ในบรรยากาศที่เบิกบาน คุณท่านอิ่นไปพักผ่อนแล้ว ด้วยอายุที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในโลงแล้ว เขาทนไม่ได้กับเหตุการณ์ที่ใหญ่โตเช่นนี้

อิ่นป่ายกำลังจัดงานเลี้ยงอยู่

ภายในห้องโถง มีเหล้าชั้นดีและอาหารอร่อยนานาชนิด อิ่นป่ายกำลังถือขวดแชมเปญเขย่า ละอองน้ำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า “ทุกท่าน ภาระหนี้ที่พวกคุณติดไว้ ได้รับการสะสางโดยคุณชายอู๋หมดแล้ว ไม่ต้องกังวล และคุณชายอู๋ได้ให้สัญญาว่า ต่อไปเขาจะเป็นผู้คุ้มกะลาหัวของพวกเรา”

ถึงฐานะทางสังคมของรถคันนี้

“คนคนนี้ พวกเราตระกูลอิ่นไม่สามารถล่วงเกินได้ รถทหารเลยนะ”

“เขาคนนี้เป็นใคร พอเข้ามาก็บุกทันที ทักษะขับรถไม่ดีหรือมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับเรา”

“สงสัยจะมาสร้างปัญหาให้พวกเรานะ”

ทุกคนกังวลในทันที ดูท่าทางจะมาแรง

อิ่นป่ายในฐานะผู้นำ ก็รู้ถึงความรับมือได้ยากของรถแบบนี้ด้วย เขาก้มลงทันที แล้วเดินไปเปิดประตู “คุณครับ สวัสดี นี่คือตระกูลอิ่นของเรา…ฉินเฟิง”

เขาเบิกตากว้างแล้วมองไปยังคนที่อยู่ข้างใน

สายตาของเขาไม่อยากจะเชื่อ

เดิมทีเขาวางแผนที่จะประจบสักรอบก่อน ถึงอย่างไรพอเห็นรถคันนี้ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะล่วงเกินคนคนนี้หรือไม่ก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดก็คือต้องสงบสติอารมณ์ไว้ก่อน

แต่เมื่อเขาเห็นฉินเฟิง เขาก็สงบไม่อยู่

เขาคือฉินเฟิง!

เขาคือฉินเฟิง!

ทันทีที่ฉินเฟิงลงจากรถ ก็ไม่เหมือนเวลาปกติ ความดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นในสายตาของเขา เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่น แล้วถามอย่างเย็นชา “ภรรยาผมอยู่ที่ไหน?”

“ฉินเฟิง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นไอ้เศษสวะอย่างคุณ ฮ่าฮ่า ผมยังนึกว่าใคร”

“ขับรถทหารมา ผมตกใจแทบแย่ คุณยืมมาใช่ไหม กฎระเบียบในกองทัพเข้มงวดมาก คุณยืมรถแบบนี้มาใช้ ไม่กลัวถูกต่อว่าเหรอ”

“ไอ้เศษสวะนี่มาทำอะไร หรือว่าจะมาขอยืมเงิน? เศษสวะก็คือเศษสวะอยู่วันยังค่ำ เกาะเมียกินมาตลอดก็ไม่เท่าไร แถมยังไร้ยางอายอีกด้วย”

กลุ่มคนจำนวนมากพอเห็นฉินเฟิงก็หัวเราะเยาะ

ในสายตาของพวกเขา ฉินเฟิงเป็นเพียงเศษสวะคนหนึ่งเท่านั้น

อิ่นป่ายที่โค้งตัวอยู่ในตอนแรกได้เชิดหน้าขึ้น มองฉินเฟิงอย่างเย่อหยิ่ง ในแววตามีความสงสารเจืออยู่ “ขอทานน้อย คุณมาที่นี่เพราะต้องการเงินเหรอ? ในครัวยังมีเศษกระดูกเหลืออยู่ จะเอาไหม?”

“ฮ่าฮ่า”

บรรดาผู้คนหัวเราะเยาะ บางคนถึงกับหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

แต่ในวินาทีถัดมา ทุกคนก็หัวเราะไม่ออก เพราะเห็นฉินเฟิงยื่นมือออกมาบีบคออิ่นป่ายแล้วยกเขาขึ้นมา เสียงที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านดังออกมา

“ภรรยาผมอยู่ไหน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน